ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น - ตอนที่ 43 เล่ม 2 : ทำความเข้าใจภาษาต่างโลก (19)
- Home
- ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น
- ตอนที่ 43 เล่ม 2 : ทำความเข้าใจภาษาต่างโลก (19)
5 ธันวาคม 2018 (วันพุธ)
โยโยกิ-ฮาจิมัน, ออฟฟิศ
สามวันผ่านไปหลังจากเรื่องวุ่นวายของออร์บเข้าใจภาษาต่างโลก
หลังจากค้นพบข้อมูลเกี่ยวกับการสร้างปาร์ตี้ นารุเสะก็เริ่มทำการแปลด้วยความเร็วอันน่าสะพรึงกลัว เเรงจูงใจของเธอน่าจะมาจากการอยากค้นพบความจริงๆใหม่ๆ เธอไม่ได้มาอยู่เเค่ช่วงเวลาเช้าถึงเย็นเท่านั้น เเต่เพราะไซกะอนุญาติให้เธอเข้างานได้ตามใจ เธอเลยมานั่งเเปลอยู่ที่นี่ทั้งวันทั้งคืน
สกิลเข้าใจภาษาต่างโลกนั้นก็เหมือนที่ชื่อของมันสื่อ มันจะทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าใจตัวหนังสือของดันเจี้ยนได้ เเต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่ใช่สกิลสำหรับการ ‘เเปล’ ภาษาต่างโลก ผู้ใช้จะต้องพยายามสื่อภาษาเเละวัฒนธรรมต่างโลกมาเป็นภาษาของตัวเอง อย่างเช่นระบบเเละกฏที่เหมือนกับเกม การทำเเบบนี้จำเป็นจะต้องใช้ความรู้เเละการฝึกฝน
นารุเสะกำลังเเปลบทจารึกที่ถูกเผยเเพร่มาเเล้วด้วยความตั้งใจอย่างมาก เธอมีความรู้เกี่ยวกับดันเจี้ยนเพียงพอ เเละเพราะมีเพียงเเค่เเนวคิดบางส่วนเท่านั้นที่เธอไม่เข้าใจ ความเร็วในการเเปลก็เลยน่าทึ่งเอามากๆ
พอมาถึงจุดนึง ผมก็ถามเธอ “ถ้าเธอไม่โผล่หน้าไปที่JDAเลยจะไม่เป็นปัญหาหรอ”
“ฉันทำเงินสี่หมื่นล้านเยนให้พวกเขาไปเมื่อวันก่อน ถ้าจะอู้ไปสักสิบปีก็ไม่มีใครมาว่าหรอกค่ะ!”
เอ่อ ผมไม่มั่นใจว่ามันจะสมเหตุสมผลไหมนะ
“เฮ้ มิโยชิ ฉันคิดว่าเธอทำให้นารุเสะติดเชื้อเเล้วล่ะ”
“รุ่นพี่พูดอะไรน่ะ เธอเหมือนรุ่นพี่มากกว่าฉันซะอีก”
“หา”
“ดูเธอดีๆสิ พอเธอเริ่มทำอะไรสักอย่าง เธอก็ไม่สนอีกว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน เธอเริ่มพูดว่า ‘นี่มันเริ่มจะช้าเเล้ว ฉันจะทำให้เสร็จภายในเช้านี้ก็เเล้วกัน’ สุดท้ายก็จะเริ่มไม่เข้างานเวลาปกติเเละไปอาศัยอยู่ในออฟฟิศเเทน วงจรอุบาตนี่ทำให้นึกถึงใครบ้างไหม”
“เดี่ยวก่อนๆ ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้สักหน่อย”
ผมกำลังพูดถึงเรื่องที่เธอบอกว่าถึงอู้ไปสิบปีต่างหาก เเต่ผมก็เงียบเอาไปเเละหลบสายตาเพราะยังไงก็เถียงไม่ชนะมิโยชิอยู่ดี
ภายในเวลาสองวันมานี้ ห้องญี่ปุ่นในชั้นหนึ่งที่มีขนาดราวๆ30ตารางฟุต ได้กลายเป็นที่ทำงานเเละที่นอนของนารุเสะไปเเล้ว มิโยชิเอาโซฟาเบดอย่างดีมาให้เธอ
“ถึงเราจะมีฮีตเตอร์ก็เหอะ เเต่จะให้เธอนอนบนพื้นไม่ได้นะ” มิโยชิบอก
เรายังคุยกันอย่างลับๆเรื่องที่นารุเสะอยู่ที่นี่
“ทุกอย่างที่สำคัญๆมีรหัสตั้งไว้หมดเเล้วล่ะ” มิโยชิพูดเเละหัวเราะ “เเถมฉันไม่ทิ้งอะไรมีค่าไว้ข้างนอกด้วย ถึงจะมีสปายมาอยู่ในออฟฟิศก็ไม่เป็นไรหรอก”
เธอเอาทุกอย่างที่สำคัญรวมทั้งเเลปท็อปเเละเอกสารที่เป็นกระดาษบางอย่างไว้ในสโตเรจเเล้ว ถึงจะยัดของเข้าไปมั่วๆในสโตเรจ เเต่คุณก็จะสามารถดูรายการของที่จะเอาออกมาได้ สะดวกดีใช่ไหมล่ะ
พอนารุเสะเเปลเสร็จเมื่อไร มิโยชิก็จะโพสมันลงในเวปไซต์ที่สร้างขึ้นมาใหม่ เเต่ทว่าภาษาในจารึกนั้นไม่มีอยู่ในคอมพิวเตอร์ เราเลยจะต้องโพสรูปถ่ายของจารึกเข้าไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พร้อมกับมีไอดีกำกับ
ถึงตอนนี้เราจะมีเเค่บทแปลภาษาญี่ปุ่น เเต่เรากำลังคิดที่จะเพิ่มเเบบภาษาอังกฤษไปด้วยก่อนที่จะถึงวันเผยเเพร่ในเดือนธันวาคม เเละตามที่ผมได้บอกโมนิกาไป เราตั้งใจที่จะเปิดเวปไซต์ในวันคริสมาส วันขอบคุณพระเจ้าที่ผ่านมาก็ชวดไปเเล้ว เเต่ดันเจี้ยนเองก็เลือกวันสำคัญทางศาสนา พวกเราเองก็เลยเอาตามด้วยเหมือนกัน
จากที่เเปลมา จารึกที่เจอตอนนี้นั้นเหมือนจะเป็นชิ้นส่วนจากสองบทความ
เเบบเเรกคือจากหนังสือของนักพเนจร ที่ทำหน้าที่เหมือนกับเป็นคู่มือของดันเจี้ยน มีการอธิบายลักษณะของดันเจี้ยนเเละความพิเศษของมัน คล้ายกับการอธิบายระบบเกม
ถึงจะมีเนื้อหาที่คล้ายกัน เเต่จารึกบางตัวก็มีเนื้อหาเเตกต่างกันกับจารึกอื่น นารุเสะนั้นเเปลบทความพวกนั้นโดยไม่พยายามทำให้มันสอดคล้องกัน จากนี้ไปจะเป็นงานของนักวิจัยที่จะมาเปรียบเทียบความเเตกต่างพวกนั้นกันเอาเอง
จากที่หนังสือของนักพเนจรที่เขียนเอาไว้ว่า “จารึกในดันเจี้ยนนั้นเป็นเพียงเเค่บทคัดลอกของข้อความนี้เท่านั้น” เเละเหมือนว่าบทคัดลอกพวกนั้นจะมีความต่างกันนิดหน่อย
คนที่สร้างจารึกพวกนี้นี่จริงจังกับเซตติ้งมากเกินไปหน่อยไหม
จารึกที่ไม่ได้มาจากหนังสือของนักพเนจรนั้นจะเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เเปลกๆ
“ทำให้นึกถึงเฟลเวอร์เท็กซ์ที่เราเจอตอนใช้ประเมินไหม” มิโยชิถาม
เธอพยายามที่จะเรียงชิ้นส่วนประวัติศาสตร์พวกนี้ให้มีความหมาย เเต่สุดท้ายก็ล้มเหลว
“เหมือนสิ บางทีจารึกพวกนี้อาจจะเป็นการเเนะนำตัวของโลกที่อยู่ถัดจากดันเจี้ยนไปก็ได้นะ”
“ถ้าโลกนั่นอยากจะเเนะนำตัวเองจริงๆ บางทีมันควรจะทำอะไรเเบบธรรมดาๆเเละเอาหนังสือให้เราทั้งเล่มนะ ไม่เห็นต้องทำอะไรอ้อมค้อมเเบบนี้เลยนี่นา” มิโยชิบ่น
“เเต่ว่าการค่อยๆรวมรวบจารึกพวกนี้ก็เป็นการเรียกความสนใจจากนักวิจัยหรือนักสำรวจได้นานเลยนะ”
“ก็จริงอยู่ เเต่ว่า… เอาเถอะ คิดเรื่องนี้มากไปก็เสียเวลาเปล่า ตอนนี้ฉันจะพยายามเรียงตามลำดับวันที่ค้นพบเเละชนิดของจารึกก็เเล้วกัน”
มิโยชิยืนขึ้นเเละยืดตัวเหมือนจะเปลี่่ยนความคิด
“จะพักหรอ”
“ใช่”
“อ้อ จะว่าไป เมื่อวันก่อนมีข่าวเกี่ยวกับอุบัติเหตุรถบรรทุกนั่นด้วยนะ”
ถึงหน่วยกู้ภัยจะพยายามช่วยเหลือคนขับ เเต่ทว่าเขาก็เสียชีวิตเพราะว่าหัวใจวาย สุดท้ายคดีนี้ก็เลยถูกคิดว่าเป็นอุบัติเหตุ
“โลกนี้เต็มไปด้วยความมุ่งร้ายกับการสมคบคิดว่าไหม” มิโยชิถอนหายใจ
“ฉันเเค่อยากจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเท่านั้นเอง”
“ฉันก็เหมือนกัน…”
นารุเสะพูดขึ้นมาจากด้านหลัง “ขอเเสดงความเสียใจกับผู้ที่อยากจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขด้วยนะคะ เเต่ว่าฉันไม่คิดว่าจะเป็นไปได้หรอก”
จากนั้นเธอก็ส่งบทเเปลของ RU22-0012 ให้ผมด้วยท่าทางเป็นทางการ
รหัสของจารึกเเต่ละชิ้นนั้นจะตั้งตามนี้ก็คือ ประเทศที่เจอจารึกนั้นๆ + แอเรียไอดี + ลำดับการค้นพบ หรือพูดอีกอย่างนึงก็คือ จารึกนี้ถูกค้นพบโดยประเทศรัสเซียเเละเป็นจารึกลำดับที่12ที่ถูกค้นพบในแอเรีย22 ซึ่งแอเรีย22นั้นก็คือกรุงมอสโคว
เนื้อหาในจารึกนี้จะต้องทำให้นักสำรวจทั่วโลกตกใจอย่างมากเเน่นอน เเละเหมือนรัสเซียก็พยายามที่จะปกปิดมันเอาไว้
ถ้าข้อมูลนี้ถูกเผยเเพร่ออกไป นักสำรวจระดับสูงทั้งหมดน่าจะมารวมตัวกันที่โยโยกิ ที่จริงเเล้วก็มีนักสำรวจลำดับสองชาวรัสเซียที่ชื่อว่า ดิมิทรี นั้นยังไม่ได้มาที่ญี่ปุ่น
“ทรัพยากรเเร่จำนวนไม่จำกัดนั้นสามารถพบได้ในดันเจี้ยนตั้งเเต่ชั้น 20 ไปจนถึงชั้น 79 ของทุกๆดันเจี้ยน” ผมอ่านออกเสียง “เเละหลังจากชั้นนั้นไป…”
ประโยคที่สองนั้นไม่ได้อยู่ในจารึกนี้ เเต่ว่าเเค่ประโยคเเรกก็ได้ความหมายครบถ้วนเเล้ว
“ถึงมันจะเป็นเรื่องจริง เเต่การจะเคลื่อนย้ายเเร่จำนวนมากออกจากดันเจี้ยนนั้นก็ทำได้ยากอยู่ดีในตอนนี้” ผมพูด “ตรงจุดนี้จะเป็นข้อจำกัดของจำนวนการผลิต”
“เเต่ถ้าดันเจี้ยนสามารถสร้างเเร่หายากหรือเเร่ที่มีค่าได้ มันจะมีผลต่อทิศทางของโลกเลยนะ” มิโยชิพูด
“ใช่ ทรัพยากรเเร่น่าจะรวมถึงพวกอัญมณีด้วย”
“เเต่ว่าพวกคุณคิดยังไงกับชั้นที่ 80 เป็นต้นไปคะ” นารุเสะถาม “จารึกไม่ได้บอกเอาไว้ เเต่รู้สึกเหมือนส่วนที่ถูกตัดออกไปจะน่ากลัวมากเลย”
“ต้องเป็นมิธริลหรือโอริฮาลคัมเเน่ๆเลย” มิโยชิตอบ
ถึงตัดที่เธอพูดเล่นออก ผมคิดว่ามันเป็นไปได้มากเลยทีเดียว ดันเจี้ยนพยายามล่อให้มนุษย์เข้าไปลึกมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นก็น่าจะมีรางวัลอะไรมาล่อตาล่อใจนักสำรวจให้ลงไปลึกกว่าชั้นที่ 79
“จากจารึก เเร่ธาตุที่ถูกสร้างขึ้นในเเต่ละชั้นจะเเตกต่างกันไปตามเเต่ละดันเจี้ยน” นารุเสะพูด “เเต่ว่าชั้นที่ 15 จะเหมือนกันทุกๆดันเจี้ยน ซึ่งจะเป็นทอง”
โห ชั้น15ของทุกดันเจี้ยนจะผลิตทองออกมาอย่างไม่จำกัดงั้นหรอ
“ถ้าคนรู้เรื่องนี้เข้า ราคาทองต้องดิ่งฮวบเเน่เลย” ผมพูด
“รุ่นพี่ก็เพิ่งพูดเมื่อกี๊ไม่ใช่หรอ การเอาของออกเป็นตันๆออกมาจากดันเจี้ยนน่ะไม่ง่ายเเน่”
ณ ตอนนี้ ทั้งโลกนั้นจะสามารถสร้างทองออกมาได้ 1000 ตันต่อปี การจะขนทองจำนวนขนาดนั้นออกมาจากดันเจี้ยนชั้น 15 นั้นเเน่นอนว่ายาก ถ้าเกิดทำพลาดขึ้นมา ค่าดำเนินการคงพุ่งสูงกว่ากำไรซะอีก
นารุเสะเลื่อนไปยังบทเเปลที่อยู่ด้านล่าง ซึ่งช่วงหลังนั้นจะอธิบายถึงวิธีการทำเหมืองเเร่
“ฉันคิดว่ามันไม่ง่ายเลยค่ะ” นารุเสะพูด “อย่างเเรกจะต้องกำจัดมอนเตอร์ธาตุดินเเละได้รับสกิลทำเหมืองเเร่ซะก่อน พอมีสกิลนี้เเล้ว มอนสเตอร์ชั้น 20ลงไปจะดรอปทรัพยากรเเร่”
เหมือนว่าการเเร่ที่ดรอปในเเต่ละชั้นจะถูกกำหนดเอาไว้โดยไม่เกี่ยวกับชนิดของมอนสเตอร์ในชั้นนั้นๆ
“ตอนนี้สกิลทำเหมืองเป็นสกิลที่ยังไม่ได้รับการบันทึกค่ะ”
“มอนสเตอร์ธาตุดินงั้นหรอ ถ้าดูผลของสกิลทำเหมือง พนันได้เลยว่ามอนสเตอร์ชั้น 20 จะดรอปออร์บนี้”
นารุเสะพยักหน้า “ในโยโยกิ ฉันนึกถึงมอนเสตอร์ในชั้น 13 ที่ชื่อว่าเกรทเดสมาน่าค่ะ”
“อืม ดูมันน่าจะเป็นธาตุดินอยู่นะ”
ก็เป็นตัวตุ่นนี่นา
“เเต่ฉันชอบตัวอะไรที่มันตรงไปตรงมามากกว่านะ อย่างเช่นพวก โนม เจโนโม หรือพวกโนมิด อ้อ เเล้วก็คนเเคระด้วย”
“หือ ในโยโยกิมีจีโนมอยู่นะ” มิโยชิบอก
“จริงดิ”
“ใช่ พยายามนึกก่อนว่าอยู่ชั้นไหนนะ…”
“18 ค่ะ ชั้นนี้จะเป็นเทือกเขาสูงชัน เจโนมนั้นอาศัยอยู่ในถ้ำ เเต่ว่าชั้นนั้นมีเชิงเขายาวสุดลูกหูลูกตา เเถมถ้ำใต้ดินก็เป็นปัญหาด้วย พอรวมสองอย่างนี้เข้าด้วยกัน นักสำรวจก็เลยไม่ค่อยเข้าไปยุ่งกับพื้นที่นี้สักเท่าไร”
“ฟังดูเหมือนเราจะบิงโกเเล้วล่ะ”
“พวกเราจะลองไปดูหรอ” มิโยชิถามตาเป็นประกาย
ทรัพยากรเเร่ไม่จำกัด เคยเป็นเเค่ความฝันล่ะนะ เเต่ว่า…
“ถ้าไม่มีสกิลทำเหมือง ก็จะไม่สามารถดรอปเเร่หรอ เจาะจงจังนะ ว่างั้นไหม”
“เรื่องนั้น…” นารุเสะพูดพลางเลื่อนบทเเปลจารึกลงด้านล่างอีก
ผมต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นบทเเปลดังกล่าว “ผู้มีสกิล49คนหรอ”
จากบทเเปล ถ้ามีคนที่มีสกิลขุดเหมือง 49 คนอยู่ในชั้นเดียวกัน คนอื่นๆจะสามารถดรอปเเร่ที่ถูกตั้งค่าไว้ได้
“เธอคิดว่าไง มิโยชิ”
“49 เป็นเลขนำโชค” เธอตอบทันที
ถ้าจะให้ผมเดา 49 น่าจะเป็นเลขนำโชคลำดับที่ 13
“อะไรนะคะ” นารุเสะสงสัย
“ดันเจี้ยนพยายามส่งสารมาให้เราผ่านตัวเลขพวกนี้ เเละในครั้งนีั สารก็คือ ‘โชคดี’ ไงล่ะ”
ก็อาจจะเป็นโชคดีสำหรับประเทศที่ขาดเเคลนเเหล่งเเร่ตามธรรมชาติ เเต่ทว่า่…
“เลขนำโชคเป็นจำนวนธรรมชาติที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วย’ตะเเกรงกรอง’ ชนิดหนึ่ง” มิโยชิอธิบาย “ตะเเกรงที่ว่านี้บางทีก็ถูกเรียกว่า ‘ตะเเกรงกรองของโจเซฟัส ฟลาเวียส’ ที่อ้างอิงมาจาก’ปัญหาของโจเซฟัส’ ซึ่งมีต้นฉบับมาจากทหารกลุ่มนึงที่ตกอยู่ในสถานการณ์อับโชคเเละต้องตายไป”
“กำลังพูดถึงอะไรอยู่กันเเน่นะคะ”
“ตอนที่โจเซฟัสเเละพวกพ้องต้องติดอยู่ในถ้ำเพราะทหารโรมัน พวกเขาเลือกที่จะฆ่าตัวตายเเทนที่จะถูกจับ ก็เลยมายืนกันเป็นวงกลมเเละจับฉลากหมายเลขเพื่อเรียงลำดับว่าใครจะต้องฆ่าตัวตายก่อน สิ่งที่พวกเขาทำกันนี่เเหละเป็นที่มาของตัวเลขนำโชคของตะเเกรงกรอง สรุปก็คือตัวเลขของคนที่รอดเลยกลายมาเป็นตัวเลขนำโชคไงล่ะ เเละ49 ก็เป็นตัวเลขนำโชคลำดับที่ 13”
“เธอน่าจะคิดมากไปนะคะ” นารุเสะทำหน้าเเบบอธิบายไม่ถูก
เเต่ดันเจี้ยนก็ใช้วัฒนธรรมเรื่องเล่าในโลกเป็นพื้นฐานมาตลอด เเละถ้ามันจะเป็นอย่างนั้นอีกครั้ง เราคงจะปล่อยผ่านไปไม่ได้
“ยังไงก็ตาม การจะหาสกิลทำเหมืองก็อันตรายอยู่ดี”
มิโยชิเห็นด้วย “สุดท้ายเเล้วพวกเราคงต้องลงมือเองล่ะนะ”
“มันก็เป็นเเบบนั้นเเหละ”
ทำไมมันต้องเป็นเเบบนี้น่ะหรอ เพราะว่าผมชอบไปเกี่ยวข้องกับอะไรสักอย่างที่ไม่ควรจะยุ่งเกี่ยวละมั้ง
“เดี๋ยวก่อนนะคะ นอกจากเรื่องสกิลขุดเหมือง ฉันมีอีกอย่างที่อยากจะเอาให้ดู”
“อะไรหรอ”
นารุเสะยื่นไฟลล์มาให้ด้วยท่าทางนอบน้อมอีกครั้ง อันนี้คือ “BF26-0003”
“BF คือประเทศอะไรหรอ”
“เบอคิน่า ฟาโซ ค่ะ”
“อย่างกับชื่อไดโนเสาร์” มิโยชิหัวเราะ
เบอคิน่า ฟาโซเป็นประเทศในแอฟริกาตะวันตกที่ดินเเดนทางเหนือเป็นพื้นที่กึ่งทะเลทราย ที่อยู่ทางใต้ของทะเลทรายซาฮาร่า ที่นั่นมีปัญหาเรื่องขาดเเคลนอาหารมาหลายปีเพราะความเเห้งเเล้ง จากในบริเวณนั้น เบอคิน่า ฟาโซกับญี่ปุ่นนั้นถือว่ามีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน เพราะญี่ปุ่นนั้นได้ส่งความช่วยเหลือไป
โกรม-โกรม เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเขตอูดาลันที่อยู่ทางเหนือของเบอคิน่า ฟาโซ ประมาณ 30 กิโลเมตรไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองนี้จะมีบึงมาโคอายขนาดใหญ่ ดันเจี้ยนมาโคอาย เป็นดันเจี้ยนที่จารึกนี้ถูกค้นพบ มันตั้งอยู่ที่ทางใต้ของบึงนี้
“น่าเเปลกใจจังนะที่มีคนไปเจอดันเจี้ยนตรงนั้น”
“เหมือนสมาชิกของเบิร์ดไลฟนานาชาติจะเป็นคนเเรกที่ไปเจอค่ะ”
“อะไรล่ะนั้น”
มิโยชิลองค้นหาในอินเตอร์เนต ดูว่าเบิร์ดไลฟคืออะไร มันเป็น NGOs นานาชาติที่ใหญ่ที่สุด ที่อุทิศตนเพื่อการอนุรักษ์นก เเละตั้งเเต่ปี 2000 มีนโยบายการรักษาสิ่งเเวดล้อมหลายตัวถูกนำมาใช้ที่มาโคอาย เพราะที่นั่นเหมือนเป็นเเหล่งสมบัติของนกท้องถื่นเเถวนั้น
เเละเนื้อหาของจารึกนี้ก็น่าตกใจยิ่งกว่าของ RU22-0012 ซะอีก
“อาหารเรอะ?!”
“เหมือนกับทรัพยากรเเร่ อาหารสามารถหาได้จากชั้นลึกของดันเจี้ยน ตั้งเเต่ชั้นสองไปจนถึงชั้น20 ถ้าเราเชื่อจารึกนี้ล่ะก็นะคะ”
ถ้าจารึกนี้ไม่มีอะไรผิดพลาด มันน่าจะช่วยเเก้ปัญหาขาดเเคลนอาหารของเขตกึ่งทะเลทรายได้ บางทีเราอาจจะได้วิธีเเก้ปัญหาที่ประชากรของโลกมากเกินไปด้วยซ้ำ หรือไม่ก้สำหรับประเทศที่ไม่เหมาะกับการทำเกษตรกรรม
“สำหรับมนุษยชาติโดยรวมเเล้ว เรื่องนี้จะทำให้เกิดปัญหามากกว่าเเร่ซะอีก”
“ค่ะ เเต่วิธีการได้มาก็เป็นปัญหาเหมือนกัน”
“เราจะต้องมีสกิลเก็บเกี่ยวอะไรเเบบนี้อีกหรอ”
เเต่ว่าครั้งนี้ เงื่อนไขที่เขียนอยู่ในจารึกนั้นต่างออกไป
“จำนวนของนักสำรวจทั้งหมดหรอ”
อาหารจะดรอปขึ้นอยู่กับจำนวนของนักสำรวจ
“ถ้าจำนวนนักสำรวจทั้งหมดเกิน 500 ล้านคน มอนสเตอร์จะเริ่มดรอปอาหารค่ะ”
ดันเจี้ยนนั้นเกิดขึ้นมาเมื่อสามปีที่เเล้ว เเละตอนนี้เราก็มีนักสำรวจเกือบจะถึง 100ล้านคน ดูเผินๆ 500ล้านนั้นเหมือนจะห่างไกลมากเลยทีเดียว
“ถ้าข้อมูลนี้ถูกเปิดเผยไป บางประเทศอาจจะบังคับให้ประชาชนจะต้องเป็นนักสำรวจด้วยก็ได้ โดยเฉพาะพวกที่คิดว่าอาหารจะไม่พอกับคนในอนาคต”
จีนจะเป็นประเทศเเรกเเน่นอน เพราะการหาอาหารนั้นเป็นภารกิจอันดับหนึ่งของผู้นำที่นั่น ผมนึกภาพออกเลยว่าพวกเขาต้องบังคับประชาชนให้ลงทะเบียนนักสำรวจเเน่ๆ
“เเค่ในเอเชียกับแอฟริกาก้มีคนมากกว่า 500ล้านคนที่จะเป็นนักสำรวจได้ เราอาจจะถึงจำนวนนั้นในพริบตาเลยก็ได้”
“เเต่ว่านะรุ่นพี่ สำหรับพื้นที่ที่ขาดเเคลนอาหารก็ดีอยู่หรอก เเต่สำหรับที่ๆมีอาหารเพียงพอ มันจะเป็นการไปขัดขวางการผลิตเเละการส่งออกน่ะสิ”
ในโลกยุคปัจจุบัน เหตุผลที่มีพื้นที่อดอยากก้เพราะเเต่ละพื้นที่นั้นสามารถผลิตอาหารได้ไม่เท่ากัน เเต่ทว่าถ้าคิดถึงเรื่องราคา การส่งออกอะไรพวกนี้ เรื่องนี้ก็หลีกเลี่ยงไมไ่ด้
“การขายอาหารนั้นไมไ่ด้กำไรมากเท่าไร เขตอดอยากส่วนมากก้น่าจะนำอาหารจากดันเจี้ยนมาบริโภคเองภายในประเทศนะ เเละสำหรับประเทศที่มีอาหารเพียงพอ ก้ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมาล่าอาหารเพิ่มนี่”
“เราเคยคุยกันไปเเล้วนี่ เรื่องที่ว่าอาหารจากดันเจี้ยนจะช่วยเพิ่มความสามารถให้ผู้กินน่ะ”
อ้อใช่ ลิ้นเฮลฮาวดืสินะ จำำได้เเล้ว
หรือก็คือ อาหารจากดันเจี้ยนจะเป็นกุญเเจสำคัญในการสร้างคนที่มีพลังเหนือมนุษย์
“ถ้าพืชผลที่มาจากดันเจี้ยนนั้นสามารถเพิ่มความสามารถได้จริง พวกพื้นที่ที่ไมไ่ด้ขาดเเคลนอาหารก็จะร่วมวงล่าอาหารในดันเจี้ยนด้วยเหมือนกัน เพราะมันอยู่เเค่ชั้นสองนี่เอง”
“ถ้าเป็นเเบบนั้น อาหารที่มาจากดันเจี้ยนจะไม่มีราคาเเพงขึ้นหรอ เเล้วก้จะกลายเป็นตลาดเเยกออกไปจากอาหารเดิมๆ”
เเน่นอนว่ามันขึ้นอยู่กับอัตราการผลิตด้วย เเต่ถ้าเทียบกับขนาดของทั้งโลกเเล้ว ดันเจี้ยนนั้นมีน้อยกว่ามาก ผมจินตนาการไม่ออกเลยว่าอาหารจากดันเจี้ยนจะกลายมาเป็นส่วนมากของอาหารที่เราบริโภค
อาหารที่มีอยู่เเล้วจะยังขายต่อไปเเละราคาจะไม่ลดลง เเต่อาหารจากดันเจี้ยนจะกลายเป็นอาหารที่มีราคาสูงเเทนเเละเป็นตลาดเเยกกัน พื้นที่อดอยากอาจจะส่งออกอาหารจากดันเจี้ยนเเทนโดยขึ้นอยู่กับราคา เเละถูกนำไปเเลกเปลี่ยนกับอาหารธรรมดา
“ตั้งเเต่ปีหน้า โลกจะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเเน่ๆ”
“ถ้าเราเก็งกำไรหุ้นตอนนี้น่าจะรวยเละเลย”
ถึงผมจะพูดเล่นก็เถอะ เเต่ข้อมูลนี้จะมีผลกระทบอย่างมาก ราคาของหุ้นอาหารจะร่วง เเต่ก็เเค่ชั่วคราว โดยพื้นฐานเเล้วเราไม่สามารถเร่งการผลิตอาหารจนมีผลกระทบต่อทั้งโลกได้ ในตอนเเรกก็จะไม่มีอะไรมากไปกว่านักสำรวจเอาอาหารที่พบกลับบ้านไปเลี้ยงครอบครั้วเท่านั้นเอง
“ฉันขอผ่านล่ะ ถ้ามีใครมาตรวจสอบประวัติการซื้อขายของฉัน คงโดนทั้งโลกเขม่นเเน่ๆ”
ก้จริง ถ้าเราซื้อขายโดยใช้ชื่อมิโญชิ เเละราคาตลาดเปลี่ยนเพราะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับดี-พาวเวอร์ส เธอจะต้องโดนวิจารณ์อย่างหนักเเน่นอน
“เราต้องเอาเรื่องนี้ไปเผยเเพร่นะคะ เเต่ไม่รู้จะมีใครเชื่อเราไหม”
ผมเข้าใจนะว่าเธอรู้สึกยังไง การเผยเเพร่ข้อมูลในจารึกตอนนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ที่สำคัญคือเราต้องได้รับความเชื่อใจตั้งเเต่ตอนเเรก
“น่าเสียดายที่คงไม่มีใครเชื่อเรา เเต่ถ้าเราปล่อยข้อมูลเรื่องปาร์ตี้ด้วย เราก็จะสามารถให้ทั้งโลกทดสอบกันเองได้ ถ้าเราไม่ทำตรงนี้ก่อนก็คงไม่มีใครเชื่อเรา”
นารุเสะเห็นด้วย
ผมเห็นข้อมูลจากจารึกพวกนี้เเล้วก็อดที่จะเล่นมุกไม่ได้ “นี่ อีกสักพักเราอาจจะเจอจารึกที่เขียนเอาไว้ว่า ‘ถ้าเราลงไปที่หลุมบนยอดเขาสเนฟเฟล เราจะสามารถไปถึงใจกลางโลกได้’ ก็ได้”
“ที่จริงบริเวณสเนฟเฟลก้มีดันเจี้ยนแอเรีย28นะ” มิโยชิตอบ “เเถมถ้าจำไม่ผิด มันเปิดให้เข้าชมด้วย”
“งั้นเราก็สามารถเดินทางไปใจกลางโลกได้จริงๆงั้นหรอ!”
เเร่ที่ดรอปในดันเจี้ยนนั้นจะต้องเป็นเพชรไม่ก็คริสตัลอย่างไม่ต้องสงสัย