ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น - ตอนที่ 41 เล่ม 2 : ทำความเข้าใจภาษาต่างโลก (17)
- Home
- ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น
- ตอนที่ 41 เล่ม 2 : ทำความเข้าใจภาษาต่างโลก (17)
“โอ๊ะ”
โจชัวเเหย่ขาเข้าไปที่ประตูรถไฟที่กำลังจะปิดเพื่อให้ประตูเปิดออกมาอีกครั้ง เขากับนาตาลีไล่ตามกลุ่มชายที่เพิ่งพุ่งออกจากชานชาลาไป
“เราอยู่ที่ไหนเนี่ย” โจชัวตะโกนถาม
“เซ็นดากายะ!” นาตาลีตะโกนตอบ
“เเล้วมันที่ไหนกันเล่า!”
“นายก็เห็นเเผนที่ตอนอธิบายภารกิจเเล้วไม่ใช่รึไง อยู่ทางใต้ของสวนเเห่งชาติ!”
โจชัวกับนาตาลีเลี้ยวขวาที่อุโมงค์ลอดเเละพอกับกลุุ่มชายที่กำลังวิ่งอยู่ด้านหน้าห่างประมาณ 10 เมตร ที่ทางออกมีใครบางคนที่น่าจะเป็นโยชิมูระ กำลังวิ่งอยู่ไกลพวกเขาออกไปอีก ทว่าในระหว่างที่เขากำลังหิ้วอะไรสักอย่างอยู่ที่เเขนขวานั้น เท้าของเขาก็…
“หายไปงั้นหรอ” โจชัวตะโกน
จากตรงที่เขาอยู่ ทางออกนั้นอยู่ไกลออกไปมาก โจชัวเลยไม่สามารถมองเห็นได้ชัดจากที่ไกลขนาดนี้ โยชิมูระต้องอยู่ตรงนั้นเเน่ๆ เเต่พริบตาถัดมาเขาก็หายไป
“ดูที่พวกที่อยู่ข้างหน้าเราสิ” นาตาลีพูด ตอนนี้พวกนั้นยืนอยู่ใต้ท่อนเหล็กสีเหลืองสลับดำ
“โยชิมูระน่าจะขึ้นไปข้างบนจากตรงนั้น”
“ในเวลาชั่วพริบตาเนี่ยนะ” โจชัวถาม
“นายก็น่าจะทำได้ไม่ใช่หรอ”
“เอ่อ พอพูดเเบบนั้นก็ใช่เเหละ”
โจชัวมองไปที่เเท่งเหล็ก มีตัวหนังสือเขียนเอาไว้ว่า 3.3 เมตร ท่อนเหล็กนี่น่าจะสูง 3.3 เมตรจากพื้นดิน
โจชัวเเละนาตาลีลดความเร็วลงเเละซ่อนตัวอยู่ที่ทางโค้งของถนน มองดูกลุ่มชายที่กำลังปีนกำเเพงที่ดูคล้ายกับหน้าผา
“พวกนั้นฝึกมาได้ไม่เลวเลย” โจชัวพูด
เหมือนว่าพวกนั้นจะโดดข้ามรั้วไปในทีเดียวเหมือนโยชิมูระไม่ได้ เเต่พวกเขาก็ปีนกำเเพงได้อย่างราบรื่น
“พวกนั้นไล่ตามดี-พาวเวอร์สอย่างเปิดเผยเลยงั้นก็น่าจะเป็นพวกหมีจากทิศเหนืองั้นเรอะ”
พอพวกรัสเซียปีนกำเเพงเสร็จ โจชัวกับนาตาลีก็ไล่ตามไปด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ พวกเขากระโดดไปที่เเท่นจำกัดความสูงเเละก็กระโดดเข้าไปในสวน
ชายสี่คนที่กำลังไล่ตามพวกดี-พาวเวอร์สหันหลังกลับมาเพราะอยู่ดีๆก็มีคนสองคนโผล่มาด้านหลังพวกเขาเเละเริ่มทำการกำจัดเป้าหมายทันที ชายสองคนด้านหน้าหยิบปืนขึ้นมายิงในเวลาพร้อมกัน พอโจชัวกับนาตาลีเห็นเเนวกระสุน พวกเขาก็กระโดดหลบไปอยู่หลังต้นไม้
“ไม่ตลกเลยนะเฟ้ย พวกนั้นเปิดฉากยิงเราจริงๆเรอะ!”
“กล้าดีนี่ ทำเเบบนั้นในญี่ปุ่นเนี่ย” นาตาลีตอบ
ที่ประเทศนี้ เสียงปืนเพียงนัดเดียวก็สามารถดึงดูดตำรวจหลายร้อยคนมาได้ เเล้วคนพวกนี้ก็เปิดฉากยิงโดยไม่สนใจอะไร พวกเขาต้องคุ้นเคยกับการสู้รบมากๆไม่ก็ไม่คุ้นเคยกับญี่ปุ่น
ระหว่างที่ชายสองคนด้านหลังถือปืนประคองเป็นกำลังเสริม พวกเขาก็เคลื่อนไหวเป็นวงอ้อมต้นไม้ พวกนั้นน่าจะคิดว่าโจชัวกับนาตาลีไม่มีอาวุธเพราะพวกเขาไม่ได้ยิงตอบโต้
“อย่าฆ่านะ ปัญหาจะตามมาเยอะเเน่”
ถ้าสายลับของDEAบอกมาเเบบนี้ก็น่าจะจริง โจชัวคิด
ปกติเเล้วในระหว่างการไล่ล่ายาเสพติด คำให้การของคนที่ไม่เปิดเผยตัวตนนั้นจะไม่มีประโยชน์ เเต่ทว่าถ้าคนที่่ให้การนั้นเปิดเผยตัวตน พวกเขาก้มีความเสี่ยงที่จะถูกหมายหัวจากพวกค้ายาได้ เพราะฉะนั้น การจับตายอาชญากรไปเลยนั้นเป็นวิธีที่ปกติของDEAมากกว่าการจับเป็น
พอนาตาลีเห็นชายสองคนอ้อมมา เธอก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ด้วยความที่เป็นอดีตสมาชิกของหน่วย FAST ที่เป็นหน่วยพิเศษของDEA เธอเชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ระยะประชิด ในระหว่างที่กำลังหลบกระสุน เธอพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อเเละกระเเทกปืนหลุดจากมือของชายคนเเรกเเละกระเเทกฝ่ามือใส่คางของเขาอีกทั้งยังใช้ชายคนนั้นเป็นโล่บังกระสุนจากคนอื่นๆไปพร้อมๆกัน
โจชัวนั้นเร็วขึ้นไปอีก ระหว่างที่นาตาลีกำลังปลดอาวุธจากมือชายคนเเรก โจชัวก็เเทงมีดเข้าไปที่ข้อมือของชายที่อยู่เเนวหลังอย่างรวดเร็วเเละกวาดขาของชายคงนั้นเเละกระเเทกหัวเขาลงพื้นไปพร้อมๆกัน
โจชัวกับนาตาลีทำให้ชายเหล่านั้นหมดสติไปทั้งหมดโดยไม่มีช่องว่าง เเละลากทหารรัสเซียพวกนั้นไปซ่อนไว้ที่เงาของต้นไม้ นาตาลีค้นอุปกรณ์เเละสัมภาระของพวกเขาอย่างไม่มีเสียง
“เสียเวลาเปล่า เธอไม่เจออะไรหรอก ถ้าเจออะไรสักอย่างที่สามารถบอกที่มาได้ก็เป็นของปลอมเเน่ๆ” โจชัวพูด
“นายพูดถูก พวกเขาใช้ปืน SIG P320s พยายามทำตัวเหมือนมาจากอเมริกาน่ะสิ”
เเต่อย่างไรก็ตาม นาตาลีก็ปลดอาวุธคนพวกนั้น มัดไว้เเละเดินไปที่ชายที่นั่งอยู่ที่ม้านั่งที่อยู่ที่ทางเดินตามสวนซากุระ
“ที่เหลือฝากด้วยก็เเล้วกัน” เธอพูดเป็นภาษาญี่ปุ่น ทิ้งเหล่าทหารที่หมดสติอยู่เอาไว้ข้างม้านั่ง
เธอไล่ตามโยชิมูระต่อโดยไม่รอคำตอบ
“เเบบนั้นโอเคหรอ” โจชัวถาม
“เเน่นอน เห็นชัดๆว่าเป็นคนของทานากะ”
ถึงคนของทานากะจะลงรถไฟตามมาที่เซ็นดากายะเหมือนกัน เเต่นาตาลีก็ไม่เห็นว่าพวกเขาตามมาจากทางด้านหลัง พวกเขาน่าจะเข้ามาในสวนด้วยทางอื่นหรือไม่ก็เป็นอีกทีมเลยที่ถูกส่งมาที่นี่
เเถมไม่ว่าการต่อสู้เมื่อกี้จะเงียบขนาดไหน เเต่มันก็เกิดขึ้นใกล้กับทางเดินเลย เเละก็มีการยิงปืนด้วย ชายที่นั่งตรงม้านั่งน่าจะสังเกตเห็นว่ามีอะไรผิดปกติ เเต่ว่าเขาก็ยังนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เเสดงให้เห็นว่าไม่ใช่คนธรรมดาเเน่นอน
“เเล้วถ้าเกิดเขาไม่เกี่ยวข้องอะไรเลยล่ะ”
“ถ้าเป็นเเบบนั้นเดี๋ยวเขาก็โทรเเจ้งตำรวจเองนั่นเเหละ เเต่มันไม่ใช่เรื่องของเราเเล้ว”
การกระทำของนาตาลีทำให้โจชัวตกใจไม่น้อย ปกติเเล้วเธอเป็นคนที่มีเหตุผลที่สุดในทีม เเต่ทว่าตอนนี้เขาก้เห็นด้วยกับเธอไปก่อนโดยคิดว่าการโต้เถียงตอนนี้นั้นไร้ประโยชน์
***
“รุ่นพี่ ตอนนี้เราจะเอายังไงกันดี ไปนั่งสายมารุโนอุจิไปที่ยตสึระหรือว่าไปทางเหนือเเล้วไปที่สายชินจูกุ”
“เราจะข้ามสี่เเยกที่ชินจูกุเขตหนึ่ง เเล้วก็เรียกเเท็กซี่บนถนนชินจูกุไม่ก็ถนนไกเอนนิชิ”
มีเเท็กซี่จำนวนมากจอดอยู่บริเวณทางออกโอคิโด เเต่ว่ารถที่กำลังรอผู้โดยสารอยู่นั้นอาจจะเป็นกับดักก็ได้ ผมเลยคิดว่าจะเรียกรถเเท็กซี่ที่ผ่านมาเเทน พวกเขาไม่น่าจะวางกับดักบนเเท็กซี่ที่วิ่งผ่านไปมาได้
“เข้าใจเเล้ว”
พวกเราวิ่งไปทางสี่เเยกเเละเรียกเเท็กซี่ได้ในเวลาไม่นาน ประตูเลื่อนนั้นเปิดเเละปิดช้ามาก ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกกดดันเพราะความเเน่นของผู้คน เเถมหน้าต่างก็เปิดไม่ได้ด้วย เเต่ยังไงผมก็คิดว่ามันกว้างสบายดี
“ไปสำนักงานใหญ่ JDAที่อิจิกายะผ่านทางถนนยาสุคุนิครับ”
รถเริ่มเคลื่อนตัววิ่งไปทางเหนือบนถนนไกเอนนิชิ หลังจากเลี้ยวขวาที่สี่เเยกโทมิฮิสะโจนิชิตะวันออก พวกเราก็เข้าสู่ถนนยาสุคุนิ
***
“เห้ย ดูนั่นสิ” ทหารรัสเซียคนหนึ่งพูด
ชายสองคนที่ขับรถมาจากยตสึยะเจอดี-พาวเวอร์สเเล้ว เป้าหมายของพวกเขากำลังขึ้นเเท็กซี่
เเต่ทว่า สัญญาณจากหน่วยไล่ตามนั้นยังอยู่ที่สวน โชคดีที่ทีมรถยนต์ของรัสเซียนั้นติดไฟเเเดงอยู่ที่สี่เเยก ชายคนที่นั่นข้างคนขับกระโดดลงจากรถเเละวิ่งไปที่สวนเพื่อตรวจสอบสถานการณ์
พอสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว คนขับที่เหลืออยู่ในรถก็หันหัวรถยูเทิร์นกลับ เเละเริ่มขับไล่ตามรถเเท็กซี่ที่ดี-พาวเวอร์สอยู่เพื่อตรวจสอบเส้นทางของพวกเขา
***
“เฮ้ นาตาลี เห็นพวกนั้นที่เพิ่งผ่านเราไปไหม”
พวกเขาเพิ่งสวนกับชายน่าสงสัยข้างนอกประตูโอคิโด โจชัวห่วงเรื่องนี้ก็เลยถามนาตาลี เเต่ในขณะเดียวกันเขาก็เห็นรถที่หักรถยูเทิร์นอย่างกระทันกัน เสียงล้อรถบดกับถนนนั้นดังไปทั่วสี่เเยก
“โธ่เว๊ย พวกนั้นไม่ให้เราพักเลย”
เขากับนาตาลีออกวิ่งอีกครั้งเเละกระโดดขึ้นรถเเท็กซี่ที่อยู่ตรงหน้า
***
“เเกว่าไงนะ”
หัวหน้าทีมรัสเซียพูดกับลูกน้องผ่านทางอุปกรณ์สื่อสาร
“ท่านครับ ทีม 1 ถูกจับกุมไปเเล้ว”
ทหารคนหนึ่งไปที่ด้านหลังสวนเพื่อยืนยันสถาณการณ์ ที่นั่นเขาพบกับเพื่อนร่วมทีมสี่คนถูกมัดอยู่เเละมีชายอีกหลายคนกำลังล้มพวกเขาเอาไว้ เหมือนมาจากองค์กรอะไรสักอย่าง
“จับกุมงั้นหรอ ไม่ได้ฆ่าตัวตายด้วย!” หัวหน้าทีมถาม
“ทุกคนหมดสติอยู่ครับ”
“บ้าชะมัด” หัวหน้าทีมคิด มีใครบางคนทำให้ทั้งทีมเราหมดสติไปโดยไม่ฆ่าเนี่ยนะ พวกมันใช้เเก๊สกลางเมืองหลวงรึไง
“เเล้วด้านดี-พาวเวอร์สล่ะว่าไง”
“พวกนั้นอยู่บนเเท็กซี่มุ่งไปทางเหนือบน 319 ครับ”
“เข้าใจเเล้ว ที่เหลือฝากด้วย ทีม2”
ในเขตสงครามนั้น พวกเขาไม่ต้องห่วงเรื่องเป็นจุดสนใจ เเต่ว่าที่นี่นั้นมีข้อจำกัดหลายอย่าง ที่ทำได้มากที่สุดก้คือการโจมตีที่ถูกจัดฉากเหมือนว่าเป็นอุบัติเหตุ
“พวกเขาจะขโมยออร์บมาได้ไหม” หัวหน้าทีมถาม
“ถ้ามีคำสั่งเเละอุปกรณ์ที่เหมาะสม พวกเขาสามารถฆ่าสมาชิกดี-พาวเวอร์สทั้งสองคนได้ครับ” ลูกน้องตอบ “เเต่ว่าการขโมบออร์บนั้นเป็นไปไม่ได้”
“เข้าใจเเล้ว คอยจับตาดูเอาไว้ เเล้วถ้ามีโอกาส….ก็จัดการซะ”
“เรื่องเวลาผมขอกำหนดเองนะครับ”
“ได้ ถ้าเเกมั่นใจอย่างนั้น”
“รับทราบครับ”
หัวหน้าหน่วยวางสายเเละตัดสินใจใช้ไพ่ตายที่บริเวณJDA ตามข้อมูลที่ได้รับมา ดี-พาวเวอร์สจะไม่สามารถส่งมอบออร์บได้ถ้ามีสมาชิกคนใดคนนึงบาดเจ็บ
เอาล่ะ ฉันไม่มีทางอื่นเเล้ว หัวหน้าคิดพร้อมกับยักไหล่
จากนั้นเขาจึงติดต่อไปที่ลูกน้องที่ประจำการอยู่ที่โรงเเรมเเกรนฮิลล์อิจิกายะ
***
มิโยชิถอนหายใจยาวระหว่างที่มองทิวทัศน์ที่ผ่านไปจากทางหน้าต่างรถเเท็กซี่
“เหมือนว่าตอนนี้จะไม่เป็นอะไรเเล้วนะ”
“ใช่ เหมือนจะอย่างนั้น พอเราไปถึงถนนยาสุคุนิก็น่าจะยากสำหรับคนที่ไล่ตามมาเเล้วถ้าจะก่อการใหญ่”
ถึงผมจะพูดอย่างนั้น เเต่ก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี
“ทำไมล่ะ” มิโยชิถาม
“สุดท้ายเเล้ว ไม่ว่าเราจะเลือกใช้ทางไหน ปลายทางก็เป็นที่เดียวกันอยู่ดี”
“ก็จริง”
“เพราะฉะนั้นถึงเราจะสลัดหลุดพวกที่ตามมาได้ เเต่ก้น่าจะมีพวกที่รออยู่เเถวๆ JDA เธอคิดว่าไง”
“เอาจริงหรอ JDAตั้งอยู่หน้ากระทรวงกลาโหมเลยนะ”
ณ ตอนนั้น พวกเรากำลังผ่านหน้าประตูใหญ่ของกระทรวงกลาโหมเเละป้าย “อีก 300 เมตรจะถึงถนนโซโตโบริ” ระหว่างที่ถนนเลี้ยวไปด้านซ้ายเล็กน้อยก็มีรถเซมิเทรลเลอร์เร่งความเร็วเข้ามาหาเราจากเลนสวนฝั่งตรงข้าม ผมรู้สึกไม่ดีจึงส่งสัญญาณให้มิโยชิด้วยสายตา
พอมิโยชิเห็นสัญญาณของผม รถบรรทุกก็หักขวากระทันหันคล้ายกับยางถูกเจาะ ทำให้คนขับไม่สามารถควบคุมรถได้ ในชั่วพริบตารถคันนั้นก็พุ่งข้ามเลนมาส่งเสียงดังกึกก้อง เเละเริ่มพุ่งเข้ามาหาพวกเราด้วยเเรงเฉื่อย
รถบรรทุกที่ถูกเหวี่ยงด้วยเเรงเฉื่อยหนีศูนย์กลางนั้นพุ่งตรงมาข้างหน้า ขวางทั้งสามเลนที่จะไปทางตะวันออกเอาไว้ ด้านขวาของเรานั้นเป็นเลนสวน ด้านซ้ายของเราเป็นรั้วคอนกรีต ไม่มีที่ให้พวกเราหนี คนขับรถเเท็กซี่ที่กำลังตกใจนั้นเหยียบเบรคจนมิด
“อย่าหยุด! พุ่งตรงไปข้างหน้านั่นเเหละ” ผมตะโกน
พอผมตะโกน ดรัดวินก็เหยียบคันเร่งรถจากเงามืด ทำให้รถเริ่งความเร็วขึ้นอย่างกระทันหัน ตัวรถพุ่งเข้าใส่รถบรรทุกก่อนที่คนขับจะสามารถบังคับพวงมาลัยได้ทัน
คนขับส่งเสียงกรีดร้องเเละหลับตา
ระหว่างนั้น มิโยชิก็ตะโกนสั้นๆ “คาวัล!!”
รถบรรทุกนั้นกำลังใช้ด้านข้างพุ่งมาหาพวกเรา คาวัลพุ่งออกมาจากเงาของรถบรรทุกเเละใช้ไหล่ของมันยกรถขึ้น มันเหวี่ยงรถขึ้นไปด้านบนทำให้รถบรรทุกหมุนจนมีที่ว่างพอให้รถเเท็กซี่ลอดผ่านไปได้ ถ้าเป็นในหนัง ฉากนี้ต้องเป็นฉากสโลโมชั่นเเละมีภาพซ้ำจากสามมุมเเน่ๆ
รถบรรทุกกระเเทกพื้นเเละไถลไปที่ป้ายรถบัสที่อยู่หน้ากระทรวงกลาโหมเเละไปหยุดอยู่ที่ประตูหน้าของกระทรวงกลาโหม
“พ-พวกเรายังไม่ตายงั้นหรอ” คนขัยถามด้วยสีหน้ามึนงง
มิโยชิกับผมกระซิบกันไม่ให้ใครได้ยิน
“ทำได้เจ๋งมาก” ผมพูด
“เดี๋ยวเราต้องให้หินเวทย์เป็นรางวัลทีหลังเเล้วล่ะ”
“เอ่ออ งั้นก็ได้”
ระหว่างที่ผมมองคนขับที่กำลังงงอยู่ด้วยหางตา รถที่เรานั่งก็ยังคงเคลื่อนตัวไปข้างหน้าด้วยเเรงเฉื่อยเเละมาหยุดอยู่ที่หน้าโรงเเรมเเกรนฮิลล์อิจิกายะ ปกติเเล้วเราจะข้ามถนนตรงนี้ไม่ได้ เเต่เพราะว่ามีอุบัติเหตุขนาดใหญ่อยู่ด้านหลัง ก็เลยไม่มีรถตามมา
“เราลงตรงนี้ครับ ไม่ต้องทอน”
พอจ่ายคนขับไปด้วยเเบงค์หมื่นเยน พวกเราก้โดดออกจากรถเเละข้ามถนน สำนักงานใหญ่JDAอยู่ตรงหน้าพวกเรา
***
โรงเเรมเเกรนฮิลล์อิจิกายะตั้งอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามของJDA ชายคนหนึ่งที่สวมใส่ชุดที่ดูไม่น่าสงสัยกำลังยืนอยู่บนดาดฟ้าของตึกที่อยู่ถัดจากโรงเเรม ระหว่างที่เขาซ่อนตัวอยู่ในที่กำบัง เขาก็นำปืนขนาด 1.2 เมตรออกมาจากกระเป๋า
SR-25M ปืนไรเฟิลที่ถูกใช้โดยยูเอสมารีนมีMOA 0.75 หรือพูดอีกอย่างก็คือ ในระยะห่าง90เมตร กระสุนจะพุ่งไปโดยคลาดเคลื่อนไม่เกิน 2 เซ็นติเมตร
เเต่ทว่าไม่มีอะไรจะสู้ปืนไรเฟิลโบลต์เเอคชั่นของรัสเซียได้ ถ้าฉันมี T-5000 ล่ะก็สมบูรณ์เเบบ
สำหรับปฏิบัติการนี้ เขาจำเป็นจะต้องทิ้งปืนในขณะที่หลบหนี เเถมทางเบื้องบนก็เตรียมการพิเศษไว้ให้เขา จากที่ลองเมื่อวานก็รู้สึกไม่เลวเลยทีเดียว
ทางเข้าของJDAนั้นมีคานบังออกมา ทำให้ทางฝั่งตรงข้ามเเม่น้ำไม่มีจุดซุ่มยิง จุดเเรกก็เลยเป็นบนหลังคาของโรงเเรม เเต่ทว่าเพื่อให้ได้มุมยิง เขาจะต้องพิงออกไปจากขอบตึก เเละเพราะหลังคาโรงเเรมนั้นอยู่ต่ำกว่าของตึกJDA ทำให้ตัวเขานั้นจะถูกมองเห็นได้จากทางหน้าต่าง
ตึกซาไนโชที่ตั้งอยู่ห่างออกไปน่าจะเป็นที่ๆดีกว่านี้ น่าเสียดายที่มันอยู่ห่างจากตึกJDAไป 350 เมตร อีกทั้งเป้าหมายนั้นอยู่ระหว่างอาคาร ทำให้เขาจะมีเวลาเเค่เสี้ยววินาทีเพื่อทำการยิง
ถ้าเป็นการยิงเเข่งกันในสถานฝึกซ้อม เขามั่นใจว่าจะทำสำเร็จ เเต่ทว่าตอนนี้เขาต้องซุ่มยิงคนสองคนจากฝั่งตรงข้ามถนน อีกทั้งยังมีตึกขนาบทั้งสองข้าง สุดท้ายเเล้วถ้านับการที่เป้าหมายสามารถขยับได้เข้าไปด้วย โอกาสยิงให้โดนก็จะน้อยลงมาก
สุดท้ายเเล้วเขาก็ตรวจสอบตึกหลายๆใกล้กับโรงเเรมเเละเลือกที่นี่ จากที่นี่จะห่างจากเป้าหมายเเค่ 100 เมตรเท่านั้น
ปกติเเล้ว ถึงจะหลับตาก็ยิงโดนได้ เเต่ทว่า…
ทันใดนั้น รถเซมิเทรลเลอร์ก็เริ่มพุ่งข้ามถนนที่อยู่ตรงหน้าเขา
ดูเหมือนว่า “เเขก” ของเขาได้มาถึงเเล้ว
ในจุดที่ถนนโค้งไปทางขวาเล็กน้อย รถเทลเลอร์ก็ไถลตามด้านข้างไป
ไม่คิดว่านี่มันมากไปรึไง ทีม2
ตึกJDAนั้นสูงกว่าตึกนี้ ถ้ามีอุบัติเหตุใหญ่เกิดขึ้น คนจำนวนมากน่าจะเริ่มมองลงมาจากทางหน้าต่าง ไม่ว่าเขาจะพรางตัวขนาดไหน ยิ่งมีคนให้ความสนใจกับนอกหน้าต่างน้อยเท่าไรก็ยิ่งดี เเต่โชคดีที่ทุกคนมองไปยังจุดที่เกิดเหตุ ซึ่งอยู่ในทิศตรงกันข้ามกับชั้นดาดฟ้านี้
บางทีฉันอาจจะไม่ต้องลงมือก็ได้ ชายคนนั้นคิดในขณะที่รถกำลังไถลปิดทาง
ทันใดนั้นรถเทรลเลอร์ก็ลอยขึ้นในอากาศอย่างผิดธรรมชาติ เเละเเท็กซี่ที่ดี-พาวเวอร์สน่าจะนั่งมาก็ลอดใต้รถบรรทุกไปอย่างปลอดภัย
พอเห็นดังนั้นก็เหมือนมีสวิตซ์อะไรสักอย่างถูกสับในตัวของชายคนนั้น
***
ในขณะที่พวกเราวิ่งเหยาะๆไปที่ทางเข้า มิโยชิที่หน้าซีดเล็กน้อย หันหลับมาเเละกระซิบอะไรบางอย่างกับผม
“รุ่นพี่ อุบัติเหตุเมื่อกี๊นี้…”
“จำเรื่องที่เราพูดไปที่JDAเมื่อวันก่อนได้ไหม”
“เรื่องอะไรหรอ”
“ถ้ามีพวกเราคนใดคนหนึ่งเสียชีวิต เราจะไม่การันตีความปลอดภัยของออร์บที่เรามีอยู่”
“อ๋อ ใช่ จำตอนที่รุ่นพี่บลัฟได้ งั้นก็หมายความว่า…”
“พวกนั้นตั้งใจที่จะฆ่าเรา น่าจะนะ”
ถ้าข้อมูลนี้หลุดออกไปจริงๆ เเละคนที่ตามเรามาไม่สามารถจะขโมบออร์บจากเราไปได้ พวกนั้นอาจจะตัดสินใจฆ่าผมหรือมิโยชิเพื่อที่จะทำลายออร์บ
“เรื่องพวกนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นในญี่ปุ่นได้นะ” มิโยชิประท้วง
“ก็จริงอยู่ที่รถบรรทุกอาจจะพลิกคว่ำไปเองด้วยอุบัติเหตุเเละพวกเราอาจจะคิดมากไปเองก็ได้”
เเต่ทว่าก็มีใครบางคนตามเราอยู่ที่สวนจริงๆ เเล้วก็ทำไมรถบรรทุกนั่นถึงพลิกคว่ำที่ถนนยาสุคุนิได้อย่างเหมาะเจาะขนาดนี้ รถนั่นกำลังขนของไปที่ไหนกัน ถ้าดูจากเส้นทางเเล้วก็น่าจะไปที่ชินจูกุ ถ้าเลยไปก็จะเป็นฮาชิโอจิกับอตสึกิ รถนั้นน่าจะมุ่งหน้าไปยังคาวาซากิไม่ก็โยโกฮาม่า
ในตอนนั้น รถพยาบาลเเละรถสายตรวจก็วิ่งผ่านพวกเราไป เสียงไซเรนดังไปทั่ว รถฉุกเฉินของญี่ปุ่นยังทำงานได้เร็วน่าประทับใจเหมือนเคย ระหว่างที่คิดอยู่ ผมก็หันไปที่ประตูทางเข้าของ JDA
เเละนั่นเป็นตอนที่มันเกิดขึ้น
***
มือปืนนั้นเล็งไปที่ศีรษะของผู้หญิงด้วยกล้องเเบบ 4x เขาสามารถเล็งไปที่ผู้ชายก็ได้เเต่เขาชอบมองใบหน้าสวยๆระเบิดมากกว่า เขาจะต้องยิงต่ำลงเพราะอยู่ใต้ลมเเละเป้าหมายกำลังเดินอยู่ ภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้ไม่มีทางพลาดได้เลย จากนั้นเขาก็ลั่นไก
***
วงกลมสีดำขนาดประมาณ 5 เซ็นติเมตรปรากฏขึ้นหน้าหัวของมิโยชิพร้อมกับเสียงดังพุ่บเเละหายไปในเกือบจะทันที
เดี๋ยวนะ ไม่ใช่ว่าผมเคยเห็นจุดดำเเบบนั้นที่ชั้นสิบหรอ
“หรือว่านั่น…”
ชิบหายเเล้ว มีใครกำลังซุ่มยิงพวกเราอยู่หรอ
ถึงเราควรจะหาที่กำบังในทันทีก็เหอะ เเต่พวกเราไม่ได้ถูกฝึกมาสักหน่อย ฉะนั้นพวกเราเลยมองไปที่ขึ้นไปที่หลังคาของตึกใกล้เคียงที่กระสุนนั้นมาเเทน
“เอธเธลลัม!”
พอมิโยชิตะโกนชื่อมัน ผมก็จินตนาการได้ว่าเฮลฮาวด์นั้นพุ่งออกจากเงาของผู้โจมตีเหมือนกับกระสุนสีดำ
***
เป็นไปไม่ได้ที่จะยิงพลาด เเต่ระหว่างที่มองผ่านกล้องเล็งนั้น กระสุนก็ไม่มีทีท่าว่าจะไปโดนเป้าหมายเลย ใบหน้าที่โผล่อยู่ในกล้องนั้นเเค่ดูเเปลกใจ ไม่มีเเผลอะไรสักนิด
กระสุนหายไปไหนกันนะ เขาห่างจากเป้าหมายเเค่ 100 เมตร หรือว่าศูนย์เล็งถูกปรับอย่างไม่ถูกต้องกันนะ ไม่สิ ถ้าเป็นเเบบนั้นกระสุนก็น่าจะไปโดนอะไรสักอย่าง
ถึงเขาจะกำลังสับสนอยู่ เเต่มือปืนก็เอานิ้วไปวางที่ไกปืนอีกครั้ง เขาต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ ถึงมันจะหมายถึงต้องให้เขาใช้กระสุนให้หมดก็ตาม เเต่ทว่าเขาไม่สามารถทำตามที่ตั้งใจเอาไว้ได้ เพราะทัศนวิสัยของเขาดับลงเเละหมดสติไปในทันที
***
ผมกับมิโยชิยืนอยู่เฉยๆเเทนที่จะหนี เเต่ว่ากระสุนนัดที่สองก็ไม่มาถึง บางทีมือปืนอาจจะยอมเเพ้หลังจากยิงนัดเเรกเเละวิ่งหนี หรือไม่ก็เอธเธลลัมนั้นทำให้เขาหมดสติไปเหมือนกับทำกับพวกที่บุกเข้ามาในออฟฟิศของเรา
“เธอเป็นอะไรรึเปล่า” ผมถาม
“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามีคนซุ่มยิงเราจริงๆ เป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าเชื่อเลย”
พอได้ยินน้ำเสียงของเธอ ผมก็ถอนหายใจ “บางทีฉันก็ไม่เข้าใจเธอเลยล่ะ”
“ตอนที่ฉันบอกให้เชื่อใจพวกอาเธอร์ส ฉันไม่ได้เเค่จะอวดหรอกนะ เเต่ก็ยังทำใจเชื่อว่ามีคนซุ่มยิงพวกเราไม่ได้จริงๆ” พอถึงตอนนี้มิโยชิก็หัวเราะ “ก็เราไม่เห็นกระสุนนี่นา ได้ยินเเค่เสียงเอง”
ตอนที่ดูวีดีโอจากต่างประเทศที่มีการยิงกันในชุมชนเกิดขึ้น คนส่วนมากจะเริ่มวิ่งหนีหลังจากมีคนล้มลง เเต่ทว่ามันก็น่าตกใจมากอยู่ดี
ผมเอามือโอบไหล่มิโยชิอย่างอ่อนโยน เเละพวกเราสองคนก็เดินเข้าประตูไปยังล๊อบบี้ของJDA