ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น - ตอนที่ 39 เล่ม 2 : ทำความเข้าใจภาษาต่างโลก (15)
- Home
- ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น
- ตอนที่ 39 เล่ม 2 : ทำความเข้าใจภาษาต่างโลก (15)
โยโยกิ ดันเจี้ยน
“เพราะงั้นพวกเราเลยมาที่ดันเจี้ยนกระทันหันงั้นสิ” มิโยชิถาม
หลังจากที่เข้ามาที่โยโยกิตอนเช้าเเล้ว พวกเราก็ใช้ทางที่สั้นที่สุดตรงไปยังชั้นล่าง วันนี้พวกเราไม่จำเป็นต้องหนีพวกที่สะกดรอยตามมา
“เเหม ก็เราต้องไปหาออร์บเข้าใจภาษาต่างโลกวันนี้ใช่ไหมล่ะ”
“ก็ใช่ เเต่ว่า…เราต้องไปชั้นเก้า จริงหรอ”
เพราะเราเพิ่งอยู่ในดันเจี้ยนกันหลายวัน มิโยชิเลยพูดเหมือนไม่อยาก
เอาจริงๆผมเองก็รำคาญเหมือนกัน
“ใช่ เมื่อวันก่อนเราพาคนที่ตามเรามาไปที่ชั้นสิบเเล้ว คราวนี้ฉันอยากจะเเนะนำโคโลเนียมวอร์มที่ชั้นเก้าให้พวกเขารู้จักบ้าง”
“รุ่นพี่เองก็ยังไม่ได้รับเกียรติให้ได้เจอกับโคโลเนียมวอร์มด้วยตัวเองสักหน่อย”
“เเต่ฉันเห็นวีดีโอเเล้วไง อย่าใส่ใจเรื่องเล็กๆน้อยๆน่า เเต่ถ้าฉันเจอมันตัวเป็นๆจริงๆ คงจะตายอยู่ตรงนั้นเเน่ๆ ไม่ต้องสงสัย”
“เเล้วยังจะพาคนอื่นไปหาพวกมันอีกหรอ ทำไมถึงชั่วร้ายอย่างนี้ล่ะ”
มิโยชิคิ้วขมวดกับความโหดร้ายของผม เเต่ทว่าเธอก็ยิ้มไม่หุบเหมือนกัน
“เเล้วก็ ถ้าทุกๆทีมมาล่าโคโลเนียลวอร์ม มันอาจจะดรอปไอเทมที่เราเคยพูดถึงก็ได้ ที่เหมือนกับเป็นท้องน่ะ”
โคโลเนียลวอร์มเป็นมอนสเตอร์ตัวอย่างที่ ‘ไม่มีใครอยากจะล่า’ ซึ่งนั่นทำให้ไม่มีใครรู้ว่ามันดรอปอะไรบ้าง เพราะตอนนี้เป็นโอกาศเดียวของพวกเรา ผมจะใช้โอกาสนี้ให้พวกเขาล่ามันให้เหี้ยนเลย
“รุ่นพี่จะส่งคนไปตายเพื่อดูว่ามันดรอปอะไรบ้างหรอ โหดร้าย”
“ที่เธอยิ้มกว้างอยู่นั่นก็ถือเป็นผุ้สมรู้ร่วมคิดเเล้ว เเต่ว่าพวกนั้นน่าจะไม่เป็นอะไรหรอก ตราบเท่าที่มีทีมที่สามารถยิงคุ้มกันได้”
“พวกทหารที่มาทำภารกิจสอดเเนมจะมีอาวุธสนับสนุนหรอ”
“ใช้ไรเฟิลจู่โจมก็ได้นี่”
“แปปเดียวกระสุนก็หมดเเน่ๆ”
หนึ่งเเม็กมีกระสุน 30 นัดใช่ไหมนะ ถ้ายิงเเบบออโต้ แปปเดียวก็หมด ถึงจะมีสามเเมกกาซีนก็เหอะ
ถ้ามีคนตายจริงๆผมคงรู้สึกไม่ดี เเต่ว่าข้อมูลของชั้นเก้านั้นก็ถูกเผยเเพร่ไปเเล้ว ถ้าทีมสำรวจตัดสินใจที่จะตามเราไปเองที่ชั้นนี้พวกเขาคงไม่ตายง่ายๆหรอกมั้ง
เเต่อาจจะเป็นเเผลใจของพวกเขาไปเลยก็ได้
ผมต้องเคลื่อนที่ให้เร็วทีมพวกนั้นจะได้มีเวลาล่าบนชั้นเก้า เรามีเวลาเหลือเเค่ 24 ชั่วโมงเท่านั้นเอง
“เเต่ถ้าเร็วเกินไปพวกนั้นก็จะตามไม่ทันอีก”
“ลองนึกภาพปาร์ตี้นักสำรวจเเรงค์Gทิ้งห่างหน่วยสอดเเนมไม่เห็นฝุ่นดูสิ เเถมเป็นทางง่ายๆด้วย อาจจะเป็นอีกปัญหาเลยก็ได้นะ”
เธอพูดถูก ถ้าเป็นทางที่ซับซ้อนหน่อย นักสำรวจระดับต่ำอาจจะทิ้งห่างมืออาชีพได้สักวินาที เเต่ถ้าเป็นทางที่ไม่มีสิ่งขีดขวางเลยคงประหลาดน่าดู
ผมวิ่งต่อไปเรื่อยๆด้วยความเร็วที่เร็วกว่าปกตินิดหน่อย เพื่อให้มั่นใจว่าสกิลตรวจจับของผมยังสามารถตรวจจับพวกที่ตามเรามาได้อยู่ เเต่เพราะเราไม่สนใจมอนสเตอร์ นี่เลยถือว่าเร็วมากสำหรับในดันเจี้ยน หวังว่าพวกที่ตามมาจะคิดว่านี่เป็นเเค่ความผิดพลาดของมือใหม่นะ
“เมื่อวันก่อนเราจูงจมูกพวกเขาได้สำเร็จ ตอนเเรกฉันเลยคิดว่าวันนี้คนคงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเเน่ๆ เเต่ก็ดูไม่ใช่อย่างนั้นเเหะ”
“เพิ่มจำนวนคนเป็นสองเท่าภายในวันเดียวคงยากนั่นเเหละ ไมไ่ด้อยู่ในประเทศตัวเองด้วย เเถมต้องมีการฝึกพิเศษอีก”
มีเหตุผล ถ้ามีคนพร้อมเเต่เเรกเเล้ว ก็น่าจะมาพร้อมกันตั้งเเต่คราวก่อนเลย
ระหว่างที่พวกเราลงไปลึกขึ้นเรื่อยๆ ผมสังเกตว่ามีคนเเบบเดียวกันยืนอยู่ที่ตีนบันไดตลอดเลย
“มิโยชิ เธอสังเกตไหม”
มิโยชิที่เดินนำอยู่หันหน้าหลับมาหาผม ทำหน้าสงสัย “สังเกตอะไรหรอ”
“มีคนยืนอยู่ที่บันไดทุกครั้งที่เราลงบันไดเลย”
“ก็ไม่เเปลกนี่ เรายังไม่ได้ลงไปลึกขนาดนั้นสักหน่อย”
ผมเอามือวางไว้ที่คางเป็นท่ากำลังคิด “ไม่ พวกนั้นไม่ใช่นักสำรวจธรรมดา”
“เเล้วเป็นใครล่ะ”
“น่าจะเป็นพวกคนที่มาคอบจับตาดูพวกเรา”
ในเเต่ละปาร์ตี้ จะมีสมาชิกคนนึงที่เเบกเป้ขนาดใหญ่ ดูเเล้วเหมือนอุปกรณ์สื่อสารเอามากๆ ทหารญี่ปุ่นเหมือนจะเปลี่ยนวิธีการหลังจากถูกพวกเราปั่นหัวเมื่อวันก่อน
“เเต่ถ้าไม่ตามเรามา พวกเขาจะจะปกป้องเราไม่ได้สิ”
“พวกที่จะปกป้องเราน่าจะคนของสำนักความมั่นคง เเต่กลุ่มพวกนั้นเหมือนว่าจะเป็นทหาร”
“ถ้างั้น ก็น่าจะเป็น…”
“SDFน่ะสิ”
ถ้าภารกิจของพวกเขาไม่ใช่ปกป้องเรา จุดหมายที่เเท้จริงก้น่าจะเป็นหาว่าชั้นไหนที่ออร์บเข้าใจภาษาต่างโลกจะดรอป กลุ่มที่เราเจอจะอยู่ที่ตีนบันไดทุกครั้ง เพราะงั้นตรงนั้นน่าจะเป็นที่ที่เหมาะที่สุดถ้าจะเฝ้าระวัง
“พวกเราเจอองค์กรที่สามารถจะส่งคนมาในทันทีเเล้วล่ะ”
“งั้นเราควรจะปลอมตัวไหม”
“ฟังนะ” ผมพูด “จะปลอมตัวไปเพื่ออะไรล่ะ”
สุดท้ายเเล้ว การรู้ว่าเราอยู่ที่ชั้นไหนมันก็ไม่มีความหมายอะไรเท่าไร ถึงมิโยชิจะตื่นเต้นอยากจะทำการ หนีให้พ้น เเต่มันจะทำให้เราออกห่างจากเป้าหมายที่เราต้องการจริงๆ
“ไม่ใช่ซ่อนหาหรือไล่จับหรอกนะ”
“จริงหรอ เเล้วเรามาทำอะไรที่นี่ล่ะ”
“เดี่ยวนะ เเล้วเรามาทำอะไรที่นี่…”
เเสร้งว่ามาหาออร์บมั้ง หรือทำเป็นเอาออร์บให้นักสำรวจคนอื่นในดันเจี้ยนหรอ
“อืมมม ทำเป็นรับออร์บมาจากนักสำรวจคนอื่นล่ะมั้ง”
“อ๋อ เป็นสาเหตุที่รุ่นพี่เข้าหาคนที่เราเจอมากกว่าปกติงั้นหรอ”
“ใช่”
ยิ่งเราเข้าหาคนอื่นมากเท่าไร พวกที่ตามเรามาก็จะระบุเป้าหมายได้ยากมากขึ้นเท่านั้น
“ถ้าเป็นเเบบนั้น ไม่ใช่ว่าเราควรเพ่นพ่านอยู่ชั้นบนที่มีคนเยอะๆมากกว่าหรอ” มิโยชิถาม
เธอพูดถูก พอมาคิดดู ก็ไม่มีเหตุผลที่เราจะลงไปที่ชั้นเก้านี่นา
“เหมือนว่าความอยากที่จะเเก้เเค้นมันมาบิดเบือนการตัดสินใจไปหน่อย”
ถูกจับตามองตลอดเวลามันรู้สึกขยะเเขยงน่ะ ผมเลยอยากจะเอาคืนพวกถ้ำมองซะหน่อย
“สรุปคือ รุ่นพี่เเค่ทำตัวเป็นเด็กงั้นสิ”
“โห ไม่อ้อมค้อมเลยนะ”
ระหว่างที่คุยกันอยู่ พวกเราก็เข้าหานักสำรวจที่ผ่านมา บางทีก็มองไปที่ทางเดินอย่างมีความหมาย สุดท้ายพวกเราก็ไปถึงชั้นเเปดอย่างรวดเร็ว
***
พอทีมรัสเซียตามดี-พาวเวอร์สไปถึงชั้นแปด จำนวนนักสำรวจก็ลดลงอย่างมาก ในโยโยกิฟิลด์ป่านั้นเริ่มตั้งเเต่ชั้นห้าไปจนถึงชั้นแปด เเถมชั้นแปดก็เหมือนจะเป็นบาเรียเเบ่งเเยกระหว่างมือโปรอีกด้วย ที่นี่มีบลัดเเบร์เยอะมากก เฮลฮาวด์ก็เริ่มโผล่มาให้เห็น เพราะเหตุนี้ชั้นแปดก็เลยมีจำนวนนักสำรวจน้อยยกเว้นบริเวณทางเข้าเเละทางออก
“ถึงเวลาที่จะจัดการพวกนั้นเเล้ว” ทหารรัสเซียคนนึงพูดกับทีมของเขา
เขาเดินไปทางด้านข้าง สวมใส่อุปกรณ์เเบบเดียวกันกับชายอีกห้าคน ภารกิจของพวกเขาก็คือกำจัดเป้าหมายหรือขัดขวางไม่ให้พวกเขาได้รับออร์บ อย่างหลังจะต้องคอยจับตาดูพวกนั้นจนกว่าจะได้รับออร์บ เพราะฉะนั้นอย่างเเรกจะทำได้ง่ายกว่า
ทีมรัสเซียสามารถสัมผัสได้ถึงอีกสามกลุ่มอยู่ตลอดเวลา เเต่ว่าทีมพวกนั้นเหมือนจะสนใจว่าเป้าหมายลงไปที่ชั้นไหนมากกว่า ทำให้กลุ่มอื่นๆนั้นเผชิญหน้ากับดี-พาวเวอร์สโดยตรงเเต่ใช้ทางที่สั้นที่สุดเพื่อมุ่งไปยังชั้นเก้ามากกว่า
สมาชิกทีมที่เหลือหยักหน้าให้กับคำพูดของชายคนนั้น พวกเขาเร่งความเร็วเเละเเบ่งกลุ่มกันเป็นกลุ่มละสามคนเพื่อจะเข้าล้อมดี-พาวเวอร์ส
***
“หืมม รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังมา” ผมพูด
“ที่ว่าอะไรบางอย่างคืออะไรล่ะ”
สามในสี่ทีมที่ตามเรามาใช้ทางลัดเพื่อที่จะนำหน้าพวกเรา ทีมพวกนั้นน่าจะพยายามหาว่าเราจะไปชั้นไหน ถ้าพวกเขาไปที่บันไดชั้นเก้าก่อนเเละพวกเราไม่ได้ผ่านไป พวกเขาก็จะรู้ว่าพวกเรานั้นจะอยู่ในชั้นแปด เหมือนวิธีนี้จะถูกคิดขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลเหมือนกับเมื่อวันก่อน
เเต่ทว่าการเคลื่อนไหวของอีกทีมนั้นต่างออกไป
“เหมือนหนึ่งในทีมที่ตามเรามาเริ่มหมดความอดทนเเล้วล่ะ” ผมอธิบาย
พวกเขาลดระยะห่างกับพวกเราอย่างรวดเร็ว
“ทั้งหมดมีหกคน พอเอาจริงพวกเขาก็เร็วไม่ใช่น้อยเลย”
พวกเขาเเบ่งเป็นสองทีมทีมละสามคนตอนที่พวกเรายังไม่เห็นพวกเขา เเละกำลังเข้ามาโจมตีขนาบข้างพวกเรา
“จะทำยังไงดี” ผมถาม
“หมายความว่ายังไง เดี๋ยวอาเธอร์สก็จัดการเองเเหละ”
เหมือนว่าคาวัลกับเอเธลเลมพร้อมที่จะเคลื่อนไหวเเล้ว
“พวกมันรู้สึกถึงกลุ่มคนที่มีความตั้งมั่น – น่าจะเป็นศัตรู – กำลังมุ่งเข้าหาพวกเรา เลยทำให้พวกมันตื่นตัว”
“หมายความว่าพวกเราไม่ต้องลงมือเองงั้นสิ”
“คงงั้น”
***
อยู่ๆทหารรัสเซียที่อยู่หน้าสุดก็หายตัวไปโดยมีสัญญาณเตือน ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันเเน่
“อะไรน่ะ!”
ทหารที่เหลือสองคนหยุดวิ่งเเละมารวมกลุ่มกันใต้ต้นไม้ พวกเขาสำรวจรอบๆบริเวณเเต่ก็ไม่พบอะไรเลย
“นายเห็นไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ไม่ หายไปต่อหน้าต่อตาเลย”
เเต่อยู่ๆคนจะหายไปไม่ได้ ถึงศัตรูจะใช้อาวุธที่ไม่มีเสียง ยังไงก็จะต้องเหลือศพ
ทหารคนนึงพยายามทำใจให้เย็นลงเเละใช้วิทยุสื่อสารไร้สายติดต่อชายคนที่หายไป เเต่ไม่มีเสียงตอบรับ จากนั้นเขาก็พยายามติดต่อกับอีกทีม ที่มุ่งหน้าอ้อมไปอีกทางเพื่อรายงานสถาณการณ์ เเต่ทว่า…
“ทำไมถึงไม่มีคนตอบเลย!”
“วิทยุสื่อสารจะพังพร้อมกันก็ไม่น่าใช่”
เหลือความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว
“จะบอกว่าอีกทีมถูกกำจัดไปเเล้วงั้นหรอ!”
ชายอีกคนพยักหน้าเงียบๆ
“บ้าน่า…”
พอพูดจบ ชายคนนั้นก็มองไปรอบๆอีกครั้ง ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงตุ๊บดังขึ้นด้านหลัง พอหันหลังกลับไปก็พบว่าชายอีกคนได้หายไปเเล้ว เหลือไว้เพียงปืนไรเฟิลอัตโนมัติกองอยู่ที่พื้น
“หะ-เห้ย ไม่ตลกเลยนะ”
ชายคนนั้นตะโกนออกมา เเต่ทว่าไม่มีเสียงตอบรับจากที่ไหนเลย
“ล่ะ-ล้อเล่นกันใช่มั้ย…”
ทีมของพวกเขานั้นได้รับการฝึกหนักเท่าที่จะฝึกไหว เขาไม่น่าจะไร้หนทางขนาดนี้ การปล่อยให้เพื่อนร่วมทีมหายไปโดยที่ไม่รู้เลยว่าศัตรูหน้าตาเป็นยังไงนั้นไม่น่าจะเป็นไปได้
ชายคนนั้นยืนอึ้งอยู่กับที่ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงหอบเเห่งความตาย เขารู้สึกถึงลมหายใจน่าขนลุกอยู่ที่ต้นคอ เขาจึงหันกลับมาด้วยความกลัวเเละถูกห่อหุ้มไว้ด้วยความมืด
****
“เเล้วเราจะทำยังไงกับพวกนี้ดี” มิโยชิถาม
ผมมองไปยังชายหกคนที่นอนเเน่นิ่งไม่ขยับเเละส่งเสียงคราง “อืม ไม่รู้เหมือนกัน”
ตอนนี้น่าจะมีเเค่กลุ่มเดียวที่พยายามจะโจมตีพวกเรา ก็คือกลุ่มนี้นี่เเหละ
“ยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม”
“น่าจะไม่เป็นไรนะ เเต่ถ้าดูจากพวกคนที่เราจับได้ในออฟฟิศ น่าจะไม่ตื่นขึ้นภายในครั้งวัน”
เเต่ละชั้นของดันเจี้ยนนั้นเป็นมิติเเยกเฉพาะของตัวเอง พวกเราไม่สามารถย้ายพวกเขาข้ามชั้นโดยใช้หลุมเงาของพวกอาเธอร์สได้ จะเเบกกลับบ้านก็ยาก ตอนนี้ยังไม่สามารถติดต่อสายลับทานากะได้อีก
“โยนพวกเขาทิ้งไว้ในที่ๆไม่น่าสงสัยกันเหอะ อย่างเช่นหลังเเผงลอยขายหมูปิ้ง”
น่าจะไม่ถูกมอนสเตอร์โจมตีถ้าอยู่ตรงนั้น
“โฮ่ง โฮ่ง” คาวัลเห่าใส่มิโยชิ
“มันว่าไง”
“เเบกน้ำหนักเท่านี้มันยากพอดู น่ะ”
“เอาใส่สโตเรจก็ไม่ได้ เเต่ว่า…”
เอาเป็นว่าพวกเราปลดอาวุธทหารพวกนี้เเล้วเอาของใส่สโตเรจไว้ก่อน
“ที่เหลือฝากพวกนายด้วยนะ” ผมพูดกับพวกอาเธอร์ส
“โฮ่งๆ”
“ค่าจ้างเป็นหินเวทย์หกอัน” มิโยชิแปล
“หินหนึ่งก้อนต่อทหารหนึ่งคนงั้นหรอ เดี๋ยวนะ ไม่ใช่หินเวทย์หกก้อนต่อพวกนายหนึ่งตัวใช่ไหม”
คาวัลหลบสายตาพยายามไม่ตอบคำถามเเละร้องเสียงหงิงๆกับมิโยชิ
“พวกเขายอมลดเหลือตัวละสองก้อนก็ได้”
“ก็ยังเพิ่มขึ้นอยู่ดีนะ เเต่ก็ได้ เริ่มได้เลยพวกนาย”
พวกอาเธอร์สเห่าพร้อมกันเเละหายไปในเงา ในขณะเดียวกันชายหกคนนั้นก็หายไป พวกเฮลอาวด์นั้นมุ่งไปที่ๆไม่น่าสงสัยบริเวณลานตรงทางออกชั้น 8
“ว้าว มีเรื่องไม่หยุดเลยนะตั้งเเต่เช้าเนี่ย” มิโยชิพูด
“จริง พวกเรามาถึงนี่จนได้ เเต่งานจริงๆเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้นเอง”
จากนั้นพวกเราก็ลงไปที่ชั้นเก้า พาพวกที่ตามเรามาไปที่ๆเจอโคโลเนียมวอร์มบ่อยๆ หลังจากเดินไปเดินมาอยู่เเถวนั้นสักพัก ผมเริ่มเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุด ทำเหมือนกับว่าทำภารกิจสำเร็วเเล้วเเละพยายามสะบัดพวกที่ไล่ตามมา สุดท้ายเเล้วก็กลับมาที่พื้นโลก พวกคนที่จับตาดูเราอยู่ตามบันไดน่าจะเห็นเเล้วล่ะ
จงไปตามหาออร์บที่ชั้น 9 ซะเถอะ
พวกที่ตามเราไปนั้นมีเลเวลสูงทั้งหมด คิดว่าไม่น่าจะบาดเจ็บกัน เเต่บาดเเผลทางใจน่าจะมหาศาลเลยล่ะ
โยโยกิ-ฮาจิมัน, ออฟฟิศ
“กลับมาเเล้ว!” ผมตะโกน
พอผมเปิดประตูเข้าไปยังส่วนออฟฟิศ นารุเสะที่ดูตื่นเต้นก็พุ่งมาหาพวกเรา หน้าเธอแดงเล็กน้อย
“โยชิมูระ! ดะ-ดะ-ดะ-ดูนี่เถอะนะ! นะ!”
เธอกำชิ้นส่วนฉบับคัดลอกที่เราเจอในคฤหาสน์เอาไว้อยู่
“มีอะไรหรอ”
“ฉันเจอเรื่องใหญ่เเล้วล่ะค่ะ”
หลังจากที่ออกไปเมื่อตอนเช้า นารุเสะได้ใช้ฐานข้อมูลสาธารณะของWDAเพื่อดาว์นโหลดรูปถ่ายของจารึกเเละข้อมูลมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ลงในการ์ดความจำ ข้อมูลที่ว่ารวมถึง ดันเจี้ยนเเละชั้นที่เจอจารึกนั่นเเละชื่อของผู้ค้นพบ
เธอกลัวที่จะถูกเจอก็เลยใช้ไวไฟสาธารณะในการดาวน์โหลด ผมประทับใจจริงๆ ถ้าเธอทิ้งร่องรอยเอาไว้ในระบบก่อนที่เวปไซต์เฮเว่นลีคจะเปิด จะต้องดูน่าสงสัยมากเเน่ๆ ถ้ามาดูบันทึก คงหาตัวตนของคนที่ใช้ไวไฟสาธารณะไม่ได้ง่ายๆเเน่
หลังจากดาว์นโหลดเสร็จ นารุเสะก็กลับมาที่ออฟฟิศเเละเริ่มทำการแปล เธอจำได้ว่าเธอได้รับฉบับคัดลอกของชิ้นส่วนจากมิโยชิ ด้วยความที่เราขอให้เธอรีบทำการแปล เธอเลยเริ่มจากชิ้นนั้นก่อน
“ชิ้นส่วนนี้อธิบายการสร้างปาร์ตี้ค่ะ” นารุเสะพูด
“ไม่ใช่ว่า…ส่งเเบบขออนุญาตไปที่JDAพร้อมชื่อกับไอดีหรอ”
“มะ-มันไม่เหมือนกันนะคะ!”
เหมือนว่าจารึกนั้นจะอธิบายวิธีสร้างปาร์ตี้โดยใช้ ‘ระบบของดันเจี้ยน’ อีกทั้งยังอธิบายผลเเละประโยชน์ถ้าใช้ดี-การ์ดในการสร้างปาร์ตี้ด้วย
อย่างเเรก คุณจะสามารถรู้ตำเเหน่งโดยคร่าวๆของสมาชิกปาร์ตี้ได้ ถึงเเม้ว่าจะไม่ได้อยู่ใกล้กัน
สอง คุณสามารถตรวจสอบ ‘พลังชีวิต’ ของสมาชิกปาร์ตี้ได้ น่าจะหมายถึง HP กับ MP
สาม สมาชิกปาร์ตี้ทุกคนจะสมารถสื่อสารกันผ่านทางโทรจิตได้ ระยะก็คือ 20 เมตร
สี่ หัวหน้าปาร์ตี้สามารถสร้างอัตราการเเบ่ง XP ให้สมาชิกทุกคนได้
“เธอคิดว่าไงเรื่องระยะ 20 เมตร” ผมถามมิโยชิ “เลข 20 เป็นลำดับที่ 13 ของอะไรสักอย่างใช่ไหม”
“ประมาณนั้น น่าจะเป็นฮาร์ชาดนัมเบอร์” เธอตอบพลางค้นหาอะไรบางอย่างในคอมพิวเตอร์ไปพร้อมๆกัน
“คืออะไรล่ะนั่น”
มิโยชิเริ่มอธิบาย “เป็นจำนวนเต็มบวกที่นำตัวเลขทุกหลักของมันมาบวกกันเเละสามารถเอาไปหารตัวมันเองได้ อย่างเช่นเลข 20 สองบวก0เท่ากับ2 เเล้ว2ก็สามารถเอาไปหาร20ได้ลงตัว เพราะฉะนั้น 20 ก็จะเป็นฮาร์ชาดนัมเบอร์”
“ชื่อฮาร์ชาดหมายความว่าไงนะ”
“แปลว่า ‘การให้ความสุข’ ในภาษาสันสกฤษ นักคณิตศาสตร์ชาวอินเดียเป็นคนค้นพบตัวเลขพวกนี้น่ะ”
“อย่างนี้นี่เอง โทรจิตจะทำให้คนในปาร์ตี้มีความสุขงั้นหรอ”
ฉลาดหลักเเหลมเหมือนเดิมเลยนะ ดันเจี้ยนเนี่ย
นารุเสะพูดขึ้นหลังจากที่ฟังพวกเราคุยกัน “เอ่อ มันใช่สิ่งที่เราต้องสนใจตอนนี้หรอคะ”
“งั้น อยากจะลองไหมล่ะ” ผมถาม
ผมหยิบดี-การ์ดออกมาโดยพยายามซ่อนด้านหน้าไม่ให้นารุเสะเห็น ในการที่จะสร้างปาร์ตี้ ทุกคนที่อยากจะเป็นสมาชิกต้องเอาการ์ดมาเเตะเข้าด้วยกัน หลังจากนั้น คนที่จะเป็นหัวหน้าปาร์ตี้ต้องคิดคำว่า ‘แอดมิด’ เป็นภาษาอังกฤษ
พอผมคิดถึงคำนั้น ผมก็รู้สึกว่ามีสายสัมพันธ์แปลกๆเกิดขึ้นระหว่างมิโยชิกับผม
“ได้ผลไหม” ผมถาม
น่าจะนะ มิโยชิตอบมาโดยใช้โทรจิต
“เหวออ” ผมตะโกนด้วยความตกใจ มองไปที่มิโยชิ
นารุเสะมองพวกเราด้วยความสงสัย
“เธอได้ยินรึเปล่า” ผมถามนารุเสะ
เธอถอนหายใจ “คุณเพิ่งพูดว่า ‘ได้ผลไหม’ ใช่มั้ยล่ะคะ”
ดูเหมือนคนนอกปาร์ตี้จะไม่ได้ยินโทรจิตนะ สะดวกดี
“เหมือนเราจะใช้โทรจิตได้สำเร็จนะ” ผมตอบ
นารุเสะได้ยินดังนั้นจึงหยิบดี-การ์ดออกมา “ฉะ-ฉันขอลองด้วยได้ไหมคะ”
“ไม่มีปัญหา”
ระหว่างที่เเตะการ์ดของนารุเสะ ผมก็คิดถึงคำว่า ‘แอดมิด’ เป็นภาษาอังกฤษ ผมรู้สึกถึงมีอะไรบางอย่างเชื่อมโยงกันเหมือนตอนมิโยชิ
นารุเสะที่ดูเหมือนจะรู้สึกเหมือนกันมองไปที่การ์ดของพวกเราที่สัมผัสกันอยู่ด้วยสีหน้าสงสัย “นี่มันอะไรกัน”
เป็นไง ผมส่งโทรจิตหาเธอ
“วะ-ว๊าย! คุณเพิ่งส่งโทรจิตมาหรอคะ!”
“ใช่” ผมพูดเเบบปกติ
นารุเสะขมวดคิ้วเเละพูดอย่างไม่สบายใจ “เเต่ว่า…ถ้าเกิดมันส่งทุกอย่างที่เราคิดออกไปล่ะ?”
“พวกเราจะถูกบังคับให้ฟังความคิดลามกของรุ่นพี่น่ะสิ!” มิโยชิพูด
พูดบ้าอะไรของเธอเนี่ย มิโยชิ
“ขะ-ขอค้าน! ฉันไม่มีความคิดลามกสักหน่อย เธอก็ด้วย เอาความคิดตะกละออกจากหัวฉันเลยนะ”
“เดี๋ยวก่อน รู้ได้ยังไงว่าฉันกำลังหิว หรือว่าความคิดของเราหลุดรอดออกไปจริงหรอ”
ทั้งสองคนได้ยินที่ฉันคิดมั้ยคะ? นารุเสะถามด้วยโทรจิต
“หืออ” ผมกับมิโยชิตะโกนออกมาพร้อมกัน พวกเราหันไปหาเธอเพราะคำถามนั้น
“ไม่ล่ะ ไม่ได้ยินอะไรนะ” ผมตอบ
“ไม่มีอะไรเข้ามาในหัวฉันเหมือนกัน”
“ถ้าดูเเล้ว ความคิดจะถูกส่งไปตอนที่เราต้องการใช้โทรจิตเท่านั้น น่าทึ่งจริงๆเลยนะคะ”
นารุเสะใจเย็นเเล้วก็ทำการทดสอบหรอเนี่ย อ๊าคค พวกเราสองคนกลายเป็นไอโง่เลย
“รุ่นพี่ เเต่ว่าทำไมคำสั่งถึงต้องเป็นภาษาอังกฤษล่ะ”
“แอดมิดงั้นหรอ ผมพูดทวนคำสั่ง”
ใช่ น่าสนใจ
ปกติเเล้วตัวอักษรบนดี-การ์ดนั้นจะเเสดงด้วยภาษาเเม่ของคนที่ดูการ์ด เเต่คำสั่งส่วนมากนั้นจะเป็นภาษาอังกฤษ เเถมตอนมิโยชิใช้ประเมิน ก็มีชื่อภาษาอังกฤษเขียนอยู่ข้างๆภาษาญี่ปุ่น
“บางทีภาษาอังกฤษอาจจะเป็นภาษาเเม่ของคนสร้างดันเจี้ยนก็ได้” ผมเสนอ
“บ้าไปเเล้วค่ะ!” นารุเสะพูด
ก็ใช่อยู่ ถ้ามีคนเชื่ออย่างจริงจังว่าคนที่พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาเเม่เป็นคนสร้างดันเจี้ยนล่ะก็ คงมีคนสงสัยว่าสติดีรึเปล่าเเน่ๆ
“หรือเพราะว่าภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่มีคนพูดมากที่สุดในโลกล่ะ” มิโยชิเสนอ
เเบบนั้นก็เป็นคำตอบที่เซฟดี เเต่ว่า
“ไม่ใช่ภาษาจีนหรอ”
“เอ่อ ก็จริงมั้ง”
“จะว่าไป แอเรีย1 อยู่ที่ไหนนะ”
นารุเสะตอบโดยทันที “อยู่ที่ฝั่งตะวันตกของอเมริกาเหนือค่ะ ในอเมริกาจะเป็นลอสแองเจลิสกับลาสเวกาส ในเเคนนาดาจะเป็น คาลการีกับเอดมอนตอน”
พนักงาน JDA นี่รู้เรื่องดันเจี้ยนดีจริงๆนะ
“อาจจะเป็นเพราะแอเรีย 1 เป็นจุดศูนย์กลางดันเจี้ยนก็ได้”
มิโยชิค้านสิ่งที่ผมพูด “เเต่ช่วงหลังมีการพูดคุยเกี่ยวกับการเจอแอเรีย0ที่ขั้วโลกนี่นาใช่ไหม”
ใช่ เหมือนเคยได้ยินเรื่องนั้นเหมือนกัน
“ใช่ค่ะ มีชาวอินูอิท มีการ์ดแอเรีย 0 ที่เเคนาดา”
“โอ้ งั้นหรอ เเต่ต้องมีเหตุผลเเน่ที่ทั้งหมดนี่เป็นภาษาอังกฤษ”
มีความลับอะไรที่ทำให้อะไรสำคัญๆเป็นภาษาอังกฤษกันนะ
ในโลกที่มีอารยธรรมขั้นสูง การที่ทั้งโลกจะมีภาษาเดียวนั้นก็อาจจะมีทางเป็นไปได้ ยกตัวอย่างก็คือถ้าคนญี่ปุ่นไปตั้งรกรากที่ดาวดวงใหม่เเละเเพร่พันธ์ไปทั่วดวงดาว ภาษาญี่ปุ่นก็จะเป็นภาษาที่มีคนใช้มากที่สุดในโลกนั้นๆ เเม้ว่าจะผ่านไปเป็นหมื่นๆปี ก็ไม่น่าจะเเปลกที่ทั้งโลกจะยังใช้ภาษาเดียวกันอยู่
งั้น ถ้าความเจริญของโลกที่อยู่อีกฝั่งนึงของดันเจี้ยนมันเจริญมากถึงขนาดนั้นล่ะ พวกนั้นอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าภาษาเเรกที่พวกเขาเจอเป็นภาษาเดียวที่โลกใช้ก็เป็นไปได้
ผมอธิบายความนี้นี้ให้กับมิโยชิเเละนารุเสะ
“แต่ถ้าอย่างนั้น เรื่องที่ดี-การ์ดสามารถเปลี่ยนภาษาได้ตามผู้มองล่ะจะอธิบายยังไง” มิโยชิถาม
“อืมมม” ผมกอดอกเเละมองขึ้นไปข้างบนทำท่าคิด “บางทีตัวอักษรอาจจะถูกส่งตรงไปที่สมองของผู้ดูเเละส่งกลับมาเป็นภาพก็ได้ น่าจะเป็นไปได้สุดเเล้ว เเต่ก็ยังอธิบายไม่ได้อยู่ดีว่าทำไมคำสั่งของปาร์ตี้ถึงเป็นภาษาอังกฤษ”
“ถึงเราคิดจนหัวเเทบเเตกก็ไม่ได้ข้อสรุปในตอนนี้หรอก”
“อื้อ เเต่ว่า่…เดี๋ยวก่อน เธอเป็นคนพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเองนะ!”
มิโยชิหัวเราะคิกคัก เเลบลิ้นใส่ผมเเละหนีไปอยู่ข้างๆนารุเสะ
ผมเคยได้ยินมาว่าสัตว์เลี้ยงกับเจ้าของนั้นจะทำตัวเหมือนกัน เธอนี่เหมือนพวกอาเธอร์สเด๊ะเลย
นารุเสะไม่สนใจพวกเราเเละพูดเรื่องอื่นขึ้นมา “เเล้วเรื่องสุดท้ายที่ว่ากำหนดค่า XPที่จะเเบ่งได้คืออะไรกันคะ”
“จากคำพูด ฉันคิดเเบบนี้นะ” ผมพูด“ระหว่างที่อยู่ในปาร์ตี้ ทีมจะได้รับค่าประสบการณ์ เเล้วหัวหน้าจะสามารถกำหนดได้ว่าจะเเบ่งค่านั่นให้สมาชิกคนละเท่าไร”
“ค่าประสบการณ์หรอคะ?” นารุเสะตะโกนขึ้นมา ตาเธอเป็นประกาย “งั้นมันก็มีจริงๆหรอค่า เเล้วก็ค่าสเตตัสด้วย!”
จารึกเขียนเอาไว้ว่า “ไอเทมเเละสกิลที่มีผลต่อสเตตัสของทั้งปาร์ตี้” เธอก็เลยสรุปได้เเบบนี้สินะ
ผู้คนนั้นคิดกันว่าเเรงค์กิ้งนั้นจะมาจากค่า XP เเต่การมีอยู่จริงๆของมันยังไม่ได้รับการพิสูจน์ เพราะมนุษย์นั้นปกติก็เก็บเกี่ยวประสบการณ์อยู่เเล้ว เเถมเหตุผลที่ทำให้คนรู้สึกเเข็งเเกร่งขึ้นหลังจากลงดันเจี้ยนก็เป็นเรื่องที่ยังถกเถียงกันอยู่ เรื่องนี้เป็นผลจากประสบการณ์ตามปกติหรือไม่ หรือว่าคนๆนั้นได้รับพลังปริศนาจากการได้รับอะไรบางอย่างที่เหมือนกับค่าประสบการณ์ในเกม สุดท้ายเเล้วประสบการณ์ปกติก็ไม่สามารถอธิบายความเเข็งเเกร่งหลุดโลกของนักสำรวจระดับหัวกะทิได้ นั่นก็เลยทำให้หลายๆคนเชื่อว่าค่า XP นั้นมีอยู่จริง
“เเต่ว่าจะตั้งค่าเเจกจ่ายยังไงล่ะ” ผมถาม
ผมไม่คิดว่าจะมีหน้าต่างควบคุมขึ้นมาเหมือนเมคกิ้งหรอกนะ
“อ๋อ นั่นเขียนอยู่ในชิ้นส่วนค่ะ” นารุเสะตอบ “ใช้ด้านหลังของดี-การ์ด”
“จริงดิ”
ผมพลิกดูดี-การ์ดของตัวเอง ผมเจอรายชื่อสมาชิกปาร์ตี้เเสดงอยู่ที่นั่น ระหว่างที่นารุเสะก็ดูอยู่ด้วย
“ชิบหายเเล้ว!” ผมตะโกนทางโทรจิต
“เอ่ มีอะไรหรอคะ” นารุเสะถาม
“อ๋อ อืม ไม่มี…”
ผมตกใจเพราะกลัวเธอจะเห็นเเรงค์กับสกิลของผม เเต่โชคดีที่เธอเห็นเเค่หลังการ์ด
อย่าทำความคิดของผมรั่วนะ เจ้าโทรจิต
“เอ่อ คือ… หน้าเธออยู่ใกล้เลยทำให้ฉันกระวนกระวายนิดหน่อยน่ะ”
โธ่เว๊ย เว่อชะมัด ผมคิดหลังจากที่นึกคำเเก้ตัวออก ฉันเป็นนักบอลที่เเกล้งทำเป็นขาหักตอนโดนชนที่ไหล่รึไง
มิโยชิรู้ทันจึงช่วยพูดให้ผม “อย่างกับเด็กๆเลยนะรุ่นพี่”
“อ๋อ หรอคะ…” นารุเสะหน้าเเดงเล็กน้อย
“ระ-เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ ด้านหลังการ์ดฉันมีรายชื่อสมาชิกปาร์ตี้เเล้ว”
“โอ้ ของฉันก็มีเหมือนกัน ไม่รู้ว่าตัวเลข 33.3 หลังชื่อจะเป็นตัวเปอร์เซ็นไหม” มิโยชิพูด
ชื่อของผมอยู่ด้านบนสุดเพราะเป็นหัวหน้าปาร์ตี้ เเต่ว่าไม่มีอัตราการเเบ่งอยู่หลังชื่อผม อ้างอึงจากจารึกเเล้ว หัวหน้าจะกำหนดอัตราการเเบ่งให้สมาชิกทั้งหมด เเละตัวเองจะได้ที่เหลือ ถ้าอยากจะเปลี่ยนค่านี้ หัวหน้าปาร์ตี้ก็เเค่เเตะไปที่อัตราการเเบ่งด้านหลังชื่อของสมาชิกคนนั้นเเละพูดอะไรทำนองว่า “20 เปอร์เซ็น” หลังจากนั้น ตัวการ์ดก็จะถูกเปลี่ยนเป็นค่าใหม่ ถ้าหัวหน้าปาร์ตี้คิดว่า “เเบ่งเท่ากัน” อัตราการเเบ่งทั้งหมดก็จะกลับกลายเป็นค่าเริ่มต้น
“เราน่าจะเข้าใจทั้งหมดนี่เเล้ว มาลองยุบปาร์ตี้กันเหอะ” ผมพูด
ถ้าเผลอไปส่งข้อมุลผ่านโทรจิตโดยไม่ตั้งใจให้นารุเสะล่ะก็เป็นเรื่องใหญ่เเน่ จนกว่าที่พวกเราจะชินกับเรื่องนี้ ต้องระวังให้ดี
การยุบปาร์ตี้นั้นเหมือนกับการเพิ่มสมาชิก หัวหน้าเเค่เเตะดี-การ์ดเเล้วพูดว่า “ดิสมิส” ในภาษาอังกฤษ ถ้าอยากจะเอาสมาชิกคนนึงออก ก็เเตะที่ชื่อคนๆนั้น
เเต่ว่าดี-การ์ดสามารถบอกได้ว่าใครเป็นคนถูกเลือกจากการสัมผัสงั้นหรอ สะดวกจัง
“ตอนนี้เราต้องรู้ว่าสมาชิกปาร์ตี้มีสูงสุดได้กี่คน” ผมพูด
“อ๋อ อยู่ในชิ้นส่วนค่ะ ได้สูงสุดเเปดคน”
“เเปดหรอ ฟังดูปกตินะ”
เลขแปดน้อยกว่าสิบสาม เลยไม่น่าจะเป็นลำดับที่ 13 ของตัวเลขอะไรสักอย่างเเล้ว ถ้ามันไม่มีลำดับที่ตัวเลขขึ้นๆลงๆได้อะนะ
“พื้นที่หลังการ์ดมีที่พอเเค่แปดเเถว” มิโยชิหัวเราะ “น่าจะเป็นเหตุผลที่สูงสุดได้เเค่แปดคน”
ถึงเธอเหมือนจะพูดเล่นก็เถอะ เเต่มันอาจจะจริงก็ได้
“เเล้วก็” มิโยชิพูดต่อ “ฉันสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนๆนั้นอยู่ในปาร์ตี้นึงเเล้วพยายามจะสร้างปาร์ตี้ของตัวเอง”
“ตอนนี้เรามีกันสามคน จะลองดูไหมล่ะ” ผมถาม
อย่างเเรก มิโยชิสร้างปาร์ตี้โดยมีนารุเสะเป็นสมาชิก หลังจากนั้นผมก็ทำให้มิโยชิเป็นสมาชิกในปาร์ตี้ของผม เเละมิโยชิทำให้นารุเสะเป็นสมาชิกในปาร์ตี้ของผม ปรากฏว่าสามารถทำได้ทั้งหมด เราสามารถเข้าร่วมได้ทั้งสองปาร์ตี้ เเละสมาชิกสามารถเพิ่มสมาชิกคนอื่นๆเข้าปาร์ตี้ได้
อีกทั้งถ้าสมาชิกมีปาร์ตี้ของตัวเอง ตัวอักษร “P2” จะปรากฏขึ้นหลังจากชื่อของคนๆนั้นในการ์ดตัวเเม่ เเละในการ์ดของสมาชิกก็จะมีตัวอักษร “R1” หลังชื่อของคนๆนั้น
“P มาจากคำว่าปาร์ตี้รึเปล่า” มิโยชิถาม “ว่าสมาชิกคนนี้มีปาร์ตี้ของตัวเอง”
“น่าจะ หรืออาจจะหมายถึง พาเร้นท์ก็ได้ (Parent)”
“เเล้วเลข 2 มาจากไหนล่ะ”
“ถ้ารวมคนๆนั้น ปาร์ตี้ของเขามีสมาชิกสองคนใช่ไหมล่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น R1 มาจากความสัมพันธ์(Relationship)1 หรอ”
“ถ้าเดาก็น่าจะใช่ มันบอกลำดับชั้นของปาร์ตี้ที่คนๆนั้นเกี่ยวข้องด้วย”
ถ้ามีอีกคนนึงเราน่าจะพิสูจน์อะไรได้มากกว่านี้ เเต่ในกรณีนี้ คุณสามารถจะสร้างปาร์ตี้ลูกได้ ผมอยากรู้ว่าถ้าเป็นแแบบนั้นอัตราการเเบ่งค่า XP จะเป็นยังไง ถ้าสามารถสร้างปาร์ตี้หลานได้ล่ะ น่าเสียดายที่ตอนนี้ยังไม่สามารถตอบคำถามอะไรพวกนี้ได้
ถ้าตัวเลขพวกนั้นเป็นตัวบอกลำดับขึ้นจริง ก็น่าจะสามารถสร้างปาร์ตี้หลานได้
“ถ้าเป็นความสัมพันธ์พ่อเเม่ลูกเเบบนี้ จะสามารถสร้าง “เเคลน” ได้รึเปล่านะ” มิโยชิพูด
“เเคลน” นั้นมาจากภาษาสกอตติช เเปลว่า กลุ่มของครอบครัวที่เกี่ยวข้องกัน เเต่ทว่าในเกม จะหมายถึงชุมชนของผู้เล่น พูดง่ายๆคือกลุ่มของเพื่อนฝูงขนาดใหญ่
เเน่นอนว่าการสร้างกลุ่มเเบบนั้นน่าจะเป็นไปได้ ถ้าปาร์ตี้นั้นมีความสัมพันธิเเบบเเม่ลูก คุณก็จะสามารถสร้างเเคลนที่มีขนาดใหญ่ไม่จำกัดที่สามารถส่งโทรจิตเเละเเบ่งค่าXPกันได้ เราอาจจะเจอชิ้นส่วนหรือจารึกอื่นๆในดันเจี้ยนที่พูดถึงระบบเเคลนก็เป็นได้
“นี่เป็นการค้นพบครั้งสำคัญเลยนะคะ!” นารุเสะตะโกนออกมา “เราต้องเรียบเรียงข้อมูลพวกนี้เเละประกาศให้เร็วที่-”
“นารุเสะ เดี๋ยวก่อนนะ” ผมขัดเธอที่กำลังตื่นเต้น
“คะ?”
ถ้าเรารายงานข้อมูลพวกนี้ในทันที ทุกคนจะสงสัยว่าเราไปรู้มาจากไหน เเน่นอนเราไม่สามารถพูดได้ว่า “อ๋อ ไปอ่านมาจากคัมภีร์เเหละ” เเถมยัง…
“ผมอยากใช้ข้อมูลนี้เป็นตัวพิสูจน์ความถูกต้องของเฮเว่นลีคส์”
ผมอยากได้ข้อมูลที่ไม่มีใครรู้เเต่ว่าทุกๆคนสามารถตรวจสอบได้ทันที เเละข้อมูลของชิ้นส่วนนี้ก็เหมือนจะถูกเขียนขึ้นเพื่อให้เอาไว้ใช้พิสูจน์ความน่าเชื่อถือของเวปเราได้ดีเลยทีเดียว