ดิฉันคือนางร้ายในนิยายBL - ตอนที่ 7
สถาบันวิจัยเวทย์มนต์เทเนส
คือชื่อของโรงเรียนที่พระนางกับตัวร้ายเรียนอยู่ ซึ่งเป็นสถาบันศึกษาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในทวีปตะวันตก
ชื่อเทเนสนั้นตั้งมาจากพระนามเดิมของกษัตริย์ไวน์เบิร์กที่ 2 ‘พระเจ้าเทเนสมหาราช’ ผู้เป็นหัวหอกก่อตั้งโรงเรียน
หลังจากปิดประตูรั้วมาถึง 4 เดือน ในที่สุดวันเปิดภาคเรียนก็มาถึง
วันที่ 14 เดือน 1 ประตูก็ได้เปิดออกอีกครั้ง
เทเนสนั้นพิเศษตรงที่เป็นสถาบันเพียงแห่งเดียว ที่เปิดรับคนธรรมดาเข้ามาด้วย
กฏหลักของอณาจักรวอร์ลุงกาก็คือ ‘ต้องสนับสนุนผู้มีพลังเวทย์ให้ถึงที่สุด’
สถาบันเทเนสที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวง จึงยึดมั่นถือมั่นในกฏข้อบังคับนั้นมาก เรียกได้ว่าตั้งแต่เจ้าชายยันขอทานพี่แกก็กวาดเรียบมาหมดแล้ว
แต่ถึงจะเปิดกว้างเสรียังไง สามัญชนก็คือสามัญชน ขุนนางก็คือขุนนาง มันไม่ใช่แค่เรื่องของใครรวยใครจน แต่มันคือเรื่องของสายเลือดต่างหากล่ะ
อย่างเช่นตอนนี้ ที่เธอกำลังแล่นผ่านเขตหอพักสามัญชน เข้ามาในเขตพื้นที่ขุนนาง
กึก ๆ ๆ
รถม้าหรูแล่นผ่านหน้าผู้คนมากมาย บางคนมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น บางคนก็มองด้วยความอิจฉา แต่เมื่อสังเกตุเห็นตราประจำตระกูลที่คุ้นเคย พวกเขาก็ต่างพากันเบือนหน้าหนีกันไปทีละคนสองคน
‘คือความจริงแล้วมันมีทางเข้าอีกด้านที่ไม่ต้องผ่านเขตนี้นะ…เออ แต่ช่างเหอะ’
ไนติงเกลส่ายหัว บางทีนี่คงเป็นควมมคิดของลุยซาร์ ที่ตั้งใจสั่งให้คนขับรถขับผ่านเขตธรรมดา เพื่อที่จะแสดงศักดิ์ดาของตระกูลดยุคฟอร์สให้สามัญชนเห็น
ไม่นานนัก รถม้าก็พาเข้ามาถึงเขตขุนนาง
ต่างจากเขตธรรมดา เขตขุนนางนั้นเงียบสงบมาก บางทีคงเป็นเพราะพวกลูกคุณหนูทั้งหลายยังมาไม่ถึงล่ะมั้ง
เมื่อรถม้าจอดลง คุณหนูฟอร์สก็ก้าวลงมาจากรถ ไม่สิ… อันที่จริงเธอลอยลงมาต่างหาก ต้องขอบคุณเวทย์มนต์ที่ทำให้ไนติงเกลล่อนลงมาบนวิลแชร์ได้อย่างสวยงาม
“…”
เด็กสาวเงยหน้ามองคฤหาสน์หลังใหญ่ตรงหน้า ด้วยใจที่ยากจะเชื่อว่ามันเป็นแค่หอพักนักเรียน เพราะมันแทบไม่ได้ต่างจากคฤหาสน์ที่เพิ่งจากมาเลยสักนิด
‘เปลืองสั*!’
แต่ถึงกระนั้นเธอก็เข้าใจดี ว่าในฐานะตระกูลดยุคแล้ว ต่อให้สร้างคฤหาสน์โครตพ่อโครตแม่แพงแค่ไหนก็ไม่มีใครว่า กลับกันถ้าสร้างให้ไม่สมฐานะ ก็มีแต่จะโดนชาวบ้านเขาดูถูกเอาซะเปล่า ๆ
“ถึงด่านต่อไปจนได้…”
“เมื่อกี้ได้ว่าอะไรรึเปล่าเจ้าคะ?”
“เปล่า ไม่มีอะไร”
“แต่เมื่อกี้ได้ยินเสียงถอนหาย–”
“อะแฮ่ม เข้าไปข้างในกันเถอะ”
…
หลังจากเข้าไปในหอพักที่แทบจะลอกคฤหาสน์มาทั้งหมด ไนติงเกลก็แอบคุณเมดลุยซาร์ที่กำลังวุ่นจัดการข้าวของ มาสำรวจข้างนอกคนเดียว
“ปกติแล้วไนติงเกลจะชอบเดินนำหน้าคนรับใช้เสมอ ถ้าเราไม่ใช้เวลานี้ออกมาสำรวจที่ทางก่อน ถึงตอนเดินนำไปเองก็โป๊ะแตกน่ะสิ!”
ตอนนี้เด็กสาวกำลังไต่ผ่านบันไดลงมาชั้นล่างคล้ายกับฉากในหนังผีสักเรื่อง
ตอนแรกเธอก็กะว่าจะล่อนลงมาจากระเบียงเลยอยู่หรอก แต่เมื่อดูจากความสูงแล้ว… ก็เลยเป็นเด็กดีลงบันไดดีกว่า
โชคดีที่ไม่มีคนรับใช้หน้าไหนกล้าหยุดถาม เธอจึงเดินออกจากบ้านมาอย่างชิว ๆ
หลังจากการผจญภัยเล็ก ๆ จบลง ไนติงเกลก็กลับเข้ามานั่งในห้องรับแขกโดยไม่มีเหงื่อสักหยด
ทำเอาคนรับใช้ที่เห็นเธอออกไปข้างนอกเมื่อครู่ หันขวับกลับมาขยี้ตาประหนึ่งเห็นผี
ไม่นานนัก คุณเมดลุยซาร์ที่จัดการข้าวของเสร็จก็ลงมารวมตัวกับไนติงเกลที่ชั้นล่าง ซึ่งปัจจุบันก็เป็นเวลา 10 โมง โรงเรียนเปิดพอดี
ในที่สุดนางร้าย(ตัวปลอม)ก็จะได้เข้าสู่เนื้อเรื่องหลักเสียที
************************
หลังจากก้าวเท้าเข้ามาในรั้วโรงเรียนตามแผนที่ที่สำรวจไว้เมื่อครู่ พวกคนรับใช้ที่ตามมาเป็นขโยงก็ต้องถอนตัวออกไป ไม่เว้นแม้แต่ลุยซาร์
อีกกฏหนึ่งของเทเนส แม้จะเป็นราชวงศ์หรือคนพิการก็ต้องทำตาม มาโรงเรียนก็คือต้องนั่งเรียน อะไรที่ทำด้วยตัวเองได้ก็ทำซะ ไม่อนุญาติมีคนรับใช้มาคอยพลิกหน้ากระดาษหนังสือให้
แต่นั่นก็แค่ในกรณีของตอนที่กำลังเรียนอยู่เท่านั้น ถ้าถึงช่วงพักกลางวันแล้วมีลูกคุณหนูคนใดควักเมดออกมารินน้ำชา ก็ไม่ถือว่าผิดกฏ
แต่ถึงกระนั้นไนติงเกลในนิยายก็ไม่เคยถูกบรรยายว่านำคนรับใช้มาด้วยเลยสักครั้ง
‘ซึ่งแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เราจะได้ไม่ต้องคอยนั่งเกร็งตลอดเวลา’
เด็กสาวเคลื่อนวิลแชร์ไปข้างหน้าอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่รอยยิ้มบนใบหน้าจะหายไปในไม่ช้า
“นี่ฉันอยู่ที่ไหนแล้วเนี่ย??”
พอรู้ตัวอีกที เธอก็มาโผล่ในโถงทางเดินแห่งหนึ่งที่ติดกับสวน
ไนติงเกลจำได้ว่าตัวเองกำลังเดินไปที่หอประชุม เพื่อฟังเจ้าชายพูดสุนทรพจน์ แต่อยู่ดี ๆ เธอก็ได้กลิ่นหอม ๆ มาจากไหนสักแห่ง…
‘เดี๋ยวนะ ทำไมรู้สึกเดจาวู?’