ดิฉันคือนางร้ายในนิยายBL - ตอนที่ 13
หลังจากผ่านมา 20 นาที ในที่สุดตัวเอกกับนางร้ายก็ได้เดินมาถึงหอประชุมเสียที
“น-ในที่สุดก็มาถึงค่ะ…เฮ้อ!”
ไนติงเกลเอนตัวลงกับวิลแชร์อย่างเหนื่อยล้า ในขณะที่จูเลียซค่อย ๆ เดินตามมาข้างหลังโดยไม่รีบร้อน
“จะหอบทำไมนั่น? ผมเป็นคนเข็นคุณมาแท้ ๆ”
เขากอดอกพลางบ่นงุบงิบ หลังจากเดินยิ้มเหมือนคนบ้ามานาน ตอนนี้เขาก็กลับมาหน้านิ่วคิ้วขมวดอีกแล้ว
‘แล้วใครเป็นคนบังคับให้ฉันช่วยยกคุณชายเรนอลล่ะยะ!?’
เรื่องมีอยู่ว่า ในระหว่างทางพลังเวทย์ของไนติงเกลดันหมดลงพอดี วิลแชร์ไฮเทคจึงกลายเป็นวิลแชร์ยาจกไป ไอ้ครั้นจะให้บุตรีดยุคมาใช้มือถัด ๆ ล้อไปก็ใช่เรื่อง พ่อนายเอกที่กำลังอารมณ์ดีจึงอาสาช่วยเข็นให้ แต่สุดท้ายก็ยังไม่วายทวงบุญคุณอีก…
“แหม ต้องขอบคุณมิสเตอร์จูเลียซจริง ๆ ค่ะ ถ้าไม่ได้คุณป่านนี้ดิฉันก็คงมาไม่ทัน(ถึงต้นเหตุจะเป็นนายก็เถอะ)”
“ฮึ่ม!”
ชายหนุ่มผมดำพ่นลมหายใจออกทางจมูกโดยไม่เก็บซ่อนรอยยิ้มเลยแม้แต่น้อย ถึงจะหน้าหมั่นใส้แต่ไอ้หมอนี่ก็ใช้งานง่ายดี ไนติงเกลจึงยังไม่สลัดทิ้งไปเสียก่อน
แต่ยิ้มได้ไม่นานเธอก็ต้องขมวดคิ้วลงด้วยความสงสัย และนั่นก็เป็นเพราะว่า…
“ฝ-ฝ่าบาทอยู่ที่ไหนล่ะ?”
บทเวทีไม่มีแม้แต่เงาของพ่อพระเอกเลยนี่สิ!
‘หายไปไหนของเขาวะ!!’
ไนติงเกลกรอกตามองไปทั่วบริเวณหอประชุม เธอมองเห็นผู้คนมากมายที่มีสีหน้าเช่นเดียวกับเธอ ดูเหมือนว่ารัชทายาทจะยังมาไม่ถึง พิธีจึงยังไม่เริ่มแม้จะผ่านมา 20 นาทีแล้วก็ตาม
“มีอะไรหรอ?”
จูเลียซที่เห็นเพื่อน(?)มีสีหน้าไม่สู้ดีจึงถามออกมา นี่นายอ่านบรรยากาศไม่เป็นเลยหรอฮะ?
“ดูเหมือนฝ่าบาทจะยังเสด็จมาไม่ถึงน่ะค่ะ…”
“โฮ่? ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนที่มาสายกว่าเราอีกแฮะ”
“…”
ไนติงเกลไม่สนใจท่าทีชิวเกินเหตุของเขา เธอกำลังสำรวจไปทั่วหอประชุม และระหว่างที่กำลังกวาดสายตามองหาคนหัวน้ำเงิน ๆ นั้น เธอก็ดันสบตาเข้ากับคนหน้าตาคุ้นเคยในความทรงจำพอดี…
“นั่นมัน…จิน?”
‘จิน’ คือคนรับใช้ส่วนตัวของพระเอก เขาเป็นชายหนุ่มผมทองที่มีหน้าตาหล่อเหลา แต่โชคเกอร์ที่โชว์หลาอยู่ที่คอทำให้รู้ได้ทันทีว่าเขาเป็นโอเมก้า
ทันทีที่อีกฝ่ายจำได้ว่าเป็นเธอ ดวงตาสีมรกตก็ดูราวกับจะพ่นน้ำพุออกมาได้ เขากำลังขอความช่วยเหลืออยู่!
ปิ้ง ๆ ๆ
ทั้งคู่ส่งรหัส(?)พูดคุยกันผ่านทางสายตา
เมื่อถามไปว่า ‘ฝ่าบาทอยู่ที่ไหน!?’ เขาก็ตอบกลับมาทันทีว่า ‘ไม่รู้ค้าบบ!!’ และนั่นทำให้เธอแทบอยากจะพุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อทันที! ถ้าไม่ติดว่าสายตาดันเหลือบไปเห็นคนคุ้นเคยอีกคนซะก่อน
“อ้ะ นั่นมัน”
เป็นแม่บ้านลุยซาร์นั่นเอง ตอนนี้หญิงวัยกลางคนกำลังยืนไม่ติดที่ พร้อมจะสติแตกได้ทุกเมื่อ ผิดจากพฤติกรรมเรียบร้อยที่เมดพึงมีโดยสิ้นเชิง …แต่ก็นะ ใครจะไปว่าอะไรเธอได้ ในเมื่อทั้งคุณหนูทั้งองค์ชายดันหายหัวไปพร้อมกัน แม้แต่ครูใหญ่ยังแทบจะลมจับเลย
ไนติงเกลสะบัดวิลแชร์แล้วพุ่งตรงไปทางลุยซาร์ ทำให้จินผู้น่าสงสารที่คอยเฝ้ามองอยู่น้ำตาไหลพรากออกมา
‘โทษทีนะ แต่คนของฉันต้องมาก่อน!’
เด็กสาวรีบดริฟวิลแชร์ไปทางขวาสุดทันที ทำให้จูเลียซที่มัวแต่ยืนครุ่นคิดตามไปแทบไม่ทัน
“มิสเตอร์จูเลียซ! เร็วเข้า รีบพาดิฉันไปตรงนั้นหน่อยค่ะ!”
“หะ ไปหาคุณป้าคนนั้นน่ะหรอ?”
“เสียมารยาทจริง! ปีนี้เธอเพิ่งจะ 30 เองนะคะ! แต่ใช่ค่ะ ตรงไปทางคุณป้าคนนั้นเลย!”
โชคดีที่ 95% ของหอประชุมเป็นเบต้า จึงไม่มีใครได้กลิ่นหอมยาสระผมจากตัวจูเลียซ ทำให้พวกเขาตรงมาถึงคุณป้าลุยซาร์ได้สำเร็จโดยไม่มีใครสังเกตุเห็น และทันทีที่หัวหน้าเมดเห็นหัวขาว ๆ ของไนติงเกล เธอก็ปล่อยโฮออกมา
“คุณหนู!! ฮืออออ หายไปไหนมาเจ้าคะ รู้ไหมว่าบ่าว–”
“ชู่ว! เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลัง บอกมาก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น ใยฝ่าบาทยังเสด็จมาไม่ถึงอีก??”
“ไม่มีใครทราบเจ้าค่ะ แม้แต่ท่านจินที่คอยอาบน้ำปะแป้งมาให้ทั้งชีวิตก็ยังไม่ทราบเลย!”
“อ-อ้อ หรอ…”
‘คนรับใช้หรือแม่วะนั่น!?’
“สรุปก็คือเขาหายไปสินะ แต่ว่าแม้แต่คนสนิทก็ยังหาไม่เจอเนี่ย ไม่น่าใช่แค่หนีเที่ยวแล้วล่ะมั้ง”
จูเลียซพูดแทรกขึ้นมาด้วยท่าทีสบาย ๆ ขัดกับสีหน้าแตกตื่นของคนทั้งหอ
“ดิฉันก็คิดเช่นนั้นค่ะ…ว่าแต่คุณคือ?”
ตอนแรกลุยซาร์ก็เห็นด้วย แต่เมื่อเห็นโชคเกอร์ที่คอของเขา เธอก็ขมวดคิ้ว
และนั่นทำให้ชายหนุ่มอารมณ์เสียอยู่ไม่น้อย การอยู่กับไนติงเกลมาได้สักพักทำให้เขาเผลอลืมไปว่าคนปกติมีท่าทีกับโอเมก้ายังไง
“…ฮึ่ม”
แต่ประโยคต่อมาของเด็กสาวก็ทำให้ความขุ่นมัวนั้นหายไปจนหมด
“เขาคือบุตรชายของบารอนไอแซค มิสเตอร์จูเลียซ เขาเป็นเพื่อนของดิฉันเองค่ะ”
“อา…อย่างนี้นี่เอง ดิฉันต้องขออภัยที่เสียมารยาทนะเจ้าคะ ท่านจูเลียซ”
เมดลุยซาร์ก้มโค้งลงอย่างสำนึกผิด ทีแรกเธอนึกว่าเขาเป็นโอเมก้าที่ตั้งใจจะมาเกาะแกะไนติงเกล แต่เมื่อได้ยินคุณหนูพูดเช่นนั้นเธอก็ต้องคิดใหม่
‘คุณหนูไม่เคยเข้าหาใครมาก่อน…’
เธออดไม่ได้ที่จะประหลาดใจแต่ในขณะเดียวกันก็ภูมิใจ
*********************************************
“…อา หวา…”
เขาไม่เคยมีเพื่อน และไม่รู้ต้องหายังไง ดังนั้นจึงมักจะจินตนาการว่าผู้คนที่ทำดีด้วยเป็นมิตรสหายของตัวเองมาโดยตลอด …แต่ว่ามีเพียงครั้งนี้ที่มีคนพูดออกมาว่าเขาเป็นเพื่อนจริง ๆ เป็นคนแรก…
และนั่นก็ทำให้เขาแทบจะลอยได้!
‘สุดยอด สุดยอด สุดยอด!! ฉันมีความสุขมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว!’
“อะแฮ่ม! ถ้าคิดไม่ออกว่าจะทำยังไงกับสถานการณ์นี้ดีล่ะก็ จะให้ผมช่วยก็ได้นะ อะแฮ่ม! ก็เป็น ‘เพื่อน’ กันนี่นา อะแฮ่ม ๆ!”
*********************************************
ผมสีน้ำเงินดึงดูดสายตาของผู้คนจำนวนมาก ตอนนี้เขากำลัง ‘เดิน’ ขึ้นไปบนเวทีอย่างสง่างาม ท่าทีสงบนิ่งของชายหนุ่มทำให้ฝูงชนใจเย็นลงไม่น้อย
ทุกคนคิดว่า ‘ในที่สุดองค์ชายรัชทายาทก็มาถึงแล้ว!’
แต่มีเพียง 4 บุคคลเท่านั้นที่รู้ว่าความจริงคืออะไร…
‘พระเอกเมิงงง ไอ้เวร!!!’
เจ้าชาย(?)กรีดร้องอยู่ภายใน แม้จะปั้นหน้าเรียบเฉยอยู่ก็ตาม