ดิฉันคือนางร้ายในนิยายBL - ตอนที่ 12
ไนติงเกลใช้พลังอันกระจ้อยร่อยของเธอขุดคุณชายเรนอลออกมาจากพื้น
[สกิล ‘ควบคุมแรงโน้มถ่วงเป็นวงกว้าง’
LV 1]
การยกเขาให้ลอยขึ้นมาเป็นไปอย่างยากลำบาก ส่งผลให้หัวของเรนอล โรเจอร์ กระแทกเข้ากับพื้นอยู่หลายครั้ง จนเธอกลัวว่าอีกฝ่ายจะเลือดคลั่งในสมองตายไปเสียก่อน
แต่ไม่นานนักเธอก็ทำสำเร็จ(ถึงแม้เรนอลจะสลบไปแล้วก็ตาม) ต้องขอบคุณพรสวรรค์ในการเรียนรู้ได้ไวของไนติงเกล โชคดีที่คุณนายเอกไม่ได้สงสัยอะไร กลับกันดูเหมือนเขาจะสนุกอยู่มากกว่า…
‘ไอ้หมอนี่เป็นซาดิสเรอะ!?’
“เสร็จแล้วใช่ไหม? ไปกันเถอะ เราเสียเวลาอยู่ที่นี่มา 15 นาทีแล้ว ป่านนี้รัชทายาทคงกล่าวเสร็จแล้วล่ะ”
อา…จริงสิ ในนิยาย ไนติงเกลจะต้องไปอยู่เคียงข้างพระเอกหลังจากจบพิธีเปิดภาคเรียนนี่นา… ถึงแม้หลังจากนั้นนางก็จะโดนโอเมก้าที่ไหนก็ไม่รู้มาผัวคาบไปแดกก็เถอะ
แต่พอได้นึกถึงชื่อของชายชายที่ไม่เคยเห็นหน้า เธอก็พลันรู้สึกร้อนรนขึ้นมา
“รีบไปกันเถอะค่ะ”
“อืม”
จากนั้นทั้งคู่ก็เดินมุ่งหน้าไปยังหอประชุม โดนมีลูกโป่งคุณชายลอยตามมา
“ว้าย! ลืมไปเลย เราต้องพาพวกเขาไปส่งห้องพยาบาลก่อนนี่นา!”
*******************************************
โชคดีที่พอเจ้าหน้าที่เห็นใบหน้าของไนติงเกล พวกเขาก็ไม่กล้าถามอะไรมาก ถึงส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะเหล่าคุณชายกล่าวว่าตราบใดที่ทั้งคู่ยังไม่ก้าวเท้าออกไปจากห้องพยาบาล พวกเขาก็จะไม่ลืมตาเด็ดขาดก็เถอะ
ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครกล้ารั้งพวกเธอไว้ กลับกันแทบอยากจะไล่ออกไปด้วยซ้ำ
ในตอนนั้นเองจูเลียส ไอแซค ก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าทึ่ง ๆ
“ถึงจะรู้ว่าคุณใหญ่มากก็เถอะ แต่ก็ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ อะแฮ่ม! หมายถึงอิทธิพลนะ!”
“? แต่ดิฉันเกรงว่าน่าจะเป็นเพราะคุณมากกว่านะคะ”
“ผมน่ะหรอ? ถ้าเทียบกันแล้วผมเล็กกว่าเจ้าพวกนั้นอีกนะ… แน่นอนว่าหมายถึงอิทธิพล!”
“…”
‘นี่ไม่รู้จริงหรือแกล้งโง่วะคะ? เขาไม่ได้กลัวพ่อเมิง เขากลัวเมิงงงง’
เธอได้แต่ส่ายหัวเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำสีหน้ามั่นใจที่ไม่รู้ไปเอามาจากไหน
‘ถึงแม้คาแร็คเตอร์จะต่างจากในนิยาย แต่ความซื่อบื้อที่เป็นจุดเด่นก็ยังอยู่สินะ…’
ตอนนี้เธอชักกลัวที่จะไปเจอกับพ่อพระเอกแล้วสิ…
ขณะที่กำลังกัดนิ้วกลุ้มใจ ตัวต้นเหตุที่แอบมองอยู่ก็พูดขึ้น
“ไม่ถามแล้วหรอ?”
“ถามอะไรคะ?”
“ก็เรื่องเจ้านี้ไง!”
จูเลียซขมวดคิ้วพลางชี้ไปที่วิลแชร์ของไนติงเกล ด้วยสีหน้าประมาณว่า ‘เอ้ะ ยัยนี้นอกจากเดินไม่ได้แล้วสมองยังเสื่อมอีกหรอ?’ อะไรแบบนั้น…
“เฮ้อ…”
ไม่ต้องมาถอนหายใจเลยนะยะ! สมัยก่อนฉันได้รับฉายาว่า ‘ท่านเทพห้องสมุด’ เลยด้วยซ้ำ!!
“ไม่อยากรู้แล้วค่ะ รีบไปกันเถอะ”
“อ-เอ้ะ! ไม่อยากรู้แล้วจริง ๆ น่ะหรอ??”
ไนติงเกลพูดพลางเร่งความเร็วแต่ก็ต้องหยุดชะงัก เพราะอยู่ดี ๆ คุณนายเอกก็มีท่าทีลุกลี้ลุกลนจนเธอแปลกใจ
‘หมอนี่เป็นอะไรของมัน?’
“ตอนนี้ดิฉันทราบเหตุผลที่ว่าทำไมราชวงศ์ถึงสร้างวิลแชร์ตัวนี้ให้แล้วค่ะ เมื่อครู่ดิฉันตื่นเต้นเกินไปหน่อยเท่านั้นเอง”
พวกเขาส่งวิลแชร์ตัวนี้มาให้เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าไนติงเกลจะยังคงเป็นคู่หมั้นขององค์รัชทายาทอยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่สามารถยืนได้ก็ตาม
ไม่ใช่ด้วยความสงสารหรือความเห็นใจ แต่ด้วยเชื้อสายที่จำเป็นต้องดำเนินต่อไปต่างหาก
ตระกูลฟอร์สคือตระกูลที่ให้กำเนิดราชินี ต่อให้เธอจะพิการ แต่ตราบใดที่ยังสามารถให้กำเนิดทายาทได้ก็ไม่มีปัญหา
‘จะว่าไปแล้วไนติงเกลพิการตั้งแต่กำเนิดใช่ไหมนะ? คงไม่ได้โดนวางยาพิษหรือลอบทำร้ายอะไรทำนองนั้นใช่ไหม…’
เมื่อคิดถึงเรื่องจำพวกนั้นเด็กสาวก็ขนลุกซู่ เธอไม่ถูกกับเรื่องแนวนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“ไม่ใช่เรื่องนั้นสักหน่อย…ไม่สิ เรื่องนั้นก็เกี่ยวแหละ แต่ที่อยากให้ถามน่ะ–”
แต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะยังไม่พอใจ เขายืนหน้าแดงอยู่ตรงนั้นไม่ยอมเดินไปไหน จนไนติงเกลต้องหันกลับมามอง
“อะไรอีกล่ะคะ? ถ้าไม่รีบไปจะสายแล้วจริง ๆ นะ”
“อึ่ก– ชื่อน่ะ!!”
“หะ”
ชื่อ? ชื่อทำไม?? ตะโกนคำว่าชื่อทำไม!? อยากรู้หรอว่าวิลแชร์ตัวนี้ชื่ออะไร? แต่โทษทีนะ ฉันก็ไม่รู้!
“ช-ชื่อ?”
“ใช่ ชื่อ!! คุณยังไม่ได้ถามชื่อผมเลยนี่!?”
…
…
เมิงเป็นเด็กอนุบาลเรอะ!?
ไนติงเกลมีสีหน้าว่างเปล่าขณะมองอีกฝ่ายหัวจรดเท้า ส่วนเขาที่เห็นแบบนั้นก็ยิ่งหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม
“…”
“อ-อึ่ก!”
ทั้งคู่จ้องหน้ากันอยู่อย่างนั้นสักพัก จูเลียซใกล้จะสติแตก ส่วนไนติงเกลใกล้จะหลุดขำ สุดท้ายเกมจ้องตาก็จบลงด้วยการที่เธอเป็นฝ่ายยอมแพ้
“ต้องขอประทานอภัยเป็นอย่างสูงค่ะ ดิฉันช่างเลินเล่อเสียจริง ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรหรือคะ?”
เด็กสาวก้มโค้งลงด้วยสีหน้ารู้สึกผิด แน่นอนว่าแสดง เพราะว่าตอนนี้เธอกำลังนึกถึงเนื้อหาในนิยายห่วยแตกเล่มนั้นอยู่
ถึงตอนแรกจะสับสนนิดหน่อย แต่เธอก็พอจะจำเซตติ้งตัวละครของนายเอกใน ‘My Omega’ ได้อยู่
‘จูเลียซไม่มีเพื่อนเพราะว่าเขาเป็นโอเมก้า โลกใบนี้ได้ขีดเส้นแบ่งแยกโอเมก้าจากคนอื่น ๆ’
เขาจะตอบสนองต่อคนที่มาหาเรื่อง(ห้าจุฑาเทพ)อย่างรุนแรง ในขณะที่เข้าหาคนที่ดูเป็นมิตร(ข้าพเจ้า)อย่างเก้ ๆ กัง ๆ
ทั้งหมดนั่นเป็นเพราะว่าเขาไม่เคยมีเพื่อนมาก่อน จูเลียซไม่เข้าใจว่าต้องแสดงออกในสถานการณ์นั้น ๆ อย่างไร มันไม่ใช่แค่เรื่องของสติปัญญา แต่คือประสบการณ์ ซึ่งโชคร้ายที่เขาไม่เคยมีมันมาก่อน
จูเลียซ ไอแซค คือเด็กหนุ่มที่มีค่าความรู้สึกเพียง 0 กับ 10 (เกลียดมากกับรักมาก)
‘เพราะงั้นเขาถึงได้อยู่กับอีตาพระเอกที่เป็นเหมือนกันได้สินะ’
หลังจากคำขอโทษแล้วตามด้วยคำถามของไนติงเกล จูเลียซก็อึ้งไปสักพักหนึ่ง เหมือนเตรียมหาคำตอบไม่ทัน…อะไรอีกล่ะ ชื่อตัวเองมันนึกยากขนาดนั้นเลยหรอ?
“จ-จูเลียซ…จูเลียซ ไอแซค!”
เขาตอบเสียงดังประหนึ่งอยากให้ทั้งโรงเรียนได้ยิน ก่อนจะยืนบิดไปบิดมาอย่างมีความสุข จนไนติงเกลราวกับว่าจะเห็นภาพลวงตาของหูกับหางที่ยื่นออกมาได้
“มิสเตอร์จูเลียซ ดิฉันต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ที่ลืมถามนะคะ”
“อืม ช่วยไม่ได้เนอะ! ถ้าลืมก็ช่วยไม่ได้นี่เนอะ!”
“ค่ะ ๆ รีบไปกันเถอะค่ะ”
เด็กสาวเลื่อนวิลแชร์ไปด้านหลังจูเลียซ ก่อนจะออกแรงดันให้อีกฝ่ายเดินไปต่อ
‘ขนาดยังไม่เจอพระเอกยังเป็นขนาดนี้…แล้วถ้าพวกมันได้รวมตัวกันจะขนาดไหน…’
เธอได้แต่สาปแช่งนิยายห่วยแตกอยู่ในใจ