ดาบผู้พิทักษ์ปริศนาของบุตรชายตระกูลบารอน - ตอนที่ 2
ผมนึกถึงเรื่องราวในอดีตในตอนที่กลางคืนเพราะนอนไม่หลับ
มันเป็นเรื่องราวเมื่อหนึ่งปีก่อนที่ผมเริ่มโดนพี่สาวแกล้งใหม่ ๆ
การปะทะดาบกับเธอในขณะที่ฝึกซ้อมไปเป็นอย่างปกติ ผมไม่ได้ใช้แรงมากเกินไป ส่วนพี่คริสต์ก็ได้แสดงฝีมือออกมาและเอ่ยปากพร่ำสอนผมด้วยความเข้มงวดจนหมดเวลาในการฝึกซ้อม
“แอล มาคุยกันหน่อยสิ”
แต่วันนั้นมันแปลกนิดหน่อยที่เธอต้องการคุยเรื่องบางอย่างกับผมทันทีที่ฝึกเสร็จ ซึ่งเรื่องที่เธอต้องการคุยกับผมคือเรื่องที่ว่า “อีกหนึ่งปีพี่คริสต์ก็ต้องไปเรียนต่อที่สถาบันนักดาบเวทเทมพลาร์”
เธอแสดงท่าทางกังวลออกมาอย่างชัดเจน ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ค่อยอยากไปที่เทมพลาร์สักเท่าไหร่ ซึ่งพอผมถามเธอถึงสิ่งที่ทำให้เธอกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น เธอกลับเงียบก่อนจะปรายตามามองผมด้วยเหตุผลบางอย่างที่นึกยังไงก็นึกไม่ออก
“ที่จริงผมก็ไม่อยากให้พี่ไปเหมือนกัน”
ด้วยความที่ผมไม่รู้ว่าจะช่วยคลายกังวลพี่สาวยังไง ผมจึงเริ่มพูดความรู้สึกเกี่ยวเรื่องที่เธอกังวลออกมาเพื่อให้เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ทุกข์ใจอยู่แค่คนเดียว ซึ่งดูเหมือนมันจะได้ผล เธอเริ่มคลายกังวลลง แต่ในทันทีที่เป็นแบบนั้น เธอก็ได้พูดในสิ่งที่ผมไม่คิดว่าจะออกมาจากเธอ
“งั้นเราไปจัดการรังโจรแถวหมู่บ้านร้างกันเถอะ!”
ผมงุนงงไปชั่วขณะ พยายามความเข้าใจในสิ่งที่พี่คริสต์พูด แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่คุยกันก่อนหน้านั้น หรือเธออยากระบายอารมณ์โดยการไปสู้กับโจร…?
ผมพยายามห้ามปรามเธออย่างสุดความสามารถ ถึงขั้นคิดที่จะตะโกนฟ้องพ่อแม่ที่อยู่ในคฤหาสน์ ด้วยความคิดว่าเธอบ้าไปแล้วเพราะความเครียด แต่ไม่ทันที่ผมจะได้ส่งเสียงตะโกน เธอก็ใช้ดาบไม้ฟันลงที่หัวของผมอย่างแรงจนผมประคองสติไม่ได้และสลบไป
พอตื่นมาอีกที ผมและพี่คริสต์ก็มาอยู่ในป่าใกล้หมู่บ้านร้างซะแล้ว
“กลับกันเถอะพี่สาว!” ผมพยายามร้องอ้อนวอนให้เธอเลิกทำอะไรบ้า ๆ
แต่มันก็ไม่เคยมีสักครั้งที่ผมสามารถขัดใจพี่สาวคนนี้ได้ ทำให้ผมทำได้เพียงตามเธอไปด้วยความสิ้นหวัง โดยเมื่อเธอเห็นว่าผมยอมจำนนต่อเธอแต่โดยดี เธอก็ได้มอบดาบโลหะมิธริลที่เธอขโมยมาคลังอาวุธในคฤหาสน์ให้ผม มันทำให้คิ้วของผมชักกระตุก
ยัยพี่สาวบ้านี่คิดจะทำแบบนี้ตั้งแต่แรก
เรื่องที่เธอบอกว่ากังวลเกี่ยวกับการที่อีกหนึ่งปีเธอต้องไปที่สถาบันนักดาบเวทเทมพลาร์นั้นตอแหลทั้งเพ ที่เธอทำไปทั้งหมดก่อนหน้านั้นเพราะอยากให้ผมมาติดร่างแหไปด้วย นึกแล้วก็แค้นใจ
“เรามาถึงแล้ว” พี่คริสต์กระซิบกับผมเมื่อเราเดินทางมาถึงหมู่บ้านร้าง
และอย่างที่รู้กันว่าตอนนั้น หมู่บ้านร้างมันได้กลายเป็นรังโจร ทำให้เราเห็นชายฉกรรจ์มากมายนับรวมแล้วได้ยี่สิบคน โดยทุกคนกำลังก๊งเหล้ากันตั้งแต่หัววัน สาเหตุคงมาจากก่อนหน้านั้นพวกเขาได้ดักปล้นใครสักคนมาจนสำเร็จ หลักฐานก็คงเป็นลังไม้ขนาดใหญ่ที่ใช้ในการกักเก็บสิ้นค้าหลายลังที่วางทิ้งระเกะระกะ
“ไปกันเถอะ!”
โดยไม่เกรงกลัว เธอได้ชักดาบออกมาก่อนจะพุ่งเข้าฟันโจรคนหนึ่งจนเป็นแผลกว้าง ซึ่งทันทีที่โจรคนอื่นได้ยินเสียงกรีดร้องของพรรคพวก พวกเขาก็รีบพุ่งเข้าโจมตีเธอผู้เป็นสาเหตุในทันที
ผมที่ปล่อยให้เธอสู้คนเดียวไม่ได้เพราะมันอันตรายเกินไปจึงพุ่งอออกจากพุ่มไม้และเข้าไปสมทบกับเธอ ถึงแม้โจรพวกนั้นจะไม่ใช่นักดาบเวท แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะทำอะไรผมและพี่สาวไม่ได้ ยิ่งพวกเรายังเป็นแค่เด็กอายุไม่ถึงสิบห้าแบบนั้นอีก
การต่อสู้ดำเนินไปอย่างวุ่นวาย พวกเราแทบจะรับมือกับกลุ่มโจรที่รุมโจมตีใส่ไม่ไหว เพราะมันไม่ได้มีเพียงแค่ดาบที่เป็นอาวุธของพวกเขา หน้าไม้ มีด และธนู อาวุธเหล่านนั้นพวกเขาก็ได้ใช้ในการต่อสู้กับพวกเราเช่นกัน ซึ่งมันทำให้พวกเราตกที่นั่งลำบาก
และในตอนนั้นเอง พี่คริสต์ก็โดนลูกธนูดอกหนึ่งแทงเข้าที่หัวไหล่ซ้าย
ซึ่งในทันทีที่เธอได้รับบาดเจ็บ สติของเธอก็เหมือนจะเริ่มเลือนรางลงอย่างรวดเร็วจนประคองร่างให้ยืนอยู่ไม่ไหว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอถูกพิษอะไรสักอย่างจนทำให้ประคองสติไม่ได้
“อีแบบนี้แย่แน่ ๆ ” ผมบ่นออกมาแบบเหงื่อท่วมตัว
ไม่ต้องให้ใครมาบอก ในตอนนั้นก็มีแต่ผมนี่แหละที่เป็นคนพาพี่สาวออกจากสถานการณ์บ้า ๆ ที่เธอเป็นคนสร้างนี้ และผมก็ไม่มีทางเลือกที่จำเป็นต้องสู้ด้วยตัวคนเดียว เพราะตัวต้นเหตุแทบจะสลบเหมือดไปโดยไม่รับไม่รู้อะไรแล้ว
ซึ่งหลังจากทุลักทุเลอยู่สักพักเพราะพยายามต่อสู้และงัดไม้ตายอะไรหลาย ๆ อย่างออกมา ผมก็พาพี่คริสต์หนีออกจากมาพวกโจรได้ โดยในตอนที่ผมกำลังแบกเธอกลับไปรักษาที่คฤหาสน์ตระกูลแลสเซนเนอร์ สติของเธอก็ดูเหมือนจะกลับมานิดหน่อยและพึมพำบางอย่าง
“ฝีมือจริง ๆ ของนาย เป็นงี้เองสินะ…” แล้วเธอก็หลับไป
หลังจากนั้นผมและพี่สาวก็ถูกดุเอาซะยกใหญ่และถูกกักบริเวณไม่ให้ออกไปไหนนอกคฤหาสน์อยู่เป็นเดือน ซึ่งสำหรับตัวผมผู้เป็นเหยื่อที่ติดร่างแหนั้นมันช่างเป็นอะไรที่ไม่ยุติธรรมและยิ้มไม่ออกเลยสักนิด ส่วนพี่คริสต์ผู้เป็นตัวการกลับดูอารมณ์ดีกว่าปกติแถมยังยิ้มระรื้นอยู่หลายวัน
“เป็นพี่สาวที่ใช้ไม่ได้จริง ๆ ” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ผมก็มักจะหลบอยู่ข้างหลังเธออยู่ตลอด ทั้ง ๆ ที่อายุจิตก็เลยยี่สิบไปแล้ว ผมเองก็ใช้ไม่ได้เหมือนกัน
—๏๏๏—
ขณะที่แอลกำลังหวนนึกถึงอดีตเพราะนอนไม่หลับ
ณ ห้องนอนของคริสต์ที่อยู่ถัดจากห้องของเขาไป เด็กสาวผู้อยู่ในชุดนอนตัวบางห้องนั้นกำลังจดบันทึกข้อความบางอย่างลงในสมุดไดอารี่ด้วยรอยยิ้ม โดยมีแสงสว่างจากโคมไฟช่วยในการมองเห็น
ข้อความส่วนหนึ่งที่เธอเขียนนั้นมีคำพูดที่เธอได้ใช้ในตอนที่เธอเอาชนะเลกซ์อย่าง “การต่อสู้ด้วยพลังเวทมันไม่ได้อยู่ที่ปริมาณ แต่มันอยู่ที่การใช้” “ผลลัพธ์ก็คือความพ่ายแพ้ของท่านยังไงล่ะ” เธอเขียนเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนกลางวันลงไปอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย
“ฮิฮิ แบบนี้พรุ่งนี้ต้องจับเจ้าน้องชายแกล้งสักหน่อยแล้ว” เธอพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาที่เด็กสาวมักจะใช้ในการเพลิดเพลินก่อนนอน คืนนี้กลับถูกหยุดลงเพราะแขกที่ไม่ได้รับเชิญที่พุ่งพรวดเข้ามาจากหน้าต่างที่ไม่รู้ว่ามันถูกเปิดออกตั้งแต่เมื่อไหร่
“พวกแกเป็นใคร—” โดยไม่ทันที่คริสต์จะได้ตะโกนขึ้น แขกในชุดผ้าคลุมสีดำก็ได้ชัดหมัดเข้าไปที่ท้องของเธออย่างรุนแรงจนเธอสำลักอากาศที่ถูกดันขึ้นเต็มปอด
“รีบเอาตัวเธอไปซะ ก่อนที่คนในคฤหาสน์จะรู้ตัว”
ชายในชุดผ้าคลุมสีดำอีกคนเดินเข้ามายืนข้าง ๆ คนที่ทำร้ายเธอ ก่อนที่พวกเขาจะพูดคุยอะไรบางอย่างและอุ้มร่างของเธอขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ลืมจะทำให้เธอสลบก่อนด้วยการใช้ผ้าชุบยานอนหลับคลุมลงบนใบหน้าของเธอ
และแขกที่ไม่รับเช่นเหล่านี้ก็ได้หายตัวไปจากคฤหาสน์พร้อมกับตัวเด็กสาว โดยที่พวกเขาไม่รู้ว่าเธอได้ทิ้งบางอย่างเอาไว้ และมีใครบางคนรับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น?” แอลสัมผัสได้ถึงละอองเวทในอากาศที่อยู่ดี ๆ ก็ปั่นป่วน
ด้วยความสงสัยและไม่ไว้วางใจ เด็กหนุ่มได้ลุกขึ้นจากเตียงและเพ่งสมาธิเสริมพลังเวทไปที่ประสาทสัมผัสเพื่อตรวจสอบถึงละอองเวทโดยรอบในระยะห้าสิบเมตร และเขาก็สัมผัสได้ถึงจุดที่ละอองเวทปั่นป่วนที่สุดคือในห้องของพี่คริสต์
เหมือนว่ามีใครใช้เวทเสริมพลังอย่างรุนแรง และที่สำคัญคือ
คริสต์ได้หายตัวไปจากห้องของเธอ
เขารีบเปิดประตูออกจากห้องของตัวเอง ก่อนจะตะโกนเรียกคนในคฤหาสน์ให้มาดูห้องของคริสต์ที่ซึ่งเมื่อเขาเปิดและเดินเข้าไปก็ไม่พบตัวของเธอควรจะอยู่ภายในห้อง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” โจเซฟที่เพิ่งมาถึงมองไปที่ตัวลูกชายด้วยคิ้วที่ขมวด
แอลที่ยืนอยู่ภายในห้องได้หันกลับมามองเขาด้วยสีหน้าจริงจัง
“พี่สาวหายตัวไปครับ”
“หมายความว่ายังไงกัน?” แอนนาที่ตามหลังโจเซฟมาถามขึ้นด้วยความตกใจ
เด็กหนุ่มกวาดสายตามองไปทั่วห้อง ก่อนจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่ตกอยู่บนพื้นห้อง มันเป็นเศษผ้าหยาบสีดำที่มีร่องรอยพลังเวทปริศนาที่ไม่ใช่ของเด็กสาว ซึ่งในทันทีที่เขาเห็นมัน เขาก็รับรู้ได้ในทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น
—๏๏๏—
ความลับและความสามารถอย่างหนึ่งของผม
ผมสามารถรับรู้ถึงละอองเวทได้แม้จะอายุสิบสามแล้วก็ตาม
ตามปกติเมื่อคนเรามีอายุเกินห้าขวบ ความสามารถในการรับรู้ถึงละอองเวทในอากาศจะหายไปด้วยเหตุผลบางอย่าง ซึ่งในตอนแรกผมก็คิดว่าตัวเองก็ไม่แตกต่างจากคนอื่น อย่างไรก็ตาม ผมกลับยังรู้สึกถึงละอองอุ่น ๆ ในอากาศ และเมื่อผมเพ่งสมาธิเพิ่มระดับความไวต่อพลังเวท ผมก็กลับมามองเห็นละอองเวทสีขาวในอากาศอีกครั้งเหมือนตอนแรกที่ลืมตาดูโลก
มันเป็นสภาพผิดปกติที่เกิดขึ้นกับผมอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะถึงแม้ผมจะพยายามหาหนังสือเกี่ยวกับพลังเวทแนวต่าง ๆ เพื่อหาคำตอบในสิ่งที่เกิดขึ้นมากแค่ไหน ผมกลับไม่เจออะไรเป็นชิ้นเป็นอันเหมือนกับว่า สิ่งที่ผมเป็นมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
แต่ผมก็พอคิดออกมาว่าทำไมผมถึงยังรับรู้ถึงละอองเวทในอากาศได้
เพราะว่าตัวผมมีความไวต่อพลังเวทสูง
ทำให้ผมสามารถสัมผัสได้ถึงละอองเวทปั่นป่วนได้ในทันที หากอยู่ใกล้คนที่ใช้พลังเวทจนทำให้ละอองเวทปั่นป่วนมากพอ โดยยิ่งพลังเวทนั้นรุนแรงแค่นั้น ละอองเวทก็ยิ่งปั่นป่วนและสัมผัสได้ง่ายขึ้นเท่านั้น เหมือนกับการตอบสนองต่อสิ่งเร้าของใบต้นไมยราบ
“ต้องรีบตามรอยละอองเวทปั่นป่วนไป ก่อนที่มันจะกลับมาเป็นปกติ”
ผมเพ่งสมาธิมองดูละอองเวทปั่นป่วนที่เห็นเป็นทางข้างนอกหน้าต่างห้องของพี่คริสต์ มันบอกได้อย่างชัดเจนถึงทิศทางที่คนร้ายลักพาตัวพาตัวเธอไป ซึ่งหากปล่อยมันไว้นานเกินไปละอองเวทปั่นป่วนก็จะกลับมาเป็นปกติ ทำให้ผมต้องรีบเคลื่อนไหว
ผมหันกลับมามองคนในคฤหาสน์ที่ทยอยเข้ามาดูห้องของพี่คริสต์
อีกไม่นานพ่อจะกลับมาพร้อมกับอัศวินสืบสวน ซึ่งอย่างเร็วสุดคงกินเวลาเป็นครึ่งชั่วโมง และหากเป็นแบบนั้นคงทำให้ละอองเวทปั่นป่วนกลับมาเป็นปกติจนหมด จนทำให้ตามรอยคนร้ายไม่ได้อีกต่อไป ผมจะปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้
“แม่ครับ กลับไปที่ห้องนอนก่อนเถอะครับ”
ผมเดินไปหาแม่และคุกเข่าลงพูดกับเธอที่กำลังร้องไห้อยู่ด้วยความกังวลและตกใจ
ผมพยุงร่างเธอขึ้นก่อนจะเรียกเมดคนสนิทของเธอคนที่กำลังมุงดูอยู่ข้างนอกห้องเข้ามาช่วยพาเธอไปที่ห้องนอน และฝากให้เมดคนนั้นช่วยอยู่ดูแลเธอ หลังจากนั้นผมก็กลับไปอยู่ในห้องของตัวเอง โดยบอกกับทุกคนในคฤหาสน์ว่าไม่ให้เข้ามารบกวนเด็ดขาด
ตอนนี้ผมต้องรีบ ผมหยิบผ้าคลุมสีน้ำตาลที่แขวนอยู่ในห้องมาคลุมตัวและหยิบดาบโลหะมิธริลที่ซ่อนไว้ใต้เตียงนอนขึ้นมาเหน็บไว้ที่เอว มันเป็นดาบที่ผมขโมยมาจากคลังอาวุธของตระกูลเมื่อนานมาแล้ว เพราะอยากตรวจสอบและทดลองอะไรนิดหน่อย และไม่มีโอกาสจะเอาไปคืน
แม้ดาบมันจะดูยาวไม่สมส่วนกับความสูง แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหา เท่านี้ก็เตรียมตัวพร้อมแล้ว
ผมกระโจนออกจากหน้าต่างห้องอย่างเงียบงัน ก่อนจะอัดพลังเวทไปที่เท้าให้มันระเบิดออกมาช่วยเป็นแรงผลักในการเคลื่อนที่และทิ้งระยะห่างจากตัวคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว โดนทิศทางเบื้องหน้าที่ผมพุ่งไปคือภายในป่าที่มีร่องรอยของละอองเวทปั่นป่วนเป็นทาง
ตรวจคำผิด 12/11/2022 เวลา 00:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด 12/11/2022 เวลา 00:53 น.