ในเวลานี้ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ยอมรับแต่ก็ทำได้เพียงแค่พยักหน้าตอบกลับรับคำไป
สวี่เฟิงหมิงนัยน์ตาเย็นชามองต่ำมาที่เธอ "ใช่ไหมครับ?"
หร่วนซือซือรวบรวมความกล้าก่อนจะพูดย้ำขึ้นว่า "วางใจได้เลยค่ะท่านรองประธานสวี่ ฉันสามารถทำภารกิจให้สำเร็จได้ค่ะ"
นัยน์ตาของสวี่เฟิงหมิงสบมองไปที่ตัวเธอก่อนจะตอบกลับไป "ก็หวังว่าจะเป็นไปตามนั้นนะครับ"
ในเวลานี้เอง ก็มีเสียงฝีเท้าดันขึ้นมาจากทางด้านข้างทันที พร้อมด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นดังที่ลอยมา "ท่านรองประธานสวี่ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะครับ?"
เมื่อได้ยินเสียงของอวี้อี่มั่ว หร่วนซือซือกลับตื่นตระหนกตกใจขึ้นมาทันที เธอเงยหน้าขึ้น เห็นว่าเขากำลังสาวเท้าก้าวเดินตรงมาทางนี้พอดี
สายตาเรียบเฉยของอวี้อี่มั่วมองผ่านมายังตัวเธอ หยุดมองเพียงไม่ถึงเสี้ยววินาทีเท่านั้น นัยน์ตากลับหันไปล็อกสายตาสบมองสวี่เฟิงหมิงอย่างมีเป้าหมายชัดเจนแทน
นัยน์ตาของสวี่เฟิงหมิงดุดันขึ้น เขายิ้มเย็นก่อนจะตอบกลับไปว่า "คือ พนักงานที่แผนกผู้ช่วยฝ่ายบริหารส่งมาคนนี้ ไม่ค่อยเป็นงานเท่าไหร่นัก ผมแค่กำชับเธอไม่กี่ประโยคเท่านั้น"
"งั้นหรือครับ?" อวี้อี่มั่วเดินสาวเท้าไปด้านหน้าก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า "งั้นผมจะให้ฝ่ายบริหารเปลี่ยนคนใหม่ให้แทน"
สวี่เฟิงหมิงหัวเราะเบาๆ ทว่ารอยยิ้มกลับไปไม่ถึงดวงตา "ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกครับ ไม่กี่วันเอง แถมผู้หญิงคนนี้ก็ถือว่าดูฉลาดหลักแหลมดี ไม่รบกวนท่านประธานอวี้ดีกว่าครับ"
นัยน์ตาของอวี้อี่มั่วดุดันขึ้น ผ่านไปสักพักก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า "งั้นก็ตกลงครับ"
"ในเมื่อท่านประธานอวี้ไหนๆก็มาแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่ต้องไปห้องทำงานของคุณแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้นคุณมาดื่มชาที่ห้องทำงานผมสักแก้วดีไหมครับ?"
นัยน์ตาเยือกเย็นของอวี้อี่มั่วสบมองก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า "ยังมีธุระที่ต้องจัดการครับ เรื่องดื่มชาคงต้องขอปฏิเสธแล้วล่ะ"
หร่วนซือซือที่ยืนอยู่ทางด้านข้างยืนฟังทั้งสองคนพูดคุยกันไปมา หากดูจากสถานการณ์แล้วอาจเป็นปกติ ทว่าเธอกลับรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างผ่านทางน้ำเสียงพวกนั้น
ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไรออกไป ทันใดนั้นเองอวี้อี่มั่วที่ยืนอยู่ด้านข้างกลับหันศีรษะมาทางเธอแล้วกำชับว่า "ตรงนี้ไม่มีอะไรให้เธอจัดการแล้วล่ะ เธอไปเถอะ"
ฟังดังนั้นแล้ว หร่วนซือซือก็วางใจได้ในระดับหนึ่ง ก่อนจะรีบพูดขึ้นว่า "ค่ะ"
ภายในใจของเธอเข้าใจดี ที่อวี้อี่มั่วพูดออกมาแบบนี้ เพราะกำลังออกหน้าให้เธอแทน
เธอลอบถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะหมุนตัวแล้วรีบสาวเท้าจากไป
เพียงไม่กี่ก้าว กลับยังคงรู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งแผ่นหลัง ไม่กล้าหันกลับไปมอง
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ค่อยเข้าใจบทบาทของท่านรองประธานสวี่ แต่ทว่าดูจากรูปการณ์ของวันนี้แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างท่านรองประธานสวี่กับท่านประธานอวี้คงจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ บังเอิญว่าในเวลานี้ท่านรองประธานสวี่พึ่งกลับมาจากสาขาย่อย เขามีเป้าหมายอะไรอีกกันแน่?
หร่วนซือซือไม่ทันที่จะได้ไตร่ตรองให้ละเอียดนัก เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะกลับไปที่ห้องทำงาน แล้วเลือกดื่มน้ำเพื่อให้หายตกใจก่อนเป็นอันดับแรก
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในเมื่อเธอตอบรับผู้จัดการหลันไปแล้ว ในสัปดาห์นี้คงต้องอยู่ช่วยเป็นลูกมือภายใต้อำนาจของสวี่เฟิงหมิง ก็แค่หนึ่งสัปดาห์เท่านั้นเอง หลับตาแปปเดียวก็ผ่านไปแล้ว
เมื่อคิดได้ดังกล่าว เธอก็วางใจได้ลงไปมากโขเลยทีเดียว
ผ่านไปไม่นานนักก็เป็นช่วงเวลาบ่ายแล้ว ยังไม่ทันที่จะได้เลิกงาน เธอก็ได้รับข้อความที่ถูกส่งมาจากอวี้อี่มั่ว "เลิกงานเร็วๆหน่อย ฉันจะรอเธออยู่ที่ชั้นล่าง วันนี้ต้องไปเยี่ยมคุณย่าที่บ้านเก่าด้วยกัน"
อารมณ์ที่ในตอนแรกสบายๆกลับรู้สึกกลับกันโดยทันที
เมื่อวานตอนกลางคืนที่ตอบรับความต้องการนี้ของอวี้อี่มั่ว เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก สมองยังไม่ทันประมวลผมดีก็ตอบกลับรับคำไปเสียแล้ว มาวันนี้กลับต้องกลับไปบ้านเก่าด้วยกันกับเขา เธอกลับรู้สึกวิตกกังวลขึ้นมาเล็กน้อย
เมื่อก่อนพวกเขาเป็นสามีภรรยาที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย แต่ทว่าตอนนี้หย่ากันแล้วแต่ยังคงแกล้งแสดงว่าเป็นสามีภรรยากัน ยังไงๆก็ยังคงรู้สึกอึดอัดไม่น้อยอยู่ดี
เธอทึ้งศีรษะไปมา หร่วนซือซือในเวลานี้ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อไปแล้ว เสี่ยวหานที่มาส่งเอกสารเห็นดังนั้นก็อดที่จะสงสัยแล้วตกใจไม่ได้ว่า "ซือซือเธอเป็นอะไรไปน่ะ? เธอทึ้งหัวตัวเองแบบนี้เดี๋ยวก็หัวล้านหรอก!"
หร่วนซือซือได้ยินดังนั้น ก้มลงไปมอง เห็นเส้นผมจำนวนไม่น้อยตกอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะตกใจ กุลีกุจอลูบคลำเส้นผมบนหัว ก่อนจะเก็บข้าวเก็บของด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน "เสี่ยวหาน ฉันมีธุระนิดหน่อยน่ะ เธอช่วยฉันปิดเรื่องนี้เอาไว้หน่อยนะ ฉันไปก่อนล่ะ"
เสี่ยวหานได้ยินดังนั้นแล้ว ได้แต่ตะลึงจนเบิกตากว้าง ก่อนจะเอ่ยขึ้นถามซอกแซกว่า "จะไปเดทหรือจ้ะ?"
หร่วนซือซือทั้งยิ้มทั้งโกรธก่อนจะดันเธอออกไป "ไม่ใช่เสียหน่อย!"
หากเป็นการเดทจริงๆ เธอจะไม่กระวนกระวายใจแบบนี้แน่นอน
ในช่วงเวลานี้เอง เสียง"ติ้ง"จากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น หร่วนซือซือเปิดดู ก็เห็นว่าเป็นข้อความที่ถูกส่งเข้ามาจากซ่งเย้อัน "เลิกงานแล้วไปกินข้าวกันไหม? ผมรอคุณนะ"
ซ่งเย้อันนัดเธอในเวลาแบบนี้เนี่ยนะ?
เสี่ยวหานที่อยู่ด้านข้างยื่นหน้าเข้ามา สายตาสอดส่งไปบนหน้าจอ ก่อนที่อดไม่ได้ที่จะหลุดปากออกไปว่า "ไหนบอกว่าไม่ใช่เดทไงจ้ะ?"
หร่วนซือซือคนเดียวกลับพบเจอหลายปัญหาในเวลาเดียวกัน ทางด้านอวี้อี่มั่วก็เตือนเธอว่าวันนี้จะไปเยี่ยมคุณย่า ทางด้านซ่งเย่อันนั้นก็นัดเธอทานข้าว เวลาประจวบเหมาะชนกันขนาดนี้ เธอจะต้องทำอย่างไรดี?
เธอไม่มีเวลาที่จะอธิบายให้เสี่ยวหานฟังแล้ว หิ้วกระเป๋าแล้วเดินออกไปข้างนอก "เสี่ยวหาน ฉันค่อยคุยกับเธอวันหลังแล้วกันนะจ้ะ ตอนนี้ไม่ทันแล้ว ฉันไปก่อนนะ"
เสี่ยงหานมีสีหน้าท่าทางที่ดูเหมือนจะเข้าใจทุกอย่าง หัวเราะหึหึก่อนจะพูดว่า "เดทให้สนุกนะจ้ะ!"
หร่วนซือซือวิ่งเหยาะๆมาตลอดทาง ลงลิฟต์มาถึงโถงใหญ่ ภายในใจอดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ซ่งเย้อันมาหาเธอ มักจะรอเธออยู่ที่หน้าประตูใหญ่ ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะอยู่หรือไม่อยู่ ถ้าหากว่าเธอออกไปแล้ว เจอเข้ากับอวี้อี่มั่วและซ่งเย้อันทั้งสองคน ถ้าเป็นแบบนั้นก็น่าอึดอัดแล้ว
ถึงประตูใหญ่หน้าบริษัทแล้ว เธอเริ่มมองซ้ายมองขวาก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีเงาของซ่งเย้อันอยู่ หลังจากนั้นจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะรีบเดินลงบันไดแล้วมุ่งตรงไปยังรถหรูอย่าง Maybach ทันที
นัยน์ตามองไปยังที่ประตูรถก่อน เธอก็หันหลับไปดูทางด้านหลังอีกครั้ง ก่อนจะรีบร้อนเปิดประตูรถแล้วขึ้นไปด้วยความรวดเร็ว
เสียงปิดประตูรถดังขึ้นดัง "ปัง" ตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสมบูรณ์ หร่วนซือซือถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ
อวี้อี่มั่วที่นั่งอยู่ด้านข้างมองเห็นพฤติกรรมของหญิงสาวอยู่ในสายตาตั้งแต่ต้นจนจบ นัยน์ตาที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเข้มขึ้นเป็นเท่าตัว
"เป็นโจรเหรอ?"
"หื้อ?"หร่วนซือซือมึนงงก่อนจะรู้สึกตัว "ไม่…ไม่ใช่นะคะ"
อวี้อี่มั่วหันศีรษะมา นัยน์ตาเย็นชาสบมองจ้องตรงมาที่เธอ แทบจะถามคำถามออกมาในทันทีว่า "แล้วทำไมเธอถึงทำแบบนี้?"
โดนเขาจ้องมองหนักขนาดนี้ แผ่นหลังของหร่วนซือซือชื้นเหงื่อไปหมด เธอกัดฟันก่อนจะเอ่ยอ้ำอึ้งขึ้นว่า "ฉันแค่กลัวว่าจะมีคนอื่นเห็น……"
นอกจากซ่งเย้อันแล้ว หากว่าโดนเพื่อนร่วมงานในบริษัทเห็นว่าเธอขึ้นรถของท่านประธานอวี้ เกรงว่าอาจจะก่อให้เกิดข่าวลือไม่น้อยขึ้นภายในบริษัท
ฟังเธอพูดแล้ว อวี้อี่มั่วมีสีหน้าที่ดูไม่ได้เพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว กดดันจนแทบจะจมน้ำตายอยู่แล้ว
ที่แท้ เธอก็คิดจะมีความสัมพันธ์กับเขาแบบนี้สินะ
ภายในใจหนักอึ้ง อวี้อี่มั่วหันศีรษะกลับไปก่อนจะเริ่มออกรถ เหยียบคันเร่ง
หร่วนซือซือมองสีหน้าเรียบเฉยของชายหนุ่มข้างกาย รู้สึกได้ว่าบรรยากาศภายในรถสามารถทำคนเแข็งขึ้นมาได้ในทันที เธอเม้มปาก ในระหว่างที่ไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรออกมาดีนั้น โทรศัพท์มือถือที่ถืออยู่ในมือกลับดังขึ้นมาในทันที
หร่วนซือซือตกอกตกใจ นิ่งไปพักหนึ่งก่อนที่จะได้สติ มองเห็นการแจ้งเตือนบนหน้าจอโทรศัพท์ หัวใจกลับมาเต้นระรัวอีกครั้ง
เป็นสายเรียกเข้าจากซ่งเย้อัน!
โทรศัพท์มือถือดึงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เกิดความเงียบขึ้นภายในตัวรถทั้งยังรู้สึกประหลาดเล็กๆ หร่วนซือซือสูดหายใจเข้า พึ่งจะตัดสินใจที่จะกดวางโทรศัพท์ แต่เสียงเยือกเย็นจากชายหนุ่มด้านข้างกลับดังลอยขึ้นมาเสียก่อน "ทำไมไม่รับโทรศัพท์ล่ะ?"
หร่วนซือซือมือสั่น อ้ำๆอึ้งก่อนตอบกลับไปว่า "รับ……"
ในตอนนี้ ถ้าเธอไม่รับโทรศัพท์ ก็จะกลายเป็นว่าเธอกำลังมีพฤติกรรมอำพรางปกปิดเหมือนโจร
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เธอกับอวี้อี่มั่วหย่าขาดจากกันแล้ว หากข้างกายจะมีใครอีกสักคนก็คงเป็นเรื่องปกติ
เมื่อคิดได้ดังนี้แล้ว หร่วนซือซือถอนหายใจ หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก่อนที่จะกดรับสาย
"ฮัลโหล?"
น้ำเสียงสดใสราวกับฤดูใบไม้ผลิของฝั่งซ่งเย้อันดังขึ้น "ซือซือ ยุ่งอยู่หรือเปล่าครับ?"
"ไม่…ไม่ค่ะ"
น้ำเสียงจากชายในสายแทบจะดูดีขึ้นเป็นเท่าตัวในทันทีก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า "คุณได้รับข้อความที่ผมส่งให้เมื่อกี้นี้หรือเปล่าครับ?" ไปทานข้าวด้วยกันไหมครับ?"
หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนเอ่ยขึ้นเสียงเบา "วันนี้ตอนกลางคืน…อาจจะไม่ได้ค่ะ คือฉันมีธุระนิดหน่ยน่ะค่ะ"
เมื่อพูดจบ ทางฝั่งนั้นเงียบไปครึ่งวินาที ก่อนจะรีบเอ่ยขึ้นว่า "ไม่เป็นไรครับ เอาไว้วันหลังก็ได้ครับ"
หร่วนซือซือพูดเสียงเบา "งั้นวันนี้ตัองขอโทษด้วยนะคะ"
"ไม่เป็นไรครับ หนทางยังอีกยาวไกล"
เสียงจากอีกฝ่ายที่ดูเต็มเปี่ยมไปด้วยความน่าดึงดูดดังลอยเข้ามาในสาย หร่วนซือซือชะงัก กลับรู้สึกราวกับว่าเขามาพูดที่ข้างๆใบหูของเธอด้วยประโยคนี้จริงๆ ทันใดนั้นเองใบหูก็เกิดอาการร้อนฉ่าขึ้นมาทันที
ลมหายใจถูกสูกเข้าลึกๆ หร่วนซือซืออ้ำๆอึ้งๆพูดอีกสองประโยคก่อนจะรีบตัดสายไป
ในเวลานี้เอง อวี้อี่มั่วที่อยู่ข้างกายก็เอ่ยปากถามขึ้นมาถามเสียงเย็นทันทีเลยว่า "ใคร?"
MANGA DISCUSSION