ดั่งรักบันดาล - ตอนที่ 93
สายตาของอวี้อีมั่วเพ่งเล็งไปยังแผ่นหลังของชายคนนั้น สายตาของเขานั้นมืดมนลงอย่างเห็นได้ชัด เขาเม้มริมฝีปากอย่างไม่พอใจ
ในขณะที่รถค่อยๆเริ่มออกตัว ตู้เยี่ยก็มองเห็นร่างที่คุ้นเคยอยู่อีกด้านหนึ่ง เขาเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัวและมองอวี้อี่มั่วผ่านกระจกหลังและถามอย่างไม่แน่ใจว่า "ประธานอวี้ ต้องการให้หยุดรถหรือไม่"
สีหน้าของอวี้อี่มั่วเย็นชาอย่างเห็นได้ชัด เขาเลี่ยงการจ้องมองและกล่าว "ขับต่อไป"
ทำไมเขาจะต้องจอดรถ? เพื่อผู้หญิงคนนั้นเหรอ?
เมื่อเห็นปฎิกริยาของอวี้อี่มั่วเป็นเช่นนี้ ตู้เยี่ยนั้นแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาเหยียบคันเร่งและเร่งความเร็วให้มากขึ้น
รถขับออกไปอย่างรวดเร็ว มุ่งตรงไปยังเส้นทางที่ไม่ไกลนัก หร่วนซือซือไม่รู้เลยว่าภายในรถคันนั้นเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น
มีเด็กชายวิ่งซุกซนคนหนึ่งกำลังวิ่งมาทางด้านนี้อย่างรวดเร๋ว หร่วนซือซือกำลังลงศีรษะอยู่เธอจึงไม่ทันได้สังเกตุ
ในขณะนั้นเห็นเด็กชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามาและกำลังจะชนเข้ากับหร่วนซือซือ ซ่งเย้อันก็ยื่นมือออกมาและดึงเธอเอาไว้ "ระวัง!"
ในขณะที่โลกหมุนหร่วนซือซือก็ตกอยู่ในอ้อมกอดทันที ทันทีที่เธฮสามารถยืนได้ เสียงชายที่อ่อนโยนก็ดังขึ้นข้างหูของเธอ "โอเคหรือเปล่า?"
ทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้นเธอก็พบกับดวงตาสีดำที่ส่องสว่างคู่นั้น
"ไม่ ไม่เป็นไร"
เธอก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัวและเว้นระยะห่างระหว่างทั้งสอง ไม่รู้เพราะเหตุใด ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกสำนึกผิดและใบหน้าของชายอีกคนก็ฉายแววในความคิดของเธอ
ในเวลานี้เธอนึกถึงอวี้อี่มั่วได้อย่างไรกัน ?
หร่วนซือซือขมวดคิ้วแน่น แทบจะรอไม่ได้ที่จะเปิดกะโหลกของตัวเองออกมาดูว่าที่แท้แล้วมีอะไรอยู่ด้านในกันแน่ ในเวลานี้มีเสียงของซ่งเย้อันดังเข้ามาในหูของเธอ "ซือซือ คุณโอเคหรือเปล่า?"
เธอเงยหน้าขึ้นจ้องมองซ่งเย้อัน เธอส่งยิ้มให้เขาอย่างน่าเขินอาย "ฉัน..ไม่เป็นไร ไปกันเถอะ"
เนื่องจากเวลาพักกลางวันที่มีจำกัด ทั้งสองคนจึงทานอาหารง่ายๆและร้านใกล้ๆบริษัท เมื่อใกล้เข้างานในช่วงบ่าย ซ่งเย้อันผู้มีความเป็นสุภาพบุรุษก็มาส่งหร่วนซือซือที่ด้านล่างของตึก
ก่อนจะจากไป ซ่งเย้อันยิ้มมุมปากและกล่าวเบาๆ "อาหารมื้อนี้นั้นค่อนข้างเร่งรีบ ไว้วันหลังฉันจะชดเชย"
หร่วนซือซือยิ้มให้กับเขา "ไม่เป็นไร ฉันคิดว่ามันดีมาก"
เวลาที่อยู่กับซ่งเย้อัน อารมณ์ขันและความเอาใจใส่ที่เหมาะสมของเขาทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายมาก
ซ่งเย้อันยิ้มเบาๆและกล่าว "ตอนเย็นให้ผมมารับคุณไหม?"
หร่วนซือซือกล่าวปฏิเสธ "ไม่ต้องหรอก"
ซ่งเย้อันได้ยินดังนั้นเขาก็ไม่บังคับเธอ เขายื่นมือออกมาและลูบศีรษะของเธอพร้อมกับกล่าวเบาๆ "งั้นก็ได้ ไปทำงานเถอะ ผมจะดูคุณเดินขึ้นไปบนตึก"
หัวใจของหร่วนซือซือจมลงและเธอรู้สึกถึงความรู้สึกแปลกๆจากก้นบึ้งของหัวใจ ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนปฏิบัติกับเธอเช่นนี้มาก่อน ความนุ่มนวลของหัวใจของฉันดูเหมือนจะสัมผัสได้ เหมือนกับว่าก้อนหินก้อนหนึ่งถูกโยนลงในทะเลสาบและน้ำค่อยๆกระเพื่อม
เธอเงยหน้าขึ้นมองชายตรงหน้า หร่วนซือซือโค้งงอริมฝีปากและส่งยิ้มให้กับเขา "ได้สิ วันหลังไว้เจอกัน"
เธอหันหลังและเดินเข้าไปในล็อบบี้ของบริษัท เธอยังเดินไม่ไปถึงไหนด้านหลังของเธอก็เสียงมีเท้าตามมา
"ซือซือ!"
หร่วนซือซือหันศีรษะและเห็นเสี่ยวหานกำลังวิ่งเข้ามาด้วยรอยยิ้มและกระพริบตาให้กับเธอ
เสี่ยวหานกระแทกไหล่เธอเบาๆ "ชายสุดหล่อเมื่อกี้นั้นใคร?"
หร่วนซือซือรู้สึกประหม่าเล็กน้อยด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง "แค่..เพื่อนคนหนึ่ง"
"ใช่เหรอ?" เสี่ยวหานทำท่าทีซุบซิบและยิ้มให้กับเธอ "ฉันก็คิดว่าแฟนเธอเสียอีก ก็คือหล่อมาก!"
แก้มของหร่วนซือซือร้อนขึ้นเล็กน้อยและรีบพูดอย่างรวดเร็วว่า "เธออย่าพูดไร้สาระ!"
ทั้งสองคุยกันและหัวเราะ เมื่อถึงแผนกทำงาน หร่วนซือซือยังไม่ได้เข้าไปในห้องทำงาน เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเตือนเธอว่า "ผู้ช่วยหร่วน เมื่อกี้โทรศัพท์บนโต๊ะคุณดัง"
"โอเค ขอบคุณมาก"
หร่วนซือซือตอบรับและรีบเข้าไปในห้องทำงาน เมื่อมองไปยังโทรศัพท์ ก็พบว่าเป็นสายจากคนในบริษัท เธอเหลือบมองไปที่หมายเลขลงท้ายที่คุ้นเคย นั่นเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของประธาน
โดยไม่พูดอะไร เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันทีและโทรกลับไป "ฮัลโหล? หร่วนซือซือ แผนกธุรการ"
เสียงอันอ่อนโยนของอันหร่านดังมาจากปลายสาย "ผู้ช่วยหร่วน รบกวนคุณช่วยส่งบันทึกการประชุมในช่วงเช้ามาให้หน่อย ประธานอวี้กำลังรออยู่"
หร่วนซือซือรีบตอบกลับ "ได้ ฉันจะส่งให้"
หลังจากวางสายโทรศัพท์แล้ว เธอจ้องมองบันทึกการประชุมที่ยังไม่ถูกจัดเรียง เธอกระวนกระวายอยู่ชั่วครู่
โดยปกติแล้วไม่จำเป็นต้องกังวลหรือรีบร้อนอะไรกับบันทึกการประชุมเลย ทำไมอวี้อี่มั่วถึงได้รีบร้อนให้เธอส่งนัก?
ไม่มีเวลาให้คิดมากนัก หร่วนซือซือรีบทำงานทันทีและหลังจากจัดระเบียบอย่างเร่งรีบแล้ว เธอไม่อยากให้งานล่าช้าจนเกินไป เธอจึงลุกขึ้นและเดินไปยังห้องประธานในทันที
เมื่อเดินไปถึงหน้าประตู หร่วนซือซือก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เธอยกมือขึ้นและเคาะประตู เมื่อได้ยินเสียงจากด้านในเธอจึงผลักประตูเข้าไป
เมื่อเห็นว่าอวี้อี่มั่วกำลังดูเอกสารอยู่ หร่วนซือซือจึงก้าวไปด้านหน้าและยื่นเอกสารการประชุมให้กับเขาด้วยท่าทางที่เป็นทางการ "ประธานอวี้ นี่คือบันทึกการประชุมที่คุณต้องการ"
เธอวางบันทึกการประชุมไว้ที่มุมโต๊ะ แต่ชายที่ก้มหน้าลงและพลิกดูเอกสารไม่มีท่าทีตอบสนองเลย หร่วนซือซือยืนอยู่หน้าโต๊ะ เธอไม่กล้าออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาตดังนั้นเธอจึงรอ
ในที่สุด ชายคนนั้นยื่นมือออกมาจากนั้นก็วางลงและเซ็นชื่อลงในช่องลายเซ็นต์ท้ายเอกสาร จากนั้นค่อยๆวางปากกาลงและเงยหน้าขึ้นจ้องมองเธอ
ดวงตาของเขาเย็นชาและลึกล้ำทำให้ผู้คนไม่สามารถเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ความกล้าที่จะสบสายตามองเขาก็ยังไม่เพียงพอ
หร่วนซือซือสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ลดสายตาลงและพูดเบาๆว่า "นี่คือบันทึกการประชุม"
อวี้อี่มั่วหยิบบันทึกการประชุมขึ้น เขาพลิกกระดาษไปมาพร้อมกับขมวดคิ้ว "นี่คือบันทึกการประชุมที่คุณทำเหรอ?"
หร่วนซือซือสูดลมหายใจเข้า เงยหน้าจ้องมองเขา "มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?"
อวี้อี่มั่ววางบันทึกลง ใบหน้าของเขามืดมน ในขณะที่เขากำลังจะพูด สายตาก็เหลือบไปมองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า ทันใดนั้นการจ้องมองของเขาก็หยุดลงที่เข่าของเธอ
เงาเยือกเย็นในดวงตาของเขานั้นไม่เด่นชัด อวี้อี่มั่วเงยหน้าขึ้น จ้องมองหร่วนซือซือและกล่าวว่า "มีปัญหาเยอะมาก คุณอยากฟังอันไหนก่อน?"
หร่วนซือซือผงะไปชั่วขณะ เธอไม่เข้าใจในความหมายของเขา "อะไรนะ?"
อวี้อี่มั่วไม่ได้พูดอะไร เขาลุกขึ้น ก้าวเท้ามาทางด้านเธอและตรงเข้าหาเธอ
ทันใดนั้นระยะห่างระหว่างคนทั้งสองก็ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น ภายในใจหร่วนซือซือนั้นแทบอ่อนแรง เธอไม่กล้าก้าวถอยหนีและไม่กล้าเผชิญสายตากับเขา เธอจึงเพ่งมองไปยังลำคอของชายตรงหน้าจากนั้นก็กลืนน้ำลายอย่างประหม่า
ชายคนนั้นส่งเสียงถามขึ้นเหนือศีรษะของเธอ "คำถามแรก เรื่องบาดเจ็บที่เข่าทำไมไม่จัดการ?"
เมื่อได้ยินคำถามของเขา หร่วนซือซือก็รู้สึกประหลาดใจ เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับชายคนนั้นที่จ้องมองมาอย่างลึกซึ้งและไม่รู้ว่าควรจะตอบว่าอย่างไร "ฉัน…"
อาการบาดเจ็บที่ขาของเธอคือรอยช้ำจากการหกล้มระหว่างการประชุมวันนี้ มีรอยแดงและรอยฟกช้ำที่หัวเข่า แต่มันไม่ได้เป็นรอยถลอกซึ่งไม่ร้ายแรงและเธอเองก็ยุ่งจนไม่มีเวลาจัดการกับรอยช้ำนี้
เมื่อมองไปยังดวงตาที่ส่องสว่างของหญิงสาว ภายในสมองของอวี้อี่มั่วก็ฉายภาพในช่วงเที่ยงที่เธออยู่กับชายคนอื่นที่หน้าบริษัท ฉากเดินเคียงข้างกันนั้นก็เพิ่มความหงุดหงิดให้กับเขา
เขายื่นมือออกมา เขาคว้าข้อมือของเธอแล้วดึงเธอไปยังโซฟาด้านข้าง
"ทำ…ทำอะไร?" หร่วนซือซือตื่นตระหนกในทันใด
นี่มันห้องทำงาน ถ้าเขาจะทำอะไรกับเธอขึ้นมาจริงๆแล้วคนอื่นเห็นจะทำอย่างไร!
เธอพยายามที่จะดิ้นรนออกจากเขา แต่ความแตกต่างระหว่างแรงของชายและหญิงนั้นก็แตกต่างกันมากเสียเหลือเกิน เธอถูกเขาดึงไปที่โซฟา เขากดไหล่ของเธอให้เธอนั่งลง
"อย่าขยับ"
คำง่ายๆสองคำนี้มีพลังกำลังยับยั้งที่ไม่สามารถมองเห็นได้ ร่างกายของหร่วนซือซือนั้นแข็งทื่อและไม่กล้าที่จะขยับ
อวี้อี่มั่วนั่งลงข้างกายของเธอ เขาเอื้อมมือจับข้อเท้าของเธอและยกขาของเธอขึ้น
ร่างกายของหร่วนซือซือนั้นชาขึ้นในทันที "คุณ..คุณจะทำอะไร!"