ดั่งรักบันดาล - ตอนที่ 92
หร่วนซือซือหันหน้าหนีในทันที หลีกหนีช่วงเวลาที่เขามองมา แต่ภายในใจของเธอนั้นกลับไม่สงบเลย
หรือว่าที่เธอแอบมองเขา เขาจับได้งั้นหรือ?
เธอเม้มริมฝีปาก บังคับให้ตัวเองมีสมาธิและจดจ่อกับการจดบันทึกการประชุมต่อไป
อวี้อี่มั่วสังเกตเห็นความตื่นตระหนกบนใบหน้าของหญิงสาว ในที่สุดการจ้องมองของเขาก็มองเห็นถึงใบหูที่แดงระเรื่อของเธอ จากนั้นเพียงไม่กี่วินาทีมุมปากของเขาก็ค่อยๆปรากฎรอยยิ้มเบาๆ
ในที่สุด การประชุมก็เสร็จสิ้นลงไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งสองฝ่ายต่างก็แฮปปี้ การเจรจาสิ้นสุดลงก็เกือบจะเป็นเวลารับประทานอาหารแล้ว ตัวแทนของทั้งสองฝ่ายก็ได้ไปรับประทานอาหารด้วยกัน
รอทุกคนออกไปจากห้อง หร่วนซือซือก็พบว่าพวกเลขาก็ออกมาจากห้องประชุมพร้อมกัน เธอมองดูผู้คนต่างจากไป เธอแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
เมื่อครู่ตอนอยู่ในห้องประชุมนั้นมันช่างน่ากลัวมากแต่ในที่สุดก็ผ่านมันมาได้ โชคดีที่ไม่มีอะไรผิดพลาด
หลังจากที่เดินไปไม่กี่ก้าว หร่วนซือซือก็พบว่าเมิ่งจื่อหันอยู่ไม่ไกลจากด้านหน้าของเธอ ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงเรื่องที่เธอล้มลงในห้องประชุม
ในเวลานั้นแม้เธอจะรีบร้อน ก้าวเดินไม่ระวัง แต่เมื่อเธอยืนขึ้นและก้มหยิบเอกสาร เธอก็พบว่าบนพื้นนั้นไม่ได้มีอะไรกีดขวางทางเธอเลย และเธอยังจำได้อีกว่าในเวลานั้นที่เธอกอดเอกสารเข้ามานั้นเมิ่งจื่อหันยืนอยู่ตรงมุมด้านข้างของเธอ
หากว่าในเวลานั้น เมิ่งจื่อหันใช้โอกาสในช่วงเวลาที่ทุกคนยังไม่ได้นั่งประจำที่แอบดักขาเธอ นี่ก็มีโอกาสเป็นไปได้สูง
เพราะในเวลานั้นมีเธอเพียงคนเดียวที่อยู่ข้างเธอในเวลานั้น
หร่วนซือซือสูดลมหายใจเข้าและเรียกเธอ "ผู้ช่วยเมิ่ง เดี๋ยวก่อน"
เมื่อเมิ่งจื่อหันได้ยินเธอก็หยุดนิ่งและหันหน้ามาพร้อมกับกล่าวอย่างเย็นชา "มีเรื่องอะไร?"
สีหน้าของหร่วนซือซือก็เย็นชาขึ้น เธอเดินก้าวไปด้านหน้าและกล่าวว่า "ถ้าหากว่าฉันจำไม่ผิด เมื่อกี้ตอนที่ฉันล้มลง เธออยู่ข้างๆฉัน…"
เธอยังพูดไม่ทันจบ เมิ่งจื่อหันก็พูดขัดบทเธอ "เธอคิดว่าเป็นฉันที่ดักขาเธองั้นเหรอ? ผู้ช่วยหร่วน คุณอย่ามาใส่ความคนอื่น"
เมื่อได้ยินเธอพูดเช่นนี้ สีหน้าของหร่วนซือซือก็เย็นชาขึ้นอีก "ฉันยังไม่ทันพูดอะไรเลย ฉันแค่อยากจะถามคุณว่าทำไมตอนนั้นคุณถึงไม่ช่วยฉันเลย คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะพูดแบบนี้ หรือที่จริงแล้วคุณดักขาฉันจริงๆ?"
เมื่อกล่าวเช่นนี้ สีหน้าของเมิ่งจื่อหันก็ซีดขึ้นในทันที เธอกล่าวเสียงดัง "เธออย่ามาพูดจามั่วๆ!"
หร่วนซือซือกล่าวทีละคำ "ฉันพูดมั่วๆหรือเปล่าภายในใจของผู้ช่วยเมิ่งรู้ดี เรื่องในครั้งนี้ก็แล้วกันไป ครั้งหน้าหากเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก ฉันจะไม่ปล่อยไปง่ายๆแน่"
ก่อนหน้านี้เธอมักจะอดทนเสมอและคิดเสมอว่ามีเรื่องน้อยก็จะทำให้ทุกข์ใจน้อยลง แต่ตอนนี้ดูแล้วบางครั้งความอ่อนแอก็ไม่เพียงแต่จะไม่คืนความเห็นใจกลับมา แต่อีกฝ่ายก็ยิ่งได้ใจมากยิ่งขึ้นอีกด้วย หัวใจที่หลงทางของเธอก็ยิ่งแข็งกระด้างมากยิ่งขึ้น
โดยไม่รอให้เมิ่งจื่อหันกล่าวอะไร หร่วนซือซือก็ก้าวเท้าและเดินออกจากตรงนั้นในทันที
จ้องมองแผ่นหลังของเธอค่อยๆจากไป ในสายตาของเมิ่งจื่อหันก็เผยให้เห็นถึงความเย็นชาที่มากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อกี้นั้นเรื่องที่ดักขาก็คือเธอทำจริงๆ เธออยากให้หร่วนซือซืออับอายต่อหน้าคนอื่น คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากพักไปเพียงช่วงเวลาหนึ่ง หร่วนซือซือก็ยังคงอดทนและมั่นใจในตัวเองมากกว่าเมื่อก่อน!
เมิ่งจื่อหันยิ่งขุ่นเคืองมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยมองว่าหร่วนซือซือเป็นคู่แข่งของเธอเลย แต่ตอนนี้เธอไม่สามารถปล่อยวางมันได้อีกแล้ว!
ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้นข้างๆเธอ "ผู้ช่วยเมิ่ง คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะมีช่วงเวลาที่ถูกกดดันให้พ่ายแพ้แบบนี้"
เมิ่งจื่อหันหันหน้าไปยังต้นเสียงและพบว่าคนที่เดินมาข้างกายเธอคือเฉิงลู่ สีหน้าของเธอเย็นชา "เลขาเฉิงก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่หรอก"
เรื่องความบาดหมางของเฉิงลู่และหร่วนซือซือเธอเองก็เคยได้ยินมา
เมื่อได้ยินเธอกล่าวดังนั้น เฉิงลู่ไม่เพียงไม่ร้อนรนแต่เธอกลับยิ้มหัวเราะ "ผู้ช่วยเมิ่ง คุณเคยได้ยินประโยคนี้ไหม คนที่มีศัตรูคนเดียวกันก็นับว่าเป็นเพื่อนกัน คุณว่า ตอนนี้พวกเราเป็นเพื่อนกันหรือยัง?"
เป็นเพราะหร่วนซือซือ เธอจึงถูกลงโทษอย่างรุนแรง บัญชีแค้นนี้ ไม่ช้าก็เร็วเธอก็ต้องชำระแค้น ในเมื่อเป็นเช่นนี้หากว่ามีผู้ช่วยเหลือโอกาสที่เธอจะชนะก็ต้องมีมากกว่าไม่ใช่เหรอ?
ท่าทีที่เมิ่งจื่อหันแสดงออกนั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอจ้องมองไปยังเฉิงลู่และจากนั้นไม่นานนักเธอก็กล่าวว่า "แน่นอนว่านับ"
เธอรีบกลับไปยังแผนก หร่วนซือซือรู้สึกว่าในลำคอของเธอนั้นเหมือนเต็มไปด้วยฝุ่นควัน เมื่อเธอกลับมาถึงห้องทำงาน เธอมองเห็นครีมนวดและสเปรย์น้ำแร่วางอยู่บนโต๊ะของเธอ เธอนิ่งงันไปชั่วครู่
สิ่งของเหล่านี้ใครมาวางเอาไว้? ก็เมื่อเช้าตอนเธอมามันยังไม่มีเลย
หร่วนซือซือก้มลงมองเข่าที่บวมแดงของเธอ ภายในใจก็คิดสงสัย
ทันใดนั้นใบหน้าเย็นชาของชายคนนั้นก็ฉายมาในความคิด
หรือว่าอวี้อี่มั่ว?
เป็นได้ไปไง? เขาจะมาห่วงใยอะไรเธอได้ไง?
หร่วนซือซือส่ายหน้าละทิ้งความคิดเหล่านั้น ไม่ว่าใครจะเป็นคนส่งมาให้ ตอนนี้เธอต้องไปดื่มน้ำสักแก้วก่อนถึงจะดี
เมื่อถึงบริเวณที่ชงชาเธอก็หยิบน้ำอุ่นขึ้นมาหนึ่งแก้ว ภายในหนึ่งอึกเธอก็ดื่มน้ำไปแล้วครึ่งแก้ว
เสี่ยวหานเห็นเธอในบริเวณที่ชงชาก็รีบตรงเข้ามาในทันที
"ซือซือ ได้ยินมาว่าเธอไปรับแขกต่างชาติเหรอ?"
หร่วนซือซือหยักหน้าและกล่าวเบาๆ "อืม ก็แค่จัดของนั่นนี่ เหนื่อยมากเลยล่ะ"
เสี่ยวหานกระพริบตาและทำท่าทางซุบซิบ "งั้นเหรอ? ฉันล่ะอยากจะรู้ว่าตัวแทนของฝรั่งเศสหล่อหรือเปล่า? เทียบกับประธานอวี้เราแล้วเป็นไง?"
หร่วนซือซืออดไม่ได้ที่จะยิ้มและกล่าว "ถ้าเธออยากเห็น ตอนนี้เธอก็ลองวิ่งไปตรงประตู เผื่อบางทีอาจจะได้พบเห็นความงดงามเหล่านั้น"
"ช่างเถอะ ช่างมัน ฉันขี้เกียจจะไป" เสี่ยวหานเบ้ปาก ทันใดนั้นเหมือนกับว่าเธอนึกบางอย่างขึ้นได้เธอจึงกล่าว "ใช่แล้ว เมื่อกี้ฉันเห็นผู้ช่วยตู้ ผู็ช่วยของประธานอวี้เข้ามาแล้วก็เข้าไปห้องทำงานของเธอ เข้าไปไม่นานก็ออกมา"
ตู้เยี่ย? เขามาทำอะไร?
หลังจากคิดอยู่ชั่วครู่ หร่วนซือซือก็นึกถึงยาที่วางอยู่บนโต๊ะ ทันใดนั้นเธอก็ได้สติในทันที
หรือว่าอวี้อี่มั่วจะสั่งเขามา?
แต่ทำไมจู่ๆเขาห่วงใยเธอ?
ไม่รอให้หร่วนซือซือได้คิดอะไร เสี่ยวหายก็เห็นว่าเมิ่งจื่อหันกลับมา สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว "หยุดคุยก่อน ไม่งั้นคุณเมิ่งได้มาดุด่าฉันอีก"
เธอพูดพลางวิ่งกลับไปยังโต๊ะทำงานของเธอ
หร่วนซือซือมองไปยังเมิ่งจื่อหัน เธอถือแก้วน้ำและกลับไปยังห้องทำงานของเธอ
เมื่อนั่งลง ยังนั่งไม่ทันถึงเสี้ยววินาที โทรศัพท์ของเธอก็มีแจ้งเตือนดังขึ้น เธอได้รับข้อความ
เมื่อเธอเปิดข้อความก็พบว่าเป็นข้อความจากซ่งเย้อัน
"ในช่วงเที่ยงมาทำธุระตรงใจกลางเมือง ใกล้ๆกับบริษัทของคุณ มากินข้าวด้วยกันหน่อยไหม?"
หลังจากที่เธอได้พบกับซ่งเย้อันเมื่อวานนี้ ทั้งสองก็ได้แลกเปลี่ยนช่องทางการติดต่อกันไว้ เพิ่มวีแชทกัน เมื่อเธอถึงบ้านก็ได้รับข้อความจากเขา พอตกค่ำก็ได้รับความข้อราตรีสวัสดิ์ พอเช้าตรู่ก็เป็นข้อความเตือนให้เธอทานข้าว ข้อความนั้นไม่มากมายนัก แต่ก็เป็นข้อความดีๆ ทำให้ผู้คนได้ที่รับรู้สึกเต็มไปด้วยความอบอุ่น
หร่วนซือซือเหลือบมองเวลา อีก5นาทีก็เป็นเวลาเลิกงาน เธอคิดอยู่ชั่วครู่จากนั้นก็ตอบตกลงและส่งข้อความกลับไปยังซ่งเย้อัน
"ตกลง"
อีกฝ่ายตอบกลับมาภายในไม่กี่วินาที "ได้เลย ผมจะรอคุณอยู่ตรงด้านล่างของบริษัทคุณ เดี๋ยวเจอกัน"
เขาอยู่ด้านล่างของบริษัทแล้วหรือ?
หร่วนซือซือตกใจและรีบเก็บข้าวของในทันที เมื่อถึงเวลาเลิกงาน เธอก็ตรงไปยังลิฟต์ทันที
เธอและซ่งเย้อันเพิ่งรู้จักกัน ถ้าหากว่าเพื่อนร่วมงานมาเห็นเข้าก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกซุบซิบ เธอจึงรีบออกมาอย่างรวดเร็วเพื่อหลีกเลี่ยงความน่าอึดอัดนั้น
เมื่อลิฟท์มาถึงชั้นหนึ่งเธอก็วิ่งเบาๆออกไปจากล็อบบี้ เมื่อออกมายังประตูก็เห็นร่างสูงโปร่งยืนอยู่ไม่ไกล
เมื่อซ่งเย้อันมองเห็นเธอ เขาก็ยิ้มมุมปากและโบกมือให้กับเธอ เขานุ่มนวลอย่างเช่นเคย
หร่วนซือซือยิ้มให้กับเขาและเดินก้าวไปด้านหน้า
อีกด้านหนึ่ง ภายในรถ Maybach สีดำ อวี้อี่มั่วกำลังนั่งปัดแท็ปเล็ต
เขากล่าวเบาๆ "เอายาไปให้หรือยัง?"
"เอาไปแล้วเรียบร้อยครับ"
"อืม ไปกัน" เขาพูดพลางวางแท็ปเล็ตลง เขาเงยหน้าขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อเขามองออกไปนอกหน้าต่าง ทันใดนั้นสายตาของเขาก็จ้องมอง สีหน้าของเขาก็ค่อยๆมืดมนลงในทันที
หร่วนซือซือ อยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง!