ดั่งรักบันดาล - ตอนที่ 9
อวี้อี่มั่ว
ผู้ชายที่จู่ๆ ก็ปรากฏกายขึ้น แท้จริงแล้วก็คืออวี้อี่มั่ว
หร่วนซือซือนึกว่าตัวเองจะต้องได้รับฝ่ามือที่มีแรงมหาศาลของฉินเสียนหลี่ไปเสียแล้ว ใครจะไปรู้ว่าจู่ๆ อวี้อี่มั่วจะโผล่มาช่วยชีวิตเธอเอาไว้ได้ทันอย่างทันท่วงที
ภาพที่ปรากฏคืออวี้อี่มั่วที่กำข้อมือของฉินเสียนหลี่อย่างไม่ต้องใช้แรงพยายามใดๆ เลยไม่แต่น้อย แต่ฉินเสียนหลี่กลับดูทรมานเจ็บปวดถึงขีดสุด ปากก็ครวญครางเอ่ยขอให้ปล่อยมืออย่างไม่หยุด
“แกเป็นใคร ปล่อยมือผัวฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ” หยางเย่ที่อยู่ข้างๆ เห็นเหตุการณ์ผลิกผัน ก็รีบเดินขึ้นหน้ามาหาทันที
อวี้อี่มั่วเห็นหยางเย่เดินเข้ามาหา ราวกับว่าจะหลบเชื้อโรคอย่างไรอย่างนั้น รีบปล่อยมือของฉินเสียนหลี่ออกทันที จากนั้นก็ไปคว้าดึงหร่วนซือซือมาอยู่ที่ข้างกายตนเอง
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในชั่วอึดใจเดียว
เขาเอนหัวเล็กน้อยแล้วเอ่ยถามหร่วนซือซือ “บาดเจ็บตรงไหนไหม”
แม้ว่าน้ำเสียงจะยังคงเย็นเรียบเช่นเดิม แต่กลับทำให้ใจของมู่นวลนวลอบอุ่นขึ้นได้อย่างไรก็ไม่รู้
สบตาเข้ากับสายตาอันนิ่งครึมของอวี้อี่มั่ว หร่วนซือซือก็ส่ายหัว
เมื่อได้เห็นว่าจู่ๆ ก็มีคนมาช่วยหร่วนซือซือ ซ้ำยังเป็นผู้ชายที่ดูสง่างามและเฉียบแหลมแบบนี้
อารมณ์กรุ่นโกรธภายในใจของหยางเย่ก็ไม่อาจที่จะมอดลงไปได้ เธอตะคอกเข้าใส่อวี้อี่มั่ว “แกเป็นใคร คิดจะแส่เข้ามายุ่งเรื่องของคนอื่นเหรอ”
ทว่าขณะที่สิ้นเสียงคำพูดของหยางเย่ลง ตอนนั้นเองที่ฉินเสียนหลี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็สังเกตเห็นใบหน้าของอวี้อี่มั่ว สีหน้าเขาเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก พูดอย่างตื่นตระหนกและหวาดกลัวว่า “อวี้ ประธานอวี้! ”
ประธานอวี้?
หยางเย่หันหน้าไปดูฉินเสียนหลี่หนึ่งที
แม้ว่าเธอจะไม่เคยเจอประธานอวี้มาก่อน แต่ว่าคนที่ถูกเรียกว่าประธานอวี้ในเมืองเจียงโจวนี้ มีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ซ้ำแล้วผู้ชายที่มีหน้าตาลักษณะที่โดดเด่นออกมาจากฝูงชนเช่นนี้ ก็มีเพียงแค่คนคนนั้นแล้ว
“คุณคืออวี้อี่มั่ว! ” หยางเย่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
ผู้ชายคนที่มาช่วยหร่วนซือซือ ที่แท้ก็คือผู้มีอำนาจคับฟ้าแห่งเมืองเจียงโจว อวี้อี่มั่ว
“ไสหัวไป” อวี้อี่มั่วปรายตามองหยางเย่ ปากบางๆ ของเขาเผยอเพียงเล็กน้อย พูดออกมาคำไม่กี่คำนี้
เสียงไม่ดังไม่เบา แต่กลับทำให้ฉินเสียนหลี่เหงื่อท่วมไปทั่วทั้งกาย
ใครจะทราบได้ว่าหยางเย่จะไม่กลัวตาย เธอพูดขึ้นว่า “นายมีปัญญาอะไรมาสั่งให้พวกเราให้ไสหัวไป ที่นี่เป็นห้างของตระกูลฉัน”
คำพูดนั้นต้องการที่จะสื่อให้อวี้อี่มั่วไสหัวจากไปแทน
แต่เธอยังไม่ทันได้เอ่ยจนจบ รอบกายของอวี้อี่มั่วก็มีบรรยากาศหนาวยะเยือกแผ่ออกมา ฉับพลันนั้นก็มีแรงกดดันปกคลุมไปทั่ว ทำให้คนกลั้นหายใจไปชั่วขณะ
เพียงได้เห็นเขาที่มีสายตาเย็นชากวาดตามอง แม้ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาก็แผ่ความโกรธขึ้งไปทั่ว
“นับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป ห้างนี้จะเป็นธุรกิจที่อยู่ภายใต้การควบคุมของอวี้กรุ๊ป” น้ำเสียงของอวี้อี่มั่วนั้นราบเรียบเป็นอย่างมาก แต่สายตาเขากลับสยบให้คนไม่กล้าต่อกรด้วย
หยางเย่ตกใจกับสายตาของเขา ตั่วสั่นเทิ้มด้วยความกลัวอย่างควบคุมไม่ได้ แต่ปากก็จะกัดเขาไม่ปล่อยจึงพูดต่อขึ้นว่า
“คุณมีปัญญา……”
“ขออภัยด้วยครับท่านประธานอวี้ พวกเราจะไสหัวไปแล้ว ไสหัวไปเดี๋ยวนี้เลยครับ”
ฉินเสียนหลี่รับรู้ได้ถึงสถานการณ์ที่ไม่สู้ดี รีบเอ่ยตัดบทหยางเย่ทันที ก่อนจะก้มหัวลงขอโทษอวี้อี่มั่ว แล้วจึงรีบดึงหยางเย่จากไปทันที
หยางเย่รู้สึกรับไม่ได้ แต่เมื่อดูตามกำลังแล้วเธอจะไปต่อกรกับฉินเสียนหลี่ได้อย่างไรกัน จึงทำได้เพียงตามฉินเสียนหลี่ไปอย่างช่วยไม่ได้ เดินจากไปอย่างซวนเซ
เหตุการณ์ทะเลาะเบาะแว้งหนึ่งฉาก ก็จบลงด้วยประการฉะนี้
แต่คนที่มุงดูอยู่รอบๆ นั้นก็มีอยู่ไม่น้อย หลังจากที่เห็นอวี้อี่มั่ว ก็อดไม่ได้ที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดถ่ายภาพ ขณะนั้นนั่นเองตู้เยี่ยก็เดินปรี่เข้ามา
“จัดการให้เรียบร้อยซะ” อวี้อี่มั่วออกคำสั่ง
“ครับ”
หร่วนซือซือยืนนิ่งค้างแข็งอยู่ข้างๆ เธอพึ่งจะเคยเห็นคนที่มีพลังอำนาจยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ เพียงแค่เอ่ยวาจาโต้กันก็ชนะแล้ว
“”คุณหญิง คุณหญิง ไปได้แล้วครับ”
ตู้เยี่ยที่อยู่ข้างๆ เอ่ยเตือนสติเธอเบาๆ
หร่วนซือซือได้สติกลับมาก็เงยหน้าขึ้นมอง คนที่มุงอยู่รอบๆ นั้นหายไปหมดแล้ว
และอวี้อี่มั่วเองก็ได้ย่างเท้าเดินไปแล้ว เธอไม่มีเวลามาครุ่นคิดต่อจึงรีบเดินตามไปทันที