ดั่งรักบันดาล - ตอนที่ 89
เมื่อเห็นว่าผ่านไปนานแล้วเธอยังไม่ตอบอะไร คุณนายหลิวจึงเงยหน้ามองเธอ "ได้ยินหรือเปล่า?"
หร่วนซือซือสูดลมหายใจเข้าและกล่าวเบาๆ "แม่ ฉันคิดว่ารู้สึกอย่างไรก็ต้องพูดอย่างนั้น หากฉันกำลังปิดบังคนอื่น บางทีคนอื่นก็อาจมีอะไรปิดบังฉัน ต่างคนต่างปิดบังกันไปมา สุดท้ายมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี"
เมื่อคุณนายหลิวได้ยินเช่นนั้นเธอก็ถอนหายใจ "ที่ฉันทำก็เพราะฉันกลัวแกจะถูกรังแก!"
การแต่งงานที่รวดเร็วดั่งสายฟ้าฟาดเพิ่งผ่านไปไม่นาน และกำลังจะมีในครั้งที่สอง
หร่วนซือซือโค้งงอริมฝีปากและส่งยิ้มให้เธอ "แม่ สบายใจได้ ฉันไม่เป็นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว"
เธอจะไม่มีทางโง่เง่าเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว เธอจะไม่ยอมถูกใช้งานอีกต่อไป
"เฮ้อ เอาเถอะ ช่างเถอะ ใกล้จะถึงเวลาแล้ว แกควรไปได้แล้ว"
คุณนายหลิวไม่อยากจะรื้อฟื้นอดีตมากนัก เธอหยิบกระเป๋าและส่งให้กับเธอ
หร่วนซือซือเหลือบสายตามองเวลาจากนั้นเธอยิ้มมุมปากและเดินออกจากประตูบ้าน
เมื่อมองที่อยู่ในโทรศัพท์ เธอจึงเรียกแท็กซี่และตรงไปยังร้านกาแฟที่ได้นัดหมายกันไว้ ร้านกาแฟหลานชาน
เมื่อเดินเข้าไปยังประตูร้าน ไม่รู้เพราะอะไรจู่ๆในความคิดของหร่วนซือซือก็ปรากฎใบหน้าของอวี้อี่มั่วขึ้น ราวกับว่าเวลาจะย้อนไปในช่วงที่เธอและอวี้อี่มั่วนั้นได้พบกัน
เป็นไปได้ไหมที่ทะเบียนสมรสระหว่างอวี้อี่มั่วนั้นจะทิ้งรอยความรู้สึกไว้กับเธอ?
รอยยิ้มขมขื่นปรากฎขึ้นที่มุมริมฝีปากของหร่วนซือซือ เธอส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ เธอปรับอารมณ์ตัวเองก่อนที่จะเดินเข้าไปภายในร้านกาแฟ
ภายในร้านกาแฟนั้นบรรยากาศดีเลยทีเดียว ที่นั่งสีฟ้าเข้ากันกับโต๊ะไม้สีน้ำตาล เธอเงยหน้าขึ้นและมองดูรอบๆร้าน ทุกคนในร้านอยู่กันเป็นกลุ่ม มีเพียงชายคนหนึ่งที่นั่งริมหน้าต่าง ใบหน้าที่หล่อเหลา สายตาที่ดูอ่อนโยน
ราวกับรับรู้ถึงการจ้องมองของเธอ ชายคนนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองเธอ ทันทีที่ทั้งสองสบตากัน ชายคนนั้นก็ส่งยิ้มให้กับเธอ
หรือว่า…เป็นเขา?
หร่วนซือซือไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่ด้วยความสุภาพ เธอยังคงก้าวไปด้านหน้าและส่งยิ้มให้กับเขา "คุณใช่คุณชายซ่งหรือเปล่า?"
ชายคนนั้นลุกขึ้น รอยยิ้มของเขานั้นราวกับจะล้นออกจากดวงตา "คุณหร่วนใช่ไหม?"
หร่วนซือซือพยักหน้าให้กับเขา "ใช่ สวัสดี"
ชายคนนั้นก้าวมาด้านหน้าจากนั้นเขาก็ยื่นมือมาหาเธอ "สวัสดี ผมชื่อซ่งเย้อัน"
เมื่อได้ยินชื่อนี้ หร่วนซือซือก็ตกตะลึงโดยไม่รู้ตัว
ชื่อของเขาค่อนข้างคุ้นเคยราวกับว่าเธอเคยได้ยินมาจากที่ไหนสักแห่ง
หลังจากทั้งสองนั่งลง พวกเขาก็พูดคุยกันเล็กน้อย ในไม่ช้าซ่งเย้อันก็เรียกพนักงานทันทีและให้หร่วนซือซือสั่งเมนู
"ม็อคค่าหนึ่งแก้ว ขอบคุณ"
หร่วนซือซือยิ้ม ภายในใจนั้นรู้สึกดีกับชายตรงหน้าที่มีความสุภาพอ่อนน้อม
ซ่งเย้อันมองหร่วนซือซือ เขาเม้มริมฝีปากและกล่าวเบาๆว่า "คุณหร่วน เหมือนกับว่าพวกเราเคยเจอกันมาก่อน คุณจำได้ไหม?"
หร่วนซือซือผงะไปครู่หนึ่งแล้วเธอก็รีบฟื้นคืนสติ สิ่งที่เขาพูดไม่ใช่แค่บทกวีหรอกใช่ไหม เป็นเพียงการคลายความลำบากใจใช่หรือไม่ถึงได้พูดแบบนั้น?
หร่วนซือซือยิ้มและกล่าว "ฉันคิดว่าชื่อของคุณนั้นค่อนข้างคุ้นหูอยู่ไม่น้อยและฉันมีเพื่อนรักคนหนึ่ง ชื่อของเธอนั้นคล้ายกับคุณมาก"
"งั้นเหรอ?" ซ่งเย้อันเลิกคิ้วขึ้น ดวงตาของเขานั้นสดใส "งั้นลองเล่าให้ฟังหน่อย บางทีผมอาจจะรู้จัก?"
“เธอชื่อซ่งอวิ้นอัน ชื่อพวกคุณต่างกันแค่ตรงกลางเท่านั้น มันบังเอิญมากใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ รอยยิ้มในสายตาของซ่งเย้อันก็ดูลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น สายตาของเขากวาดไปทั่วใบหน้าของหร่วนซือซือ มุมปากของเขาก็ยังคงไม่หยุดยิ้ม
มองท่าทีของเขาแล้ว หร่วนซือซือรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย "ทำไมเหรอ? หรือว่าพวกคุณจะรู้จักกันจริงๆ?"
ซ่งเย้อันยกกาแฟขึ้นมาจิบ เขายิ้มและกล่าว "ถ้าผมบอกว่าเธอคือน้องสาวของผม คุณจะเชื่อไหม?"
“อะไรนะ?” หร่วนซือซือตกใจในตอนแรก หลังจากที่ได้นึกถึงสองชื่อนี้แล้ว ทันใดนั้นเธอก็ได้สติ "เหมือนกับว่าฉันเคยได้ยินอันอันพูดถึงซ่งเย้อัน หรือว่าพวกคุณจะ…"
เธอมองไปที่ชายตรงข้ามด้วยความประหลาดใจและดีใจ มันจะเป็นเรื่องบังเอิญขนาดนี้ได้ยังไง?
เธอเคยได้ยินอันอันพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน เธอบอกว่าเธอมีพี่ชายหนึ่งคนและเคยเอ่ยชื่อเขาอยู่หลายครั้ง แต่เธอนั้นไม่ได้ใส่ใจมากนักและจำไม่ได้ชัดเจน
ซ่งเย้อันกล่าวเบาๆว่า "ที่แท้คุณและอันอันคือเพื่อนรักกัน ไม่แปลกใจที่ผมจะรู้สึกคุ้นเคย อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้ผมเคยเห็นรูปกลุ่มของพวกคุณผ่านทางโทรศัพท์"
หร่วนซือซืออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ "คาดไม่ถึงเลยว่าจะบังเอิญขนาดนี้"
ซ่งเย้อันยิ้มและกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่น่าฟัง "อาจเพราะเราสองคนมีโชคชะตาต้องกัน ผมเพิ่งกลับจากต่างประเทศก็ถูกปู่บังคับให้มานัดบอด คิดไม่ถึงเลยว่าจะมาเจอกับคุณ"
หร่วนซือซือยิ้ม ภายในใจคิดสงสัยว่าหากว่าอันอันรู้เรื่องทั้งหมดนี้จะมีปฎิกิริยาอย่างไร
เพราะความสัมพันธ์ซ่งอวิ้นอันนั้นทำให้ระยะห่างระหว่างทั้งสองดูเหมือนจะใกล้กันมากขึ้น หร่วนซือซือยิ้มให้กับเขาและกล่าว "คุณเรียกฉันว่าซือซือเถอะ เราก็เป็นเพื่อนกัน"
"ได้ คุณก็ต้องเปลี่ยนเหมือนกัน เรียกผมว่าเย้อันก็พอ"
ทั้งสองคนนั้นยิ้มให้กันและบรรยากาศนั้นช่างกลมกลืน
"ซือซือ คาดไม่ถึงเลยว่าคุณจะโดดเด่นขนาดนี้แล้วก็ยังโสดอยู่ เมื่อกี้ที่คุณเข้ามา ผมคิดว่าผมอาจจะจำผิด"
ถูกเขาชม หร่วนซือซือเองก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย "คุณเองก็โดดเด่นเหมือนกัน อาจเป็นเพราะโชคชะตา"
ทั้งสองมองตากันและกันพร้อมกับส่งยิ้มให้กัน
"ใช่แล้ว อีกไม่กี่วันอันอันก็จะกลับมาเจียงโจวแล้ว เรื่องนี้คุณรู้หรือเปล่า?"
หร่วนซือซือส่ายหน้า "เธอบอกกับฉันแค่ว่าเธอกำลังจะกลับมา แต่ไม่ได้บอกวันเวลาที่ชัดเจน"
ครั้งล่าสุดที่ซ่งอวิ้นอันโทรมาเธอบอกเธออาจจะหาเวลากลับมาแต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะเป็นช่วงเวลาไหน
ซ่งเย้อันส่ายหน้า รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา "เด็กคนนั้น แสบนัก ผมว่าไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากบอกคุณ เพียงแค่อยากจะเซอร์ไพรส์คุณเท่านั้น"
หร่วนซือซือยิ้ม นึกถึงนิสัยซ่งอวิ้นอันเพื่อนเก่าของเธอนั้นช่างเหมาะสมจริงๆกับคำว่า แสบ
"ฉันเองก็คาดไม่ถึงเลยว่าเธอนั้นจะมีพี่ชายที่มีนิสัยบุคลิกนิ่งๆและอ่อนโยนแบบนี้"
ทั้งสองคุยกันและหัวเราะให้กัน ทันทีที่พูดคุยถึงซ่งอวิ้นอัน บทสนทนาก็เริ่มเปิดขึ้น มีหัวข้อสนทนาทั่วไปมากมายโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าสุดท้ายแล้วเธอจะลืมจุดประสงค์ของการมาในครั้งนี้ไป แต่การออกเดทที่ยาวนานกว่าหนึ่งชั่วโมงนี้ก็มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย
หลังจากรับประทานอาหารร่วมกันแล้ว ซ่งเย้อันก็ได้ไปส่งหร่วนซือซือที่หน้าหมู่บ้าน ก่อนจากไปเขาก็ได้นัดหมายในการเจอครั้งถัดไป "ซือซือ รอให้อันอันกลับมา พวกเราสามคนไปทานข้าวด้วยกันไหม?"
หร่วนซือซือนั้นอารมณ์ดีไม่น้อย เธอพยักหน้าตอบรับ "ได้สิ รอให้ถึงเวลาแล้วคุณก็จัดการได้เลย"
ซ่งเย้อันยิ้มและมองเธอเดินไป "ได้เลย งั้นไว้เจอกัน"
ในขณะเดินเข้าไปในหมู่บ้าน หร่วนซือซือรู้สึกเหมือนได้ผ่อนคลาย ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเป็นเพราะการหย่าร้างทำให้ในทุกๆวันของเธอนั้นหม่นหมองและน่าเบื่อ ไม่มีแล้วความเฮฮาอีกครึ่งหนึ่ง แม้ว่าเหตุผลในการตกลงในการนัดบอดกับคุณนายหลิวในครั้งนี้เป็นเพียงเพื่อฆ่าเวลา แต่ไม่คาดคิดเลยว่าเจอพบกันในครั้งนี้จะน่าสนใจมากกว่าที่เธอคิดเอาไว้
อารมณ์ที่ขุ่นมัวนั้นก็เริ่มพบกับแสงแดด เธอรีบเดินกลับบ้านอย่างรวดเร็ว เดินไปได้ไม่ไกลนัก โทรศัพท์ในกระเป๋าของเธอก็ได้ดังขึ้น
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู มองหน้าจอโทรศัพท์ 'ผู้จัดการหลาน' เธอก็รู้สึกประหม่าอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว
เธอหายใจเข้าลึกๆจากนั้นก็พยายามสงบสติอารมณ์และกดปุ่มรับสาย "ฮัลโหล คุณหลาน"
ตั้งแต่การหย่าร้างเธอ ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลและกลับบ้านเพื่อพักฟื้น ตลอดเวลานั้นเธอก็ไม่ได้ไปบริษัทเลย ครั้งล่าสุดที่โรงพยาบาลอวี้อี่มั่วได้ลางานให้กับเธอเพื่อที่เธอจะได้พักผ่อน
ไม่รู้ว่าคุณหลานโทรหาเธอเพราะอะไร?
"ซือซือ เธอวางแผนไว้ว่าจะกลับมาทำงานที่บริษัทเมื่อไหร่?"