ดั่งรักบันดาล - ตอนที่ 86
เห็นลูกสาวตนเองที่ทำสีหน้ามุ่งมั่น คุณนายหลิวจึงอดกลั้นเอาไว้ สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
หร่วนซือซือเงยหน้าขึ้น ยิ้มให้พวกท่านทั้งสอง “แล้วก็ ทั้งคู่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ หนูไม่ได้เป็นอะไร”
ได้ยินเธอให้คำมั่นแบบนี้แล้ว คุณนายหลิวและศาสตราจารย์หร่วนก็ถอนหายใจโล่งอกออกมาอย่างเงียบๆ
กินแอปเปิ้ลไปได้หลายซีก หร่วนซือซือก็กลับห้องตนเอง ใส่หูฟังแล้วอ่านหนังสือต่อ ไม่รู้ว่าเวลาดำเนินผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่แล้ว จู่ๆ ที่ด้านนอกก็มีเสียงเอะอังดังขึ้น
เมื่อถอดหูฟังออก หร่วนซือซือก็เดินไปที่ประตูแล้วเปิดออกไปดู ก็เห็นคุณนายหลิวยืนอยู่ที่บริเวณประตูบ้าน กำลังคุยอะไรกับคนที่อยู่นอกประตู
“เสี่ยวหลิว ให้ฉันได้พบหน้าซือซือหน่อยเถอะ”
เมื่อได้ยินเสียงอันคุ้นหูนี้แล้ว หร่วนซือซือก็นิ่งงัน แล้วจึงรีบออกเดินไปในทันที
คุณนายหลิวตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “คุณป้า ไม่ใช่เพราะฉันไม่ให้คุณพบเธอ สถานการณ์ของซือซือในตอนนี้ค่อนข้างที่จะไม่ดีเท่าไหร่นัก…….”
“แม่? ”
ซือซือเดินไปที่ประตูแล้วจึงเห็นคุณย่ายืนอยู่ที่นอกประตู เธอพลันนิ่งค้างไปชั่วขณะ
คุณนายใหญ่เมื่อเห็นหร่วนซือซือ สายตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที “ซือซือ! ”
หร่วนซือซือรีบเอ่ยปากถามขึ้นมาทันที “คุณย่า มาได้ยังไงกันคะ”
“ฉันพึ่งจะได้รู้เรื่องว่าหนูหย่ากับอวี้อี่มั่ว ฉันโกรธจนจะบ้าตาย ทำไมเขาถึงได้ปิดบังกับย่าแบบนี้ได้…….. ” คุณนายใหญ่โมโหมากจนตบไปที่ขาตัวเองฉาดใหญ่
เมื่อได้ยินคุณย่าพูดแบบนี้แล้วหร่วนซือซือถึงพึ่งจะเข้าใจ
เธอสูดหายใจเข้าเต็มปอด รีบเดินไปข้างหน้าแล้วพยุงคุณย่าเข้าไปข้างในทันที “คุณย่า เข้าไปคุยกันข้างในเถอะค่ะ”
แม้ว่าเธอจะหย่าขาดกับอวี้อี่มั่วแล้ว แต่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ให้คนเฒ่าคนแก่เข้ามาในบ้าน
ทางด้านคุณนายหลิวที่เห็นการตัดสินใจของหร่วนซือซือแล้ว ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาให้มากความ จึงหมุนตัวเข้าไปชงชา
หลังจากที่ช่วยพยุงให้คุณย่านั่งลงบนโซฟา หร่วนซือซือก็ได้ถามคำถามที่ตนเองประหลาดใจอยู่ออกไป “คุณย่า มาคนเดียวหรือคะ”
แม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะไม่ได้แวะไปที่คฤหาสน์หลังเก่าบ่อยครั้งนัก แต่ก็จำได้อย่างชัดเจนว่าที่ข้างกายของคุณนายใหญ่มักจะมีบริวารคอยอยู่รับใช้ วันนี้ท่านมาคนเดียว ค่อนข้างที่จะดูไม่ถูกต้องเท่าไหร่นัก
คุณนายใหญ่ถอนหายใจออกมา ดึงมือหร่วนซือซือมากุมเอาไว้อย่างไม่วางมือ “อันที่จริงแล้ว ฉันหนีออกจากบ้านมาคนเดียวน่ะ”
หร่วนซือซือตะลึงงัน “อะไรนะคะ”
คุณนายใหญ่เมื่ออยู่ที่ตระกูลอวี้แล้วท่านก็ถือว่ามีตัวตนเป็นนายหญิงเหนือหัวของที่นั่น แล้วนี่ท่านหนีออกมาแบบนี้ ป่านนี้ที่ตระกูลอวี้ไม่โกลาหลวุ่นวายกันไปหมดแล้วเหรอ
คุณนายใหญ่โมโหจนส่งเสียงฮึ่มฮั่มออกมา “ฉันโมโหมากเลย! อี่มั่วไอ้เด็กคนนี้นี่! ทำไมถึงได้แอบหย่ากับหนูลับหลังย่าได้! ครั้งนี้ย่าจะหนีออกจากบ้าน! ”
ขณะพูด เธอก็ยกไม้เท้าขึ้นกระทุ้งไปที่พื้นหลายครั้งด้วยความโกรธ
เห็นท่าทีที่จริงจังของคุณย่าเช่นนี้แล้ว หร่วนซือซือก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เอ่ยถามด้วยเสียงอันแผ่วเบาว่า “หนีออกจากบ้าน? คุณย่ามาที่นี่ได้อย่างไรคะ แล้วคุณย่ารู้ได้อย่างไงว่าบ้านหนูอยู่ที่นี่”
“เมื่อวานหลังจากที่ย่าได้รู้เรื่องที่หนูหย่า ก็ให้คนไปสืบหาที่อยู่ของหนูมา วันนี้ออกมาคนเดียวไม่ได้บอกใครเลย ย่าเรียกรถแล้วนั่งมาที่นี่ ใช้เวลาหาอยู่ตั้งนานกว่าจะเจอบ้านหนู”
มองดูผู้อาวุโสที่มีผมสีเงินอยู่เต็มหัวที่นั่งอยู่เบื้องหน้าแล้ว หร่วนซือซือก็รู้สึกเจ็บปวดใจเล็กน้อย เอ่ยออกมาอย่างเบาๆ ว่า “คุณย่า หนูทำให้ท่านต้องลำบากแย่เลย”
คุณนายใหญ่ส่ายหัวไปมา พูดอย่างแน่วแน่ว่า “ไม่ลำบากเลย ซือซือ ที่ย่ามาหาครั้งนี้ก็เพื่อให้อี่มั่วร้อนใจ! ต้องให้เขาเป็นคนมารับพวกเรากลับบ้านด้วยตนเองให้ได้! ”
ได้ยินดังว่า ริมฝีปากหร่วนซือซือยกยิ้มขึ้น “คุณย่า เรื่องที่หย่ากันครั้งนี้ อันที่จริงแล้วหนูเป็นคนพูดขึ้นมาเองค่ะ”
“อะไรนะ” คุณนายใหญ่ตื่นตะลึง “เป็นแบบนี้ได้อย่างไรกัน อี่มั่วเด็กคนนั้นมันแกล้งหนูหรอ! ซือซือ หนูบอกย่ามาเลยนะ ย่าคนนี้จะจัดการให้หนูเองอย่างแน่นอน! ”
หัวใจของหร่วนซือซือบีบรัดแน่นขึ้น กัดริมฝีปากแล้วจึงเอ่ยขึ้นมาว่า “ไม่ใช่ค่ะ……คือหนูรู้สึกว่าพวกเราเข้ากันไม่ได้เท่านั้นเอง เขาไม่ได้รังแกหนูค่ะ”
คุณนายใหญ่ไม่อาจเชื่อได้ลง “นี่……..มันเป็นไปไม่ได้! คราวที่แล้วที่พวกเธอมาหาย่าที่บ้านก็ยังดีๆ กันอยู่เลย นี่พึ่งจะผ่านมาได้ไม่นานเอง แล้วจะไปเข้ากันไม่ได้ได้อย่างไรกัน ซือซือ หนูปิดบังอะไรย่าอยู่หรือเปล่า”
ได้ยินคุณย่าพูดเช่นนี้ ในใจของหร่วนซือซือก็ทราบอย่างแน่ชัดแล้วว่าเรื่องที่เกี่ยวกับเด็กนั้น คุณนายใหญ่ยังไม่ทราบเรื่องอย่างแน่นอน
เธอสูดหายใจเข้าเต็มปอด หร่วนซือซือเค้นรอยยิ้มออกมา “คุณย่า ที่หนูพูดเป็นความจริงค่ะ”
ต่อให้หร่วนซือซือเอ่ยปากรับรองอีกกี่ร้อยกี่พันครั้ง คุณนายใหญ่ก็ยังไม่ยอมเชื่ออย่างสนิทใจ
“ซือซือ หนูไม่ต้องพูดแล้ว ย่ารู้ว่าหนูเป็นเด็กดี ต่อให้หนูเป็นฝ่ายไม่ได้รับความเป็นธรรมก็คงไม่ยอมบอกออกมาอยู่ดี ย่าก็จะอยู่ที่นี่แหละ รอให้ไอ้เด็กคนนั้นมันมาขอโทษที่นี่ มาอธิบายเรื่องราวทุกอย่างให้ย่าเข้าใจ! ”
เห็นท่าทีที่แน่วแน่ของคุณนายใหญ่ หร่วนซือซือก็พูดอะไรไม่ออก ก็เลยได้แต่ตามน้ำไป “โอเคค่ะ คุณย่าคะ งั้นก่อนที่อวี้อี่มั่วจะมารับท่านกลับ ก็อยู่กับหนูที่นี่ด้วยกันนะคะ”
คุณนายใหญ่กุมมือของหร่วนซือซือเอาไว้มั่น ไม่ยอมปล่อยคลาย จากนั้นจึงหยักหน้าแล้วกล่าวซ้ำออกมา “ย่าจะอยู่ด้วยกันกับซือซือ”
หร่วนซือซือยิ้มมองดูผู้อาวุโสที่มีท่าทางน่าเอ็นดูที่อยู่ข้างๆ ในใจเธอก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
แม้ทุกคนจะปฏิบัติต่อเธออย่างนอบน้อมแต่ก็ล้วนทำด้วยความไม่จริงใจ อย่างน้อยที่สุดก็ยังมีคุณนายใหญ่ที่จริงใจต่อเธอ
ปลอบประโลมคุณนายใหญ่เสร็จ หร่วนซือซือก็ไปบอกกล่าวกับคุณนายหลิวและศาสตราจารย์หร่วน ทั้งสองคนต่างก็ตกลงยินยอม ประกอบกับที่ก่อนหน้านี้คุณนายหลิวได้ทำความรู้จักกับคุณนายใหญ่ไปแล้ว ทั้งสองคนต่างพูดคุยกันไปต่างๆ นานา ความสัมพันธ์กลายเป็นสนิทสนมขึ้นมาทันที
ทว่าทางด้านคฤหาสน์หลังเก่าของอวี้กรุ๊ปนั้น กลับโกลาหลวุ่นวายเป็นอย่างมาก ทุกอย่างดูเละเทะยุ่งเหยิงไปหมด
อวี้อี่มั่วยืนอยู่ใจกลางห้องโถง มองดูเหล่าคนใช้ที่ตั้งแถวเป็นเรียงราย ขมวดคิ้วเป็นปมยุ่งอย่างไม่รู้ตัว
สีหน้าเขานิ่งขรึมเย็นเยียบ กำหมัดที่อยู่ข้างลำตัวอย่างแรงจนมีเสียงกระดูกดังลั่นไปมา
คนตั้งเยอะขนาดนี้ แค่คนแก่คนเดียวยังดูแลกันไม่ได้!
คนทั้งแถวเหงื่อท่วมออกทั้งกายแต่ตัวกลับหนาวเย็น ต่างก็ก้มหน้าลงไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมา
ที่ปากบันไดชั้นสอง อวี้กู้เป่ยมองดูเหตุการณ์ทุกอย่างที่อยู่ในสายตานี้ เมื่อเห็นอวี้อี่มั่วมีท่าทีโกรธขึ้ง เขาก็วาดรอยยิ้มลงบนใบหน้า ส่งสัญญาณให้เช่าโจวเข็นเขากลับห้องไป
เมื่อประตูปิดลง เช่าโจวก็อดใจไม่ไหวที่จะเอ่ยปากถาม “คุณชาย คุณนายใหญ่หายตัวไป จะออกไปตามหาไหมครับ”
“วางใจเถอะ ไม่ได้หายไปไหนหรอก ท่านอยู่กับหร่วนซือซือที่นั่นแหละ”
เช่าโจวก็ทนไม่ไหวเอ่ยถามออกมาอีก “รู้ได้อย่างไรหรือครับ”
นัยน์ตาของอวี้กู้เป่ยปรากฏร่องรอยแห่งความสนุกขบขัน “เมื่อวานท่านให้คนไปสืบหาที่อยู่ของหร่วนซือซือ แล้วนายคิดว่าท่านจะไปที่ไหนอีกล่ะ”
“งั้นต่อไปเราจะทำอย่างไรครับ”
นัยน์ตาแห่งความขบขันของฝ่ายชายนั้นก็ค่อยๆ ถูกความเย็นชาเข้ามาแทนที่อย่างช้าๆ เขายิ้มขึ้นมา พูดอย่างแผ่วเบาว่า “เช่าโจว นายคิดว่าบางทีการปล่อยให้เรื่องดำเนินไปเองตามธรรมชาติ มันจะทำให้เรื่องสนุกขึ้นมาไหม”
หร่วนซือซือไปโรงพยาบาลจิงหวาแล้วรู้เรื่องของเย่หว่านเอ๋อเข้าอย่างบังเอิญ เรื่องทั้งหมดนี้เขาเป็นคนจัดการเอง เรื่องราวทุกอย่างดำเนินเดินไปในทิศทางที่เขาควบคุมเอาไว้อยู่ เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ร้อนใจเลยแม้แต่นิดเดียว
ไม่ว่าอวี้อี่มั่วจะให้ความสำคัญกับผู้หญิงคนไหน จะเป็นหร่วนซือซือก็ดี หรือเย่หว่านเอ๋อก็ดีเช่นกัน เขาล้วนแล้วแต่ก็มีวิธีที่จะทำให้อวี้อี่มั่วทนทุกข์ทรมานจนไม่อยากที่จะมีชีวิตอยู่เลย
แล้ววันนั้นก็จะมาถึง ในไม่ช้าก็เร็วเท่านั้น
อวี้กู้เป่ยหลุบตาลงมอง กวาดตามองไปที่ขาทั้งสองข้างที่ไร้ความรู้สึกแล้ว สีหน้ายิ่งดูหม่นขรึมขึ้นไปอีก
จะต้องมีสักวัน ที่เขาจะให้อวี้อี่มั่วได้ชิมลิ้มรสชาติของการตกนรกว่ามันเป็นอย่างไร!
……….
“ประธานอวี้ หาพบแล้วครับ! ”
ตู้เยี่ยรีบเร่งฝีเท้าเดินเข้ามาหา รายงานอยู่ที่ข้างหูอวี้อี่มั่วด้วยน้ำเสียงกดต่ำ
“อยู่ที่ไหน”
“จากบันทึกกล้องวงจรปิดล่าสุดแสดงให้เห็นว่า คุณนายใหญ่ลงจากรถที่ชุมชนเขตบ้านของหร่วนซือซือครับ ถ้าเดาไม่ผิดล่ะก็ น่าจะอยู่ที่บ้านหร่วนซือซือครับ”
อวี้อี่มั่วได้ยินดังว่า ก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน สีหน้าขรึมขึ้นเป็นอย่างมาก ไม่พูดอะไรออกมาแล้วจึงสาวเท้าก้าวยาวๆ ออกเดิน “ไปกัน”
เขาถูกคุณย่าเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กจนโต ตอนปีที่เขายังเล็กมากนั้น เป็นช่วงเวลาที่คุณพ่อกับคุณแม่ยุ่งมากที่สุด เขาจึงถูกคุณย่าเลี้ยงดูมาโดยตลอด ด้วยเหตุนี้ ในใจของเขาแล้ว คุณย่าเป็นญาติคนสำคัญที่สุดของเขา
ก่อนหน้าที่จะเดินทางไปบ้านของหร่วนซือซือ อวี้อี่มั่วก็พลันนึกอะไรขึ้นมาได้ “ไม่ใช่บอกให้นายออกคำสั่งกับพวกคนใช้ไปแล้วเหรอไง สุดท้ายแล้วใครกันแน่ที่เป็นคนบอกคุณย่าเรื่องที่ฉันหย่ากับหร่วนซือซือ”
เมื่อดูตามหลักการแล้ว คุณย่าไม่ควรที่จะได้รับรู้เรื่องนี้เสียด้วยซ้ำไป