ดั่งรักบันดาล - ตอนที่ 78
หร่วนซือซือขยับริมฝีปากไปมา มีเรื่องมากมายที่อยากจะเล่าให้ซ่งอวิ้นอันฟังเหลือเกิน แต่ทว่าในโทรศัพท์มือถือ เรื่องราวพวกนี้ไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจนนัก
ท้ายที่สุดแล้ว คำพูดทั้งหมดกลับถูกเปลี่ยนเป็นประโยคคำถามเดียว "อันอัน เธอว่า ถ้าหากว่าเธอแต่งงานแล้ว กลับค้นพบว่าคู่สมรสของเธอมีผู้หญิงคนอื่น เธอจะทำอย่างไรหรือ?"
"ก็หย่าน่ะสิ! "ซ่งอวิ้นอันพูดอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด "ซือซือเธอลืมเรื่องที่พวกเราพูดคุยกันไปก่อนหน้านี้แล้วอย่างนั้นหรือ! จะต้องแต่งงานกับผู้ชายที่เรารักแล้วเขาก็รักเราเท่านั้น! ไม่มีใครชอบรับเรื่องคบชู้ได้หรอกนะ!”
หร่วนซือซือรู้สึกหนักใจขึ้นมาทันที “ฉันไม่ลืมหรอก……”
ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเธอก็คิดเช่นนั้นมาตลอด ข้อแรกคือเธอทำไม่ได้ ข้อสองคือตอนนี้เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะสามารถทำได้หรือไม่
ซ่งอวิ้นอันรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเสียแล้ว “ทำไมเธออยู่ๆถึงถามคำถามพวกนี้กับฉันล่ะ? หรือว่าเธอ……”
หร่วนซือซือเริ่มหวั่นใจ รีบอธิบายว่า “ไม่มีอะไรจ้ะ!ฉันก็แค่ได้ยินเพื่อนที่ทำงานเล่าเรื่องของเธอให้ฟังน่ะ แค่เล่าสู่กันฟังเฉยๆน่ะ……”
ฟังเธอพูดมาขนาดนี้แล้ว ซ่งอวิ้นอันถึงได้โล่งใจ “ฉันล่ะตกใจหมดเลย ฉันนึกว่าเธอพูดถึงตัวเอง! สรุป ตอนนี้ฉันก็จะเอาความคิดเดิมอยู่ดี จะไม่เปลี่ยนทั้งชีวิต!”
ฟังหญิงสาวอีกฝ่ายพูดอย่างหนักแน่นดังนั้นแล้ว ภายในใจของหร่วนซือซือก็เริ่มมั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย “จ้ะ ฉันก็เหมือนกันจ้ะ”
ข้อแรกเธอไม่สามารถทำได้จริงๆ เธอกับอวี้อี่มั่วรีบร้อนจดทะเบียนสมรสกัน แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้คำนึงถึงปัญหาเรื่องรักไม่รักเลย หลังจากนั้นเธอก็มีความคิดว่าจะใช้ชีวิตในทุกๆวันกับเขาอย่างมีความสุข แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ เขามีเรื่องบางอย่างปิดบังเธอเอาไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะมีผู้หญิงอื่น!
ซึ่งเรื่องนี้เธอไม่สามารถยอมรับได้เด็ดขาด นี้คือเส้นที่ขีดไว้และหลักการที่ยึดถือของการสมรส!
หร่วนซือซือเริ่มคิดได้ในทันที “เอาล่ะอันอัน ฉันรู้แล้วจ้ะ เธอไปทำธุระเถอะ เมื่อถึงเวลานั้นรอเธอมาถึงแล้วค่อยโทรศัพท์หาฉันอีกทีหนึ่งแล้วกันนะ”
หลังจากวางสายไปแล้ว หร่วนซือซือสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆหนึ่งทีก่อนจะยึดถือเจตจำนงที่แน่วแน่เอาไว้ในใจ
ดูท่าแล้ว เธอคงต้องหาเวลาพูดคุยกับอวี้อี่มั่วเสียแล้วล่ะ
……
ตกดึก ท้องฟ้าด้านนอกเป็นสีดำทมิฬ มีฝนตกลงมาเล็กน้อย อากาศเย็นและชื้นแฉะ หร่วนซือซือนั่งอยู่บนโซฟา นัยน์ตาสบมองนาฬิกาบนกำแพง
ตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้ว เวลานี้อวี้อี่มั่วควรจะกลับมาได้แล้วถึงจะถูก
ผ่านไปสักพัก ก็ได้ยินเสียงรถยนต์ดังขึ้นมาจากนอกคฤหาสน์ ไม่นานหลังจากนั้น ประตูก็ถูกเปิดออก ร่างสูงใหญ่ของฝ่ายชายปรากฏให้เห็น
หร่วนซือซือรวบเสื้อผ้าบนร่างกายเข้าหากัน ลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปหาเขา ก่อนจะเริ่มเปิดคำถาม “กลับมาแล้วหรือคะ?”
“อืม” อวี้อี่มั่วสบตา นัยน์ตาเรียบเฉยมองผ่านร่างของเธอไปพลางเปลี่ยนรองเท้าไปพลาง
เมื่อเดินเข้าใกล้ หร่วนซือซือก็ได้กลิ่นแอลกอฮอล์เจือจางจากร่างกายของเขา อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนจะรินน้ำแล้วส่งให้เขาหนึ่งแก้ว
อวี้อี่มั่วรับไป สีหน้าเรียบตึง เขาจิบน้ำไม่กี่อึก เห็นเธอไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหนถึงเอ่ยปากถามขึ้น “มีอะไรอีกไหม?”
หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าลึกๆหนึ่งที “ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณค่ะ……”
เขาวางแก้วน้ำลง นัยต์ตาลุ่มลึกไม่มองต่ำ พูดเสียงนิ่งๆว่า “เอาสิ”
หร่วนซือซือกำมือเข้าหากันเบาๆ ภายในใจเกิดความกังวลขึ้นมาเล็กน้อย แต่ทว่าก็รวบรวมความกล้าแล้วเริ่มเปิดประเด็นว่า “คุณ……มีผู้หญิงคนอื่นใช่ไหมคะ?”
ประโยคคำถามถูกส่งออกไป เธอสัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่าสีหน้าของอวี้อี่มั่วดุดันขึ้นเล็กน้อย แม้กระทั่งบรรยากาศโดยรอบก็เริ่มเย็นลงในทันที
กระทั่งผ่านไปชั่วครู่หนึ่ง สายตาเยือกเย็นของอวี้อี่มั่วก้มลงมองผ่านมา เขาตอบกลับเสียงต่ำว่า “ค่อยคุยกันวันหลัง”
เขาสัมผัสได้ถึงความกล้าหาญเล็กน้อยบนตัวเธอ หากว่าในเวลานี้เขามุทะลุไป เกรงว่าจะเป็นการเพิ่มโทสะให้เธอมากขึ้น ถ้าเป็นแบบนั้นเธอก็อาจจะไม่ยินยอมที่จะบริจาคไตก็ได้
พูดไป เขาเริ่มออกตัวเดินสาวเท้าไปข้างหน้าแล้วเดินตรงไปทางบันได
เมื่อเห็นท่าทางของเขาเป็นเช่นนี้แล้ว ภายในใจของหร่วนซือซือตอนนี้แข็งไปหมดแล้ว เธอกลัวว่าเขาจะปกปิดเรื่องทุกอย่างเอาไว้มากกว่า! แต่เธอในฐานะที่เป็นภรรยาของเขา มีสิทธิที่จะรู้เรื่องราวทุกอย่างอย่างละเอียด!
หร่วนซือซือก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ยื่นมือไปจับแขนของเขาเอาไว้ “ทำไมถึงคุยตอนนี้ไม่ได้ล่ะคะ?”
ในเมื่อไม่ช้าก็เร็วก็ต้องพูดอยู่ดี ทำไมไม่บอกเธอในเวลานี้ตรงๆเสียเลยล่ะ?
ฝีเท้าของอวี้อี่มั่วหยุดชะงัก คิ้วขมวดแน่นจนเป็นปม นัยน์ตากักเก็บโทสะเอาไว้อย่างเต็มที่
เพราะว่าทั้งเรื่องการผ่าตัดของเย่หว่านเอ๋อ ทั้งเรื่องของบริษัท ก็ทำเขาปวดหัวมากพอแล้ว กลับมาวันนี้ ยังต้องมาเจอคำถามของเธออีก เขาก็ต้องหงุดหงิดเป็นธรรมดา
เขาเปิดปากพูด น้ำเสียงคล้ายกับกำลังคำรามอยู่ก็ไม่ปาน “วันนี้เธอ อยากจะได้คำตอบของคำถามใช่ไหม?”
หร่วนซือซือกำมือเข้าหากันแน่น ก่อนจะกัดฟังพูด “ใช่ค่ะ”
เธอยากจะให้เขาตอบคำถามของเธอแค่คำตอบเดียว!
นัยน์ตาของอวี้อี่มั่วเข้มขึ้น ริมฝีปากขมเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง ชั่ววินาทีหลังจากนั้น เขาเปิดริมฝีปากออกแล้วพูดว่า “เธอคิดว่าใช่ ก็คือใช่”
เมื่อพูดจบ เขาถอยห่างเธอ แล้วสาวเท้ายาวก้าวเดินจากไป ทิ้งให้หร่วนซือซือยืนนิ่งอยู่ตรงที่เดิมคนเดียว
ที่แท้แล้ว เขามีผู้หญิงคนอื่นจริงๆด้วย
ภายในใจปวดร้าวไปหมด หร่วนซือซือรู้สึกชาไปทั่วทั้งตัว เธอถอนหายใจออกหนึ่งครั้ง ผ่านไปสักพักถึงหายใจเข้า
ตอนแรกเริ่ม เธอรู้สึกว่าตัวเองแต่งงานกับชายที่สมบูรณ์แบบคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะไม่มีพื้นฐานในเรื่องของความรัก พวกเขาก็สามารถค่อยๆเริ่มกันได้ มีชีวิตที่มีความสุข แต่ทว่าตอนนี้ ความเป็นจริงมันเปรียบเสมือนน้ำเย็นหนึ่งกะละมังที่สาดเข้ามาให้เธอรู้สึกตัวตื่นขึ้น
หร่วนซือซือนอนไม่หลับและพลิกไปพลิกมาตลอดทั้งคืน
รอจนกระทั่งเมื่อฟ้าสาง หร่วนซือซือขยี้ดวงตาทั้งสองข้างเบาๆ จิตใจยังคงสับสนว้าวุ่น ผ่านไปไม่นานนัก เธอจึงเผลอหลับไป
เมื่อตื่นขึ้นมาก็เที่ยงแล้ว หร่วนซือซือลงไปรับประทานอาหารง่ายๆที่ชั้นล่าง รับประทานยาแล้วและนั่งอยู่ที่ห้องรับแขกด้วยความหน่าย
อวี้อี่มั่วไม่ให้เธอไปที่บริษัท เธออยู่บ้านก็ไม่มีอะไรให้ทำ ดูท่าแล้ว เวลาว่างทั้งหมดก็ทำให้เธอคิดถึงเรื่องของอวี้อี่มั่วโดยไม่รู้ตัว เธอก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเป็นเท่าตัว
ทันใดนั้นเอง โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะก็สั่นขึ้น
หร่วนซือซือหยิบขึ้นมาดู เป็นเบอร์แปลก เธอสูดหายใจเข้าลึกๆแรงๆแล้วกดรับโดยที่ไม่รู้สึกตัว “ฮัลโหล?”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มอารมณ์ดีของผู้ชายดังเข้ามาในสาย “คิดถึงฉันแล้วหรือยัง?”
หร่วนซือซือชะงักนิ่งไป เวลาผ่านไปสักพักถึงรู้สึกตัว เดิมทีเธอคิดว่าเป็นสายเรียกเข้าของพวกที่ชอบก่อความวุ่นวาย แต่ทว่าใครจะรู้ล่ะว่าเมื่ออีกฝ่ายเริ่มพูดประโยคแรกก็ทำให้เธอสับสนและมึนงงไปหมด
“คุณ……คือใครเหรอคะ?”
พวกที่ชอบโทรศัพท์ก่อความวุ่นวายเดี๋ยวนี้เป็นแบบนี้แล้วหรือ?
ฝ่ายนั้นหัวเราะร่วน “คุณผู้ช่วยฝ่ายบริหารหร่วน แม้กระทั่งผมก็จำไม่ได้แล้วหรือ?”
หร่วนซือซือตะลึงอยู่พักใหญ่ ทว่าสมองกลับปรากฏภาพใบหน้าของใครอีกคนขึ้นมาทันที หลังจากนั้นจึงมีปฏิกริยาตอบกลับไป “เฉิง……เฉิงจื่อเซียว?”
“ฉันกะเอาไว้อยู่แล้วล่ะ เธอจะลืมฉันได้อย่างไรเล่า” เฉิงจื่อเซียวน้ำเสียงไม่อยู่กับร่องกับรอยเหมือนอย่างเคย “เธอติดข้าวฉันอยู่มื้อหนึ่ง จำได้ไหม?”
ลมหายใจถูกสูดเข้าปอดลึกๆหนึ่งทีถึงจะกลับมาเป็นปกติดังเดิมนิดหน่อย “ฉันจำได้ค่ะ”
“ออกมาคืนนี้สิ ฉันจองร้านอาหารเอาไว้แล้ว”
หร่วนซือซือลังเลอยู่พักหนึ่ง “ฉัน……”
เดิมทีเธอไม่มีกระจิตกระใจที่จะออกไปทานอาหารข้างนอกอยู่แล้ว หากให้ไปกับเขาน่ะหรือ ก่อนหน้านี้เธอก็ไม่มีกระจิตกระใจจะตอบรับอะไรจากเขาอยู่ก่อนแล้ว
“อะไรกัน? ไม่มีเวลาหรือ?”เฉิงจื่อเซียวยิ้ม “หรือว่า คิดจะกลับคำหรือ?”
ประโยคทั้งหลายถูกส่งออกมา แต่ทว่าหร่วนซือซือกลับไม่มีอะไรจะพูดต่อ
แต่เธอก็ติดค้างที่ว่าจะเลี้ยงข้าวเฉิงจื่อเซียวจริงๆ ประจวบเหมาะกับว่าเธออยู่บ้านก็ไม่มีอะไรให้ทำ ไม่สู้ตอบรับไปเสียไม่ดีกว่าหรือ
“ตกลงค่ะ คุณส่งที่อยู่มาให้ฉันได้เลย”
“ครับ จะส่งให้ทันทีเลย”
ผ่านไปไม่นานนัก ทางฝั่งโทรศัพท์มือถือของหร่วนซือซือก็สั่นขึ้น ได้รับข้อความเข้ามาหนึ่งข้อความ
ทว่าหร่วนซือซือกลับนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ “อ้อ ใช่แล้ว คุณรู้เบอร์โทรศัพท์ของฉันได้อย่างไรคะ?”
เฉิงจื่อเซียวยิ้มแบบมีเลศนัย "หากผมอยากที่รู้ มีอะไรบ้างที่ผมจะไม่รู้?"
หร่วนซือซือหมดคำจะว่าต่อ “เอาเถอะค่ะ”
กระทั่งความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับอวี้อี่มั่วเขายังสามารถรู้ได้ ก็คงไม่ต้องพูดถึงเบอร์โทรศัพท์หรอก
หร่วนซือซือพูดก่อนที่จะวางสายไปว่า “งั้นก็ตามนี้นะคะ”
ก่อนที่สายจะตัดไป เสียงจากฝ่ายชายก็ดังลอดเข้ามา “อ้อใช่ จำไว้นะว่าคืนนี้ใส่ชุดที่เป็นทางการหน่อย!”