ดั่งรักบันดาล - ตอนที่ 60
บรรยากาศร้อนขึ้น ตัวแทนที่รับผิดชอบการจัดงานฉลาดมากที่ไม่ได้ถามต่อ เขาหยุดและแนะนำเครื่องประดับชิ้นอื่นให้กับอวี้อี่มั่ว เมื่อคนดังและสาวสวยหลายคนที่อยู่ข้างๆเห็นว่าคำถามสิ้นสุดลง แต่ละคนๆก็ค่อยๆแยกย้ายกันไป
หร่วนซือซือต้องการที่จะติดตามอวี้อี่มั่วต่อไป แต่คนที่อยู่ข้างๆเธอก็แยกย้ายกันไปหมด แต่เธอก็ตั้งใจที่จะตามต่อไป ถึงอย่างไรเธอก็บอกแล้วว่าจะไม่เพิ่มความยุ่งยากให้เขา
เธอเดินไปข้างหน้าด้วยความงุนงง ผ่านบริเวณพื้นที่จัดแสดงไปถึงตรงหน้าโต๊ะยาว ทันใดนั้นก็มีเงาสีดำพรวดพราดเข้ามา จากนั้นเธอก็ถูกชนที่แขนอย่างแรง
หร่วนซือซือใส่รองเท้าส้นสูง เธอโซเซจนเกือบจะล้ม เธอกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ และยังไม่ทันที่จะได้ยืดเอวขึ้น เธอก็ได้ยินเสียงขอโทษ “ขอโทษๆ”
หร่วนซือซือเงยหน้าขึ้น และเห็นพนักงานเสิร์ฟในชุดเครื่องแบบพยักหน้าและโค้งคำนับขอโทษเธอครั้งแล้วครั้งเล่า
เดิมทีเธออยากจะพูดว่าไม่เป็นไร แต่พบว่าทุกคนรอบตัวเธอมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ เธอก้มหน้าลงแล้วพบว่ามีรอยเปื้อนสีน้ำตาลดำขนาดใหญ่บนกระโปรงของเธอ
เธอตื่นตระหนก เมื่อเห็นว่ามีแก้วคว่ำอยู่ที่พื้น ในอากาศก็มีกลิ่นหวานเลี่ยน และเธอก็รู้ว่านี่เป็นเครื่องดื่มช็อกโกแลต!
เมื่อมองไปที่คราบขนาดใหญ่บนกระโปรง บวกกับการจ้องมองของคนอื่นๆ ใบหน้าของหร่วนซือซือก็แดงขึ้นมาทันที
นี่ไม่ใช่คราบเล็กๆ ที่สามารถทำความสะอาดได้แบบลวกๆ ด้วยเหตุนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้กระโปรงของเธอสกปรก แต่ยังทำให้เธอขายหน้าด้วย
เมื่อเธอไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี พนักงานเสิร์ฟคนนั้นก็เดินมาข้างหน้า “ขอโทษจริงๆครับ ฉันจะช่วยคุณเช็ด!”
ในขณะที่พูด เขาก็หยิบผ้ามาเริ่มเช็ด แต่เมื่อเช็ดคราบช็อกโกแลตก็ยิ่งเห็นได้ชัดขึ้นและคราบก็ขยายออกไปมากกว่าเดิม
หร่วนซือซือขมวดคิ้วและรีบถอยหลัง “ไม่ต้อง คุณไม่ต้องเช็ดแล้ว……”
แต่ใครจะรู้ว่าพนักงานเสิร์ฟคนนั้นจะดึงกระโปรงของเธอและไม่ยอมปล่อย “ขอโทษครับ ผมจะช่วยคุณทำความสะอาด……”
แม้ว่าเธอจะพูดอย่างนั้น แต่เขาก็ยังดึงกระโปรงของเธออย่างไม่ไยดี
หร่วนซือซือยืนอยู่บนเท้าของเธออย่างไม่มั่นคง เมื่อถูกดึงเธอก็เสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้น
และเสียงที่ดังก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมาก
หร่วนซือซืออดทนต่อความเจ็บปวดและค่อยๆลุกขึ้นนั่ง และเมื่อมองไปรอบๆก็รู้ว่าทุกคนจ้องมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ
คนอื่นๆอยุ่กันเป็นกลุ่ม แต่เธออยู่คนเดียว เธอขายหน้าจนพูดอะไรไม่ออก ไม่มีใครช่วย และสถานการณ์ของเธอก็แย่ลง
“คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?ทำไมถึงไม่ยืนขึ้น?”
พนักงานเสิร์ฟคนนั้นเดินมาข้างหน้าและแสร้งทำเป็นว่าจะช่วยเธอ
คนอื่นดูไม่ออก แต่หร่วนซือซือในฐานะคู่กรณีรู้ดีว่าเมื่อกี้เขาทำอะไร เธอถอนหายใจและปัดมือเขาออกไป “คุณไม่ต้องมาแตะฉัน!”
เมื่อเธอพูดแบบนี้คนรอบข้างก็ยิ่งวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องนี้มากขึ้น แต่ทุกคนก็มองอยู่อย่างนั้น และไม่มีใครสักคนที่จะมาช่วยเธอ
ในอีกด้านหนึ่งอวี้อี่มั่วกำลังพูดคุยอยู่กับผู้จัดงานแสดง เมื่อได้ยินการเคลื่อนไหวทางด้านนี้ เขาก็กวาดสายตามองมา
ทันใดนั้นเขาก็เห็นคนใส่ชุดสีทองที่คุ้นเคย สายตาของเขาจ้องมองในทันที
คนนั้นที่งกๆเงิ่นๆแล้วยืนขึ้นจากพื้น ทำไมถึงเหมือนหร่วนซือซือขนาดนั้น?
เขาขมวดดคิ้วแน่นแล้ววางแก้วในมือลง จากนั้นก็ยกมือขึ้นขัดจังหวะคนที่พูดอยู่ข้างๆ “ขอโทษด้วย ต้องขอตัวก่อน”
หลังจากที่พูดจบเขาก็รีบเดินไปที่ความวุ่นวายตรงนั้น
หร่วนซือซือลุกขึ้นยืนโดยไม่สนใจข้อศอกที่เจ็บ เธอก้มลงมองชุดราตรี เมื่อกี้ตอนนี้เธอล้มลงและไปถูกับช็อกโกแลตที่พื้นอีกครั้ง ตอนนี้ทั้งชุดสกปรกยิ่งกว่าเดิม
ไม่ต้องคิดมากเลย เธอรู้ดีว่าในเวลานี้เธอตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่
โชคดีที่อวี้อี่มั้่วไม่เห็น
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ และกำลังจะปลีกตัวไปที่ห้องน้ำ แต่เธอไม่รู้ว่าห้องน้ำอยู่ที่ไหน และกลุ่มคนรอบข้างก็จ้องมองมาที่เธออย่างเงียบๆ ด้วยสายตาที่เย็นชาและเหยียดหยาม
“คุณทำบ้าอะไร!”
ทันใดนั้นก็มีน้ำเสียงดุดันและโกรธมากดังขึ้นข้างๆ
หร่วนซือซือหันไปมองตามเสียง เธอเห็นเฉิงจื่อเซียวที่ใส่ชุดสูทสีกาแฟเดินเข้ามา เขาเดินเข้ามาด้วยท่าทางที่แข็งกร้าว เหมือนกับว่าต้องการมีเรื่องมีราว
เธอไม่ทันได้ตอบสนองก็เห็นเขาคว้าคอของพนักงานเสิร์ฟคนนั้นด้วยท่าทางที่โหดเหี้ยม และไม่รู้ว่าเขาไปตัดผมสั้นเหลือแค่นิ้วเดียวตั้งแต่เมื่อไหร่ กลิ่นอายความเป็นผู้หญิงขิงเขาลดลงอย่างมาก แต่เขาดูเหมือนวัยรุ่นที่บ้าระห่ำ
“ผม…ผมไม่ได้ตั้งใจ”
พนักงานเสิร์ฟตกใจกลัว เขาก้มหน้าลงและพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาไม่กล้าสบตากับเฉิงจื่อเซียว
เฉิงจื่อเซียวอดไม่ได้ที่จะต่อว่า “ไม่ได้ตั้งใจหรอ?งั้นถ้าฉันต่อยแกก็ไม่ได้ตั้งใจ!”
เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะต่อยพนักงานเสิร์ฟคนนั้น หร่วนซือซือก็รับเรียกเขา “เฉิงจื่อเซียว!”
เฉิงจื่อเซียวหยุดชะงักแล้วเอามือลง เขาผลักพนักงานเสิร์ฟออกไป และหันไปมองหร่วนซือซือ จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เบาลง “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากัน”
เขาก่อเรื่องวุ่นวายอย่างนี้ก็ยิ่งทำให้คนรอบข้างสนใจ หร่วนซือซือลังเลและไม่รู้ว่าจะเดินตามเขาไปดีไหม ทันใดนั้นก็มีใบหน้าปรากฏขึ้นในสายตาของเธอ
เป็นอวี้อี่มั่ว!
หร่วนซือซือจับชุดราตรีไว้แน่น และใบหน้าของเธอก็ยิ่งร้อนผ่าวมากขึ้น
เขาจ้องมองท่าทางที่เก้ๆกังๆของเธอ
ทันทีที่อวี้อี่มั่วเดินเข้ามาใกล้ก็เห็นว่าหร่วนซือซืออยู่ในฝูงชน เมื่อเห็นว่าเธอเป็นแบบนี้ สายตาของเขาก็ซึมลงในทันที เขาฝ่าฝูงชนและเดินเข้าไปหาเธอโดยไม่ลังเล
เมื่อเห็นว่าเขาเดินมาหาเธอด้วยจุดประสงค์ที่ชัดเจน หร่วนซือซือกัดริมฝีปากล่าง แลันึกถึงวันนั้นที่เขาให้บัตรเชิญกับเธอ
เธอเคยบอกว่าจะไม่เพิ่งความยุ่งยากให้เขา แต่ตอนนี้ถ้าอวี้อี่มั่วเดินเข้ามาแล้วพาเธอไป เมื่อมองไปข้างหน้าก็พบว่าต้องเผชิญกับความสงสัยของสื่อมวลชนและการคาดเดาของสาธารณชน
เธอกัดฟันแล้วมองไปที่อวี้อี่มั่วอย่างลังเล เธอหันไปรอบๆอย่างไม่แยแส และมองไปที่เฉิงจื่อเซียวที่กระซิบว่า “ไปกันเถอะ”
เมื่อเฉิงจื่อเซียวเห็นว่าเธอเปลี่ยนใจกะทันหันก็ประหลาดใจและหยุดชะงักไปครึ่งวินาที เขาเม้มริมฝีปากแล้วยื่นมือไปจับมือเธอ จากนั้นก็ดึงเธออกไปจากฝูงชน
อวี้อี่มั่วมองดูหร่วนซือซือจากไป และสีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมทันที และในที่สุดสายตาของเขาก็จ้องไปที่เฉิงจื่อเซียวที่จับมือของเธอ
คิดไม่ถึงว่าเธอจะไปกับผู้ชายที่เคยเจอเพียงครั้งเดียว มากกว่าที่จะไปกับเขา!
เมื่อถูกเฉิงจื่อเซียวดึงมาด้านข้าง หร่วนซือซือก็เศร้าเสียใจ แล้วน้ำตาก็ร่วงลงมา
“ไปหาที่เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนสิ เดี๋ยวผมจะไปหาเสื้อผ้าสะอาดๆให้เอง”
ในขณะที่เฉิงจื่อเซียวพูดก็หันไปเห็นรอยแดงรอบดาวงตาของหร่วนซือซือ และเขาก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง
“ร้องไห้ทำไม?น้อยใจ?คุณรอเดี๋ยว ผมจะไปจัดการกับผู้ชายคนนั้น!”
เฉิงจื่อเซียวสีหน้าเปลี่ยน เขาปล่อยมือเธอ แล้วถกแขนเสื้อขึ้นเหมือนกับว่าจะไปหาเรื่องใครสักคน
“ไม่ใช่” หร่วนซือซือรีบพูด “คุณไปต้องไปแล้ว ฉันไม่เป็นไร”
เธอยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากดวงตา
เฉิงจื่อเซียวหยุดชะงักและเงียบไปสองสามวินาที จากนั้นก็เดินนำเธอไปที่ห้องรับรอง
หลังจากเข้าไปในห้องรับรอง หร่วนซือซือก็ล็อกประตู และน้ำตาของเธอก็ไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
เธอรู้สึกน้อยใจมากๆ และที่เสียใจที่สุดคือสถานะของเธอกับอวี้อี่มั่วถูกคั่นกลางด้วยกระดาษแผ่นเดียว และไม่สามารถเปิดเผยได้