ดั่งรักบันดาล - ตอนที่ 52
หร่วนซือซือยิ้มและไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็เดินนำทางไป
ทันทีที่เธอเดินเข้าไปในลิฟต์ เธอก็รู้สึกได้ว่าผมด้านหลังของเธอถูกดึงขึ้นมาเบาๆ เมื่อเธอหันไปก็พบกับหางตางอนและมีเสน่ห์ของเฉิงจื่อเซียว
“ประธานเสี่ยวเฉิง มีปัญหาอะไรรึเปล่าคะ……”
เฉิงจื่อเซียวไม่หน้าแดงและไม่ใจเต้นแรง รอยยิ้มของเขาก็มีเสน่ห์มาก “เปล่าฉันคิดว่าคุณเหมาะกับผมหยิกมากกว่า”
หร่วนซือซืองุนงงและหยุดชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นก็ยิ้มให้เขา “ฉันคิดว่าประธานเสี่ยวเฉิงเหมาะกับผมสั้นแค่นิ้วเดียวมากกว่า”
ใบหน้าของเฉิงจื่อเซียวดูอึ้งทึ่ง ถ้าเขาเกิดมาเป็นผู้หญิงเขาจะต้องสวยมากแน่ๆ ผมของเขาสั้นพอประมาณ ถ้าตัดผมสั้นแค่นิ้วเดียว แน่นอนว่ามันจะทำให้ใบหน้าหวานเหมือนผู้หญิงดูมีความแข็งแกร่งของผู้ชายมากขึ้น และยิ่งดูมีเสน่ห์
เมื่อได้ยินคำแนะนำของเธอ เฉิงจื่อเซียวก็ดูประหลาดใจ และหยุดชะงักไปสองสามวินาที เขาก็เม้มริมฝีปาก “ผมสั้นแค่นิ้วเดียว ฉันจะลองพิจารณาดู……”
ไม่นานประตูลิฟต์ก็เปิดออก หร่วนซือซือก็เดินนำเฉิงจื่อเซียวและผู้ช่วยของเขาไปที่ห้องรับแขก
หลังจากจัดให้พวกเขานั่งลงในห้องรับแขก หร่วนซือซือก็รีบไปเตรียมชาทันที
หลังจากวางน้ำชาลงแล้ว เธอก็พูดเบาๆ “ประธานเสี่ยวเฉิง ทางด้านนี้มีนิตยสาร คุณสามารถอ่านเพื่อฆ่าเวลาได้ ถ้าต้องการอะไรก็สามารถบอกฉันได้เลย ฉันอยู่ที่หน้าประตู”
เฉิงจื่อเซียวหน้าตายิ้มแย้ม เขามองมาที่เธอและพูดเบาๆ “ต้องการคนมาคุยเป็นเพื่อน”
“คุณว่าอะไรนะ?” หร่วนซือซือตกตะลึง
เฉิงจื่อเซียวชี้ไปที่เธอ เขายิ้มและพูดว่า “ต้องการให้คุณมาคุยเป็นเพื่อนผม”
ผู้ช่วยของเฉิงจื่อเซียวที่อยุู่ข้างๆก็ตกตะลึง ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง เขาจึงรีบแนะนำว่า “ประธานเสี่ยวเฉิง อย่าก่อเรื่อง……”
“ฉันไม่ได้ก่อเรื่อง” เฉิงจื่อเซียวเลิกคิ้ว เขายังคงจ้องมองหร่วนซือซือด้วยรอยยิ้ม
หร่วนซือซือรู้สึกชาหนังศีรษะ คุณชายตระกูลร่ำรวยที่ไหนจะมาเจรจาพูดคุย ทำไมรู้สึกเหมือนว่าเขากำลังเย้าแหย่?
เธอสูดหายใจเข้า ยิ้มและพูดว่า “พอดีเลยตอนนี้ฉันไม่มีงานอื่น สามารถคุยเป้นเพื่อนท่านประธานเสี่ยวเฉิงได้”
เฉิงจื่อเซียวตบที่โซฟาข้างๆเขา “มานั่งตรงนี้สิ”
หร่วนซือซือกำหมัดแน่นและเดินไปนั่งที่โซฟาช้าๆ
เฉิงจื่อเซียวมองเธอแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ผู้ช่วยหร่วนอายุเท่าไหร่?มีแฟนรึยัง?”
หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าลึกๆ “ประธานเสี่ยวเฉิง เวลางานไม่ตอบคำถามเรื่องส่วนตัวค่ะ”
เขายิ้มและพูดว่า “งั้นโอเค ผมจะเก็บคำถามสองข้อนี้ไว้ผมรอให้คุณเลิกงานก่อนแล้วจะถามอีกครั้ง”
ในขณะที่เขาพูดเขาหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบแล้วพูดเบาๆว่า “ผู้ช่วยหร่วน ดูเหมือนว่าน้ำชาจะเย็นแล้ว”
หร่วนซือซือเหลือบมองไปที่น้ำชาอย่างสงสัย “เย็นแล้วหรอ?”
เฉิงจื่อเซียวสีหน้าเปลี่ยน เขายิ้มและพูดว่า “ใช่ ฉันรู้สึกว่ามันเย็นแล้ว ผมชอบดื่มร้อนๆ”
“งั้นฉันจะไปเปลี่ยนถ้วยใหม่ให้ประธานเสี่ยวเฉิงค่ะ”
ในขณะที่พูดเธอก็ลุกขึ้นยืน แล้วถือแก้วออกไปจากห้องรับแขก
แค่นี้เธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเมิ่งจื่อหันถึงไม่มาต้อนรับด้วยตัวเอง แต่กลับให้เธอมาต้อนรับประธานเฉิงคนเดียว ที่แท้เขาก็เซ้าซี้อย่างนี้!
หลังจากชงชาร้อนๆมาใหม่ หร่วนซือซือก็ยกถ้วยชากลับไปที่ห้องรับแขก และส่งให้เฉิงจื่อเซียว เธอพูดอย่างฝืนใจ “ประธานเสี่ยวเฉิง คุณลองจิบดูว่าระดับความร้อนได้ไหน?”
เฉิงจื่อเซียวรับถ้วยชา และลองจิบดู เขาขมวดคิ้วทันที “ร้อนมากเกินไป”
ในขณะที่พูดเขาก็ยื่นถ้วยให้หร่วนซือซือ และยิ้มอย่างไม่มีพิษภัย “งั้นผู้ช่วยหร่วนช่วยเป่าให้ฉันหน่อย?”
เมื่อหร่วนซือซือได้ยินอย่านั้น ขมับของเธอก็เต้นโดยไม่ได้ตั้งใจ เฉิงจื่อเซียวคนนี้กำลังท้าทายขีดจำกัดความอดทนของเธอจริงๆ!
เธอกัดฟัน แล้วก็ยื่นมือไปหยิบถ้วยชามาทำท่าเป่า
ผู้ช่วยของเฉิงจื่อเซียวทดดูไม่ได้อีกต่อไป เขากะแอนในลำคอ “ประธานเสี่ยวเฉิง ดูเอกสารอีกหน่อยเถอะ……”
เขายังพูดไม่ทันจบ เฉิงจื่อเซียวก็หันกลับไปกลอกตาใส่เขา “ไม่เห็นว่าฉันกำลังเย้าแหย่สาวอยู่หรอ?หุบปาก!”
เมื่อได้ยิน “เย้าแหย่” สองคำนี้ หร่วนซือซือก็ตกใจจนถ้วยชาในมือสั่นโดยไม่รู้ตัว และชาร้อนก็กระเด็นออกมาจากถ้วย
“ฟ่อ——”
เฉิงจื่อเซียวที่อยู่ด้านข้างก็อ้าปากค้างและขมวดคิ้ว หร่วนซือซือก้มหน้าลงและพบว่าน้ำหกกระเด็นโดนแขนของเขาพอดี!
หร่วนซือซือตกใจแล้วรีบวางถ้วยชาลง “ขอ…ขอโทษค่ะ!ลวกมือรึเปล่าคะ!”
ในขณะที่พูดเธอก็ยื่นมือไปจับแขนของเฉิงจื่อเซียว และดึงแขนเสื้อของเขาขึ้น แน่นอนว่าแขนของเขามีรอยลวกสีแดงๆ
“คุณรอเดี๋ยวนะคะ”
หร่วนซือซือรีบลุกขึ้นและเดินออกจากห้องรับแขกทันที เธอกลับมาพร้อมถุงน้ำแข็งในมือ “ประคบไว้ก่อน ไม่งั้นมันจะยิ่งรุนแรง”
ในขณะที่พูดเธอก็ดึงมือของเฉิงจื่อเซียว แล้วใช้ถุงน้ำแข็งประคบรอยแดง
เฉิงจื่อเซียวหรี่ตาและจ้องมองหน้าเธอ และรอยยิ้มที่ดูสนใจก็ปรากฏบนใบหน้าของเขา
เฉิงจื่อเซียวเป็นเพลย์บอยที่มีชื่อเสียง เขาชอบเย้าแหย่เด็กผู้หญิงเป็นที่สุด ถ้าเขาอารมณ์ไม่ดีก็จะรังแกเด็กผู้หญิงจนร้องไห้ถึงจะหยุด แต่ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเขานั้นต่างกัน ถ้าหลีกลี่ยงเขาไม่ได้ ก็ต้องประจบประแจงเขา
และหร่วนซือซือก็แตกต่างจากผู้หญิงเหล่านั้น
เขาหัวเราะเบาๆและถามว่า “ผู้ช่วยหร่วน วันนี้หลังเลิกงานว่างไหม?”
หร่วนซือซือตอบอย่างไม่ลังเล “ไม่ว่างค่ะ”
เมื่อได้ยินสองคำนี้ เฉิงจื่อเซียวก็ไม่แปลกใจ แววตาของเขาล้ำลึก
ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าที่หน้าประตู จากนั้นผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆเฉิงจื่อเซียวก็พูดขึ้นมาว่า “ประธานเสี่ยวเฉิง ประธานอวี้มาแล้ว”
เมื่อได้ยินคำว่า “ประธานอวี้” ถุงน้ำแข็งในมือของหร่วนซือซือก็สั่นทันที เธอเงยหน้าขึ้น และเห็นอวี้อี่มั่วยืนมองพวกเขาด้วยสายที่เย็นชาอยู่ที่ประตู
วินาทีต่อมาเธอรีบถอยมือที่ถือถุงน้ำแข็งออกแล้วลุกขึ้นยืน “ประธานอวี้……”
ตรงกันข้ามกับเฉิงจื่อเซียวที่สงบลงมาก เขาเลิกคิ้วและมองไปที่อวี้อี่มั่ว จากนั้นก็มองหร่วนซือซือ “ผู้ช่วยหร่วน คุณทำน้ำร้อนลวกผม คุณคงต้องรับผิดชอบให้ถึงที่สุด”
ไม่รู้ว่าเขาจงใจหรือไม่ เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ยืดเยื้อ ทำให้คนที่ได้ยินอดไม่ได้ที่จะคิดไปไกล
แน่นอนว่าอวี้อี่มั่วยืนอยู่ที่ประตูด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม เขาขมวดคิ้วและมองไปที่เฉิงจื่อเซียวด้วยสายตาที่เย็นชา
หร่วนซือซือรู้ว่าตัวเองไม่เหมาะที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป เธอจึงวางถุงน้ำแข็งลงและพูดเบา ๆ ว่า “ในเมื่อประธานอวี้มาแล้ว ฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”
หลังจากพูดจบเธอก็ก้มหน้าเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเธอเดินผ่านอวี้อี่มั่ว เธอรับรู้ได้ถึงพลังงานบางอย่างบนตัวของเขา เธอกลัวจนไม่กล้าหายใจแรง
หลังออกมาจากห้องรับแขก เธอก็ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก
หร่วนซือซือหันไปมองตู้เยี่ยที่เดินตามมา
“ผู้ช่วยตู้ มีอะไรหรอ?”
ตู้เยี่ยเดินมาข้างหน้าด้วยแววตาที่สับสน “ประธานอวี้บอกว่าให้คุณไปรอเขาที่ล็อบบี้ข้างๆห้องรับแขก เขาบอกว่าหลังจากเขาประชุมเสร็จแล้ว มีเรื่องจะคุยกับคุณ”
เมื่อหร่วนซือซือได้ยินอย่างนั้น ใจของธอก็หล่นลงไปทันที
อวี้อี่มั่วจะคุยอะไรกับเธอ?ทำไมเธอรู้สึกไม่สบายใจอย่างนี้?