ดั่งรักบันดาล - ตอนที่ 42
คุณหลานมองเห็นการแสดงออกของเธอ สีหน้าก็ดูไม่ดีมากกว่าเดิม“หร่วนซือซือ มาถึงตอนนี้แล้วเธอยังเสแสร้งอะไรอีก?”
ถูกเธอพูดรุนแรงขนาดนี้ หร่วนซือซือก็ไม่มีความมั่นใจไปชั่วขณะ“คุณหลาน ฉันไม่รู้จริงๆว่าคุณกำลังพูดเรื่องอะไร…”
“ไม่รู้เหรอ?ดี ฉันจะเอาออกมาให้เธอดู!”คุณหลานพูดพลาง เปิดโทรศัพท์ เข้าไปในกลุ่มพูดคุยของบริษัท นำมาวางไว้บนโต๊ะ
หร่วนซือซือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างลังเล รอจนเธอเห็นรูปภาพบนโทรศัพท์ชัดเจน สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
รูปภาพคือตอนเย็นที่เธอกับอวี้อี่มั่วอยู่หน้าคลับเฮ้าส์เจียหยุน เห็นได้ชัดว่าแอบถ่าย เพียงแต่สามารถมองออกว่าเป็นอวี้อี่มั่วกับเธอ ในรูปเธอกำลังดึงมุมเสื้อของผู้ชาย ดูค่อนข้างจะคลุมเครือ
ถ้าหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ทุกคนก็แค่ซุบซิบนินทาเท่านั้นเอง แต่คนที่เธอดึงคือประธานของอวี้กรุ๊ป——อวี้อี่มั่ว!รูปภาพเหล่านี้อาจจะทำให้เกิดความวุ่นวายภายในบริษัท
หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าลึกๆ เห็นได้ชัดว่าคิดไม่ถึงว่าเธอกับอวี้อี่มั่วจะสามารถถูกแอบถ่าย และยิ่งคิดไม่ถึงว่ารูปเหล่านี้จะถูกส่งเข้ามาในบริษัทแล้ว!
เธอวางโทรศัพท์ลง สูดหายใจเข้าลึกๆ พูดเสียงเบา“เมื่อวานฉันบังเอิญพบกับท่านประธานอวี้ แต่แค่บังเอิญพบกันเท่านั้นเอง เขาช่วยแก้ปัญหาให้ฉัน ตอนนั้นฉันอยากขอบคุณเขา…ไม่ได้มีอย่างอื่น”
พูดจบ เธอก็ก้มหน้าลง ความรู้สึกซับซ้อน
เธอไม่ได้อยากจะพูดโกหก แต่ความสัมพันธ์ของเธอกับอวี้อี่มั่วไม่สามารถเปิดเผยได้ เมื่อเปิดเผย จะต้องมีผลกระทบที่ตามมากับอวี้อี่มั่วแน่นอน ดังนั้น หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ เธอจำเป็นต้องพูดโกหก
คุณหลานได้ฟัง จ้องมองเธอแล้วมองอีก สุดท้ายจึงเปิดปากถาม“ไม่ได้หน้าด้านไร้ยางอาย?”
หร่วนซือซือพูดอย่างไม่ลังเล“ไม่ใช่”
คุณหลานพูดอย่างจริงจัง“ในเมื่อไม่ใช่ งั้นเธอก็ต้องหาวิธีอธิบายให้ชัดเจน ตอนนี้เรื่องนี้ทำให้เกิดผลกระทบที่ไม่ดีอย่างมากภายในบริษัท ฉันไม่อยากฟังเพื่อนร่วมงานในแผนกกระซิบกระซาบ มีผลกระทบต่อการทำงาน เข้าใจไหม?”
หร่วนซือซือพยักหน้าตอบ“ฉันรู้แล้วค่ะ”
พูดจบ คุณหลานโบกมือ“พอได้แล้ว เธอออกไปเถอะ”
หร่วนซือซือออกมาจากห้องประชุมด้วยความรู้สึกตกต่ำ ก้าวเท้าเดินตรงไปที่ห้องทำงานของตัวเอง ไม่นาน เธอเพิ่งจะคิดออก ว่าทำไมทุกคนถึงมองเธอด้วยสายตาแปลกๆตอนที่เธอเพิ่งจะเข้าห้องประชุม
เดิมที ทุกคนก็รู้หมดแล้ว ก็มีแค่เธอคนเดียวที่โง่เขลา
ทันใดนั้นหร่วนซือซือก็คิดอะไรขึ้นมาได้ หยิบโทรศัพท์ออกมา ตรวจดูในกลุ่มของบริษัท กลุ่มทำงาน เป็นไปอย่างที่คิด ในกลุ่มพูดคุยกันในเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับอวี้อี่มั่วเยอะมาก ยังมีคนพูดว่าเป็นเพราะว่าเธอหน้าด้านไร้ยางอาย อวี้อี่มั่วเพื่อจะได้ไล่เธอ ดังนั้นนี้จึงเป็นเหตุผลที่เลื่อนตำแหน่งให้เธอ
ปากคนยาวกว่าปากกา เป็นครั้งแรกที่หร่วนซือซือมีความสามารถคิดขึ้นได้ถึงสุภาษิตคำนี้
เดินผ่านเขตห้องทำงานแผนกบริหาร เธอรู้สึกถึงสายตาของเพื่อนร่วมงานแอบเพ่งมองเธอ มีเสียงหัวเราะที่ข่มเอาไว้ ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่
หร่วนซือซือหายใจเข้าลึกๆ เพียงแค่อย่างเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น หนีไปจากที่ตรงนี้ แต่ในเวลานี้ก็มีคนเรียกเธอ
“หร่วนซือซือ”
หร่วนซือซือมองไปตามเสียง มองเห็นเมิ่งจื่อหันกำลังถือเอกสาร ยืนอยู่กลางพื้นที่เขตสำนักงานสาธารณะ จ้องมองเธออยู่
เธอเสแสร้งถามด้วยความสงบ“คุณจื่อหัน มีธุระอะไรไหม?”
“มี”เมิ่งจื่อหันนำเอกสารส่งให้เพื่อนร่วมงานที่อยู่ข้างๆ เดินตรงมาที่เธอ“ช่วงนี้งานในแผนกมีเยอะมาก ฉันต้องการให้เธอแบ่งเบาภาระสักหน่อย เพียงแต่ตอนนี้ฉันไม่รู้ชัดเจน งานแรกของเธอคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว?ของขวัญเทศกาลวันหยุดยืนยันหรือยัง?”
จัดการของขวัญเทศกาลวันหยุด สำหรับเธอคิดว่าเป็นเรื่องงาน สำหรับพนักงานคนอื่นในบริษัทก็คือสวัสดีการ เพื่อนร่วมงานที่อยู่ด้านข้างได้ยินเมิ่งจื่อหันเอ่ยถึงเรื่องนี้ ทุกคนก็พาหูผึ่งกันแอบฟัง
หร่วนซือซือรายงานตามความเป็นจริง“ใกล้จะเสร็จแล้ว ร่วมมือกับบริษัทเทียนเยี่ย ฉันหาเวลาไปพูดคุยรายละเอียดกับอีกฝ่ายนิดหน่อย ก็สามารถเซ็นสัญญาได้แล้ว”
เดิมทีเมิ่งจื่อหันคิดว่าหร่วนซือซือจะเขินอายพูดไม่ออก ถึงอย่างไรงานนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่คิดไม่ถึงว่าหร่วนซือซือไม่เพียงแต่พูดออกมา และยังทำงานเสร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง
เธอชะงักไปเล็กน้อย หลังจากนั้นก็กระตุกมุมปาก“ใช่เหรอ? ประธานของบริษัทเทียนเยี่ยไม่ได้จัดการได้ง่ายขนาดนั้นงบประมาณของพวกเราก็ไม่เยอะ ไม่รู้ว่าปีนี้เธอจะสามารถทำให้ทุกคนประหลาดใจได้ไหม”
หร่วนซือซือพูดเสียงเบา“ของขวัญก็เป็นสวัสดิการที่ให้กับทุกคน ประหลาดใจหรือไม่ประหลาดใจฉันก็รับรองไม่ได้หรอก แต่เรื่องที่ยืนยันได้ก็คือ จะไม่แย่กว่าปีที่แล้วแน่นอน”
ในที่สุดเธอก็ยืนยันว่าในของขวัญ ปีนี้ของทุกอย่างที่อยู่ในกล่องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมที่สุด แต่ของพวกนี้ก็เป็นน้ำใจ เธอไม่สามารถรับรองได้ว่าทุกคนจะชอบไหม
เมิ่งจื่อหันยิ้ม ทันใดนั้นก็เปิดปากถาม“ซือซือ เธอจะไม่บอกกับพวกเราหน่อยเหรอ ทำไมเธอถึงจัดการงานได้สำเร็จเพียงคนเดียว ให้พวกเราทุกคนได้เรียนรู้สักหน่อย”
คำพูดนี้ของเธอ คนที่อยู่ด้านข้างก็ขานรับ“ใช่แล้วใช่แล้ว ให้พวกเราทุกคนได้เรียนรู้จากเธอ!”
เสียงที่ขานรับ ก็เป็นเสียงคละปนกันไป“เรียนรู้อะไร เดาว่าเป็นความหน้าด้านไร้ยางอายที่ไปขอร้องมาสิ!”
ประโยคนี้พูดออกมา พวกเพื่อนร่วมงานที่อยู่ด้านข้างก็พากันหัวเราะ
หร่วนซือซือยืนอยู่ที่เดิม ฟังความหมายของคำพูดของพวกเขาได้ชัดเจน พวกเขากำลังดูถูกเธอ เรื่องที่เธอพัวพันกับอวี้อี่มั่ว
เมิ่งจื่อหันได้ฟัง ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม เธอเลิกคิ้ว จงใจถามหร่วนซือซือ“ซือซือ จริงเหรอ?”
ตอนนี้ทุกคนกำลังจ้องดู หร่วนซือซือแก้มร้อนผ่าว เหมือนกับถูกคนตบหน้า เธอกัดริมฝีปากแน่น หมุนตัวกลับ เร่งฝีเท้าตรงไปที่ห้องทำงาน
กลับมาถึงห้องทำงาน หร่วนซือซือความรู้สึกแย่มาก แต่ก็ไม่มีวิธี
เธอไม่รู้ว่ารูปภาพเหล่านั้นใครเป็นคนถ่าย และก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนปล่อยออกมา ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะคิดวิธีจะลบภาพพวกนั้นก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้ในบริษัท ทุกคนรู้หมดแล้ว เธอจะมีวิธีอะไรอีกล่ะ?”
หลังจากผ่านหนึ่งวันที่ยุ่งเหยิง เมื่อถึงเวลาเลิกงาน หร่วนซือซือจงใจกลับช้าครึ่งชั่วโมง ก็คือหลีกเลี่ยงชั่วโมงเร่งด่วน เพื่อไม่ถูกทุกคนนินทาลับหลัง
มองเห็นว่าในบริษัทคนไม่เยอะแล้ว หร่วนซือซือจึงเก็บของเตรียมตัวเลิกงาน เธอเพิ่งจะเดินมาถึงหน้าประตูลิฟท์ ก็มองเห็นเสี่ยวหานเพื่อนร่วมงานแผนกเดียวกัน
เสี่ยวหานมองเห็นเธอ ก็เปิดปากถาม“ซือซือ เธอก็ทำโอทีเหรอ?”
หร่วนซือซือพยักหน้า“อืม มีงานบางอย่างยังทำไม่เสร็จ”
ลิฟท์มาพอดี เสี่ยวหานดึงเธอเข้าไปในลิฟท์ด้วยกัน ในลิฟท์มีแค่พวกเธอสองคน รอจนลิฟต์ปิดเข้าหากัน เสี่ยวหานก็อดทนไม่ไหวถามออกไป“ซือซือ ในกลุ่มที่พูดคุยกันเรื่องเหล่านั้น น่าจะไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม?”
ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ของเธอกับเสี่ยวหานก็ถือว่าไม่เลว ตอนนี้ก็จะไม่พูดก็ไม่ได้ เธออธิบายเสียงเบา“ฉันบังเอิญพบกับประธานอวี้ เขาช่วยฉัน ไม่เหมือนกับในกลุ่มที่พูดกัน เธออย่าไปคิดมาก”
เสี่ยวหานได้ฟัง ก็พยักหน้าอย่างจริงจัง“ฉันไม่ได้คิดเยอะ แต่ว่าตอนนี้เพื่อนในที่ทำงานพูดเหลวไหลกันหมดแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ก็มีผลกระทบที่ไม่ดีกับเธอ!”
“และ…”
เสี่ยวหานยังอยากพูดอะไรอีก แต่ว่าคำพูดก็หยุดไป
หร่วนซือซือเลิกคิ้วขึ้น หันหน้ากลับไปมองเธอ“และอะไร?”
“และถ้าหากเรื่องพวกนี้ไปเข้าหูผู้บริหารระดับสูงกับผู้ถือหุ้น กลัวว่าจะมีผลกระทบกับประธานอวี้…”
หร่วนซือซือได้ฟัง เสียงในใจดัง“ปัง”เหมือนกับถูกหินก้อนใหญ่ทับลงมาบนหน้าอก
ถ้าหากเรื่องนี้มีผลกระทบกับเธอก็ช่างมัน แต่ใครจะรู้ว่าอาจมีผลกระทบกับอวี้อี่มั่ว!
ถ้าหากเป็นเพราะว่าเรื่องนี้ทำให้อวี้อี่มั่วเดือนร้อนโดยไม่จำเป็น ในใจของเธอก็รู้สึกเสียใจอย่างแน่นอน!