ดั่งรักบันดาล - ตอนที่ 40
ทันใดนั้นห้องรับรองก็ถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบสนิทอยู่ไม่กี่วินาที บรรยากาศอึมครึมจนน่ากลัว
หร่วนซือซือมีปฏิกิริยาตอบกลับทันที รีบหยิบผ้าเช็ดมือที่อยู่ข้างๆ ช่วยเช็ดทำความสะอาดคราบที่อยู่บนตัวหม่า “ขออภัยด้วยค่ะ ขออภัย ฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะ! ”
ประธานโจวโถมความโกรธขึ้งเข้าใส่เธอ “เธอทำงานยังไงวะ! มือไม่ หรือไม่ได้ลืมตาดู! รินเหล้าแล้วยังรินจนหกเรี่ยราดไปหมดได้! ”
หม่าเฮ่อเฟิงยกมือขึ้นปราม น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น เอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า “พอแล้วได้ปประธานโจว ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร”
หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าเต็มปอด มองไปที่หม่าเฮ่อเฟิงแล้วจึงเอ่ยพูดว่า “ประธานหม่าคะ รบกวนท่านช่วยตามฉันออกมาเพื่อที่ฉันจะได้ช่วยจัดการให้ท่านเองค่ะ เรื่องนี้อันที่จริงแล้วเป็นความผิดพลาดของฉัน ถ้าหากว่าฉันไม่จัดการให้ดี เกรงว่าจะได้รับการลงโทษจากผู้จัดการค่ะ ได้โปรดขอความกรุณาให้โอกาสฉันด้วยนะคะ”
หม่าเฮ่อเฟิงได้ยินดังว่า เงยหน้าขึ้นมองเธอ นิ่งไปเสี้ยววินาทีแล้วจึงพยักหน้า “ได้”
ขณะที่พูดเขาก็ลุกขึ้นยืน ยิ้มให้กับทุกคนที่อยู่ในห้องรับรองแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ดื่มกันไปก่อนเลย เดี๋ยวขอตัวสักครู่อีกสักพักก็กลับมาแล้ว”
พูดจบเขาก็สาวเท้าเดินไปที่ประตู หร่วนซือซือรีบเดินนำหน้าแล้วเปิดประตูค้างไว้ให้
ทันทีที่ออกมาจากห้องรับรอง หม่าเฮ่อเฟิงก็หันหลังกลับมาจ้องเธอ พูดอย่างเย็นชาว่า “เธอไม่ใช่พนักงานของที่นี่ มาหาฉันทำไม”
หร่วนซือซือนิ่งชะงักไป ไม่คาดคิดว่าหม่าเฮ่อเฟิงจะดูเธอออก!
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ในใจยังคงเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ “ทำไมท่านถึงพูดเช่นนี้ล่ะคะ”
หม่าพูดอย่างเคร่งขรึม “พนักงานบริการของคลับเฮาส์เจียหยุนล้วนแล้วแต่ต้องผ่านการการฝึกอบรมมาอย่างมืออาชีพ แต่เธอกลับดูแล้วไม่ใช่เช่นนั้นเลย”
หร่วนซือซือได้ยินดังว่าลมหายใจก็พลันเย็นเยียบ ไม่คิดเลยว่าหม่าเฮ่อเฟิงผู้นี้ จะมีไหวพริบชาญฉลาดมากกว่าที่เธอคาดการณ์เอาไว้ ถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว ก็เกรงว่าเขาจะไม่รับข้อเสนอซื้อขายนี้ของเธอ ทว่าเธอเองก็ยังมีไพ่ตายอีกหนึ่งอย่างเหลือไว้
กัดริมฝีปากแน่นแล้วจึงเรียกความกล้าในกายออกมา เงยหน้าขึ้นมองหม่าเฮ่อเฟิง “ท่านประธานหม่า ท่านช่างมีความชาญฉลาดเป็นอย่างมาก อันที่จริงแล้วฉันไม่ใช่พนักงานของที่นี่ ฉันเป็นผู้ช่วยอวี้กรุ๊ป ตั้งใจมาพบท่านเพื่อคุยเรื่องค้าขายทำธุรกิจค่ะ”
“ค้าขายอะไร”
“ก่อนหน้านี้ฉันได้ไปที่บริษัทของท่านแล้วพูดคุยผู้จัดการเรื่องคำสั่งซือกล่องของขวัญของวันหยุดเทศกาลเดือนนี้ แต่เขากลับมีความเห็นว่าราคานั้นไม่เหมาะสม จึงไม่ได้รับข้อเสนอนั้นไป ที่ฉันมานั้นก็เพื่อมองหาโอกาสในการร่วมธุรกิจกันอีกครั้งหนึ่งค่ะท่าน”
หม่าเฮ่อเฟิงพูดตามแบบฉบับที่คนมักจะพูดกันโดยทั่วไป “ที่บริษัทพวกเธอเสนอให้มานั้นฉันไปดูไปแล้ว ราคาที่เสนอต่ำเกินไป อีกทั้งตอนนี้คำสั่งซื้อที่เรามีอยู่ก็ไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่จำเป็นที่จะต้องตัดเลือดเนื้อตัวเอง ทำการซื้อขายที่ไม่ได้กำไรนัก”
“ฉันรู้ค่ะ เพราะฉะนั้นฉันจึงคิดที่จะมาเสนออีกรอบ และที่ฉันมาในครั้งนี้นั้น ก็มีข่าวที่คุ้มค่ามาเรียนให้ท่านทราบค่ะ”
“ข่าวที่คุ้มค่าอะไรกัน”
“เกี่ยวกับประธานโจวที่อยู่ในห้องรับรองเมื่อสักครู่นี้ค่ะ ช่วงนี้ท่านจะจับมือทำธุรกิจร่วมกันกับเขาใช่ไหมคะ”
หม่าเฮ่อเฟิงขมวดคิ้วมุ่นเล็กน้อย “ทำไมเธอถึงรู้ได้”
หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าเต็มปอด ถ่ายทอดเรื่องราวที่ตนพึ่งได้ยินมาจากตรงหัวมุมให้หม่าเฮ่อเฟิงฟัง และเป็นไปดังคาดสีหน้าของเขานั้นเคร่งขรึมขึ้นมากยิ่งกว่าเดิม
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเรื่องนี้อยู่นอกเหนือจากการรับรู้ที่เขามีอยู่
หร่วนซือซือแสร้งทำเป็นใจสงบ เอ่ยปากถามขึ้นมาว่า “ประธานหม่าคะ ข้อมูลอันมีค่านี้ คงจะถือว่าได้ให้ประโยชน์กับท่านมากกว่าข้อเรียกร้องที่ทางเราต้องการเสียอีกใช่ไหมคะ”
นัย์ตาของหม่าเฮ่อเฟิงขรึมจนเข้มเสียยิ่งกว่าอะไร “ฉันจะเชื่อเธอได้อย่างไร”
“จะเชื่อฉันก็ได้ หรือจะไม่เชื่อก็แล้วแต่ท่านค่ะ เอาเป็นว่าได้ถ่ายทอดข้อมูลออกไปสำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว ฉันเองก็ไม่มีอะไรค้างคาในใจแล้ว ถ้าประธานหม่าไม่สามารถรับคำสั่งซื้อของทางเราได้จริงๆ ก็ไม่มีอะไรจะให้เอ่ยแล้วค่ะ แล้วก็การที่จะมาร่วมมือทำธุรกิจร่วมกับอวี้กรุ๊ปแล้วนั้น เมื่อมองการณ์ไกลแล้วท่านจะไม่มีวันลำบากเสียใจเป็นแน่ค่ะ จริงไหมคะท่าน”
ได้ยินหร่วนซือซือพูดดังว่าแล้ว สีหน้าของหม่าเฮ่อเฟิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย ความเงียบอันน่าอึดอัดปกคลุมอยู่ไม่กี่วินาที น้ำเสียงของเขาก็ผ่อนคลายลงไปมาก “ที่ประธานโจวมีความเห็นอย่างไรกับฉันนั้น ฉันเองก็รู้มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ไม่คิดเลยว่ารอบนี้เขาอยากจะจัดฉากใส่ความกัน ฉันเชื่อคำพูดของเธอ เพื่อเป็นการของคุณที่เธอมาเตือนฉันก่อนนั้น ฉันยินยอมรับข้อเสนอคำสั่งซื้อของพวกเธอ ทว่าถ้าหากรอบหน้ายังคิดจะทำธุรกิจกันอยู่ ราคาที่ทางคุณเสนอมาแบบรอบนี้นั้นผมคงตกลงรับไม่ได้จริงๆ ”
หร่วนซือซือได้ยินดังว่าก็มีความปรีดาอยู่เต็มอก เธอสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ “ประธานหม่าคะ! ขอบพระคุณมากค่ะ! ”
หม่าเฮ่อเฟิงเห็นดังนั้น ก็วาดรอยยิ้มลงบนใบหน้า “แต่ว่า ถ้าครั้งหน้าคุณอยากจะพบผมล่ะก็ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีเปิ่นๆ แบบนี้แล้ว”
พูดเสร็จเขาก็หยิบนามบัตรขึ้นมาหนึ่งแผ่นยื่นให้เธอ
หร่วนซือซือยื่นมือไปรับมา พูดด้วยความตื่นเต้น “ได้เลยค่ะ! ประธานหม่า!”
“เดี๋ยวอีกไม่กี่วันผมจะให้ผู้ช่วยติดต่อคุณไป ถ้าอย่างนั้นก็กลับไปได้แล้วล่ะ”
หร่วนซือซือพยักหน้าอยู่หลายครั้งติดต่อกัน มองส่งจนประธานหม่าหายลับเข้าห้องรับรองพิเศษไป เธอถึงจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ไม่คาดคิดเลยว่า จะจัดการเรื่องนี้จนสำเร็จแล้ว!
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าบังเอิญไปได้ยินว่ามีคนอยากจะจัดฉากใส่ความหม่าเฮ่อเฟิงเข้าล่ะก็ เกรงว่าวันนี้เธอก็คงจะไม่มีโอกาสได้คุยกับเขาที่นี่ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ความพยายามของเธอก็ไม่สูญเปล่า!
หร่วนซือซือเก็บนามบัตรอย่างระมัดระวัง รีบสาวเท้าเดินไปห้องพักพนักงานแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยความรวดเร็ว จากนั้นก็เตรียมตัวออกไปจากที่นี่
ลงลิฟต์มาจนถึงชั้นหนึ่ง เท้าเธอพึ่งจะก้าวออกมาจากลิฟต์ได้เพียงไม่กี่ก้าว ก็มีคนเรียกให้เธอหยุดเอาไว้ “เธอ! หยุดอยู่ตรงนั้นนะ! ”
ได้ยินเสียงที่ราวกับเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน หร่วนซือซือก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นกังวลขึ้นมา เพียงแค่หันหน้าไป ก็เห็นผู้จัดการที่สั่งให้เธอเอาเหล้าไปเสิร์ฟเมื่อสักครู่นี้กำลังจ้องมาที่เธอเขม็ง
ทั้งสองคนสบสายตากัน ต่างยืนนิ่งอยู่กับที่ หร่วนซือซือรีบตื่นตัวขึ้นมาทันที ก้าวเท้าอย่างเร็วไปยังทิศทางของประตูทางออกจนกลายเป็นวิ่งเหยาะๆ และผู้จัดการเองก็รีบสาวเท้าตามมาติดๆ
“อย่าหนีนะ! เธอเป็นใครกันแน่! หยุดเลย! ”
ผู้จัดการสับสนมึนงงไปหมด เรื่องนี้มันเป็นมาอย่างไรกันแน่ เขาสั่งให้เธอเอาเหล้าไปเสิร์ฟ ผ่านไปครึ่งวันแล้วลูกค้ายังไม่ได้เหล้าเลย แล้วเผลอเพียงแป๊ปเดียวก็เปลี่ยนชุดจะออกจากคลับเฮาส์ไปแล้ว
หร่วนซือซือได้ยินเสียงฝีเท้าที่ตามเธอมาติดๆ เธอไม่เพียงแต่จะไม่หยุดฝีเท้า ซ้ำกลับเพิ่มความเร็วมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
ถ้าหากว่าวันนี้เธอถูกจับได้เข้าล่ะก็ ผลลัพธ์นั้นคงแย่เสียจนไม่อาจจะคาดคะเนได้เลย
เธอวิ่งจนมาถึงประตูทางออก ใครจะไปคาดคิดได้ว่า จู่ๆ หน่วยรักษาความปลอดภัยก็รวมตัวกันขึ้นมาขวางทางออกที่เธอจะไปออกไปซะได้!
แล้วนี่……จะทำอย่างไรกันดีเนี่ย!
หร่วนซือซือที่ใจกำลังว้าวุ่นสับสนอยู่นั้น เมื่อหมุนตัวกลับไปก็เห็นผู้จักการกำลังโกรธจนควันออกหูเดินมุ่งมาทางเธอ เขาสาวเท้าเดินเข้ามา ปากก็พลางเอ่ยขึ้นมาว่า “หนีดูสิ! เธอยังคิดว่าจะหนีพ้นเหรอ ตอนนี้ทำไมไม่คิดหนีแล้วล่ะ”
ข้างหน้ามีผู้จัดการ ข้างหลังก็มีหน่วยรักษาความปลอดภัย เธอถูกดักทั้งหน้าและหลัง คิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง
ผู้จัดการโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ยืนประจันหน้าเธอ เอ่ยถามอย่างกระโชกโฮกฮาก “อธิบายมา เธอเป็นใครกันแน่ เข้ามาวุ่นวายในคลับเฮาส์ทำไมกัน! ”
หร่วนซือซือเครียดจนเผลอพูดโกหกออกไปโดยไม่ทันคิด “ฉัน…..ฉันมาหาคน…..”
ผู้จัดการสีหน้าเคร่งขรึม “หาใคร มาหาคนแล้วจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนชุดเป็นชุดพนักงานด้วยอย่างงั้นเหรอ เธอมีเป้าหมายอะไรกันแน่ มาขโมยของใช่ไหม! แล้วฉันสั่งให้เธอเอาของไปเสิร์ฟ เธอเอาไปไว้ที่ไหนแล้วหา!”
คำถามที่ถาโถมเข้าใส่เป็นชุด โหมกระหน่ำถามหร่วนซือซือจนเธอไม่อาจตอบได้ทัน เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ พูดอย่างแผ่วเบาว่า “ฉันมาหาคน……จริงๆ นะคะ ไม่มีวิธีอื่นแล้วก็เลยทำไปแบบนั้น…..”
“บอกมา เธอมาหาใครกัน! ”
หร่วนซือซือประสานมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกันจนแน่น ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาเลยแม้แต่น้อย
ถ้าหากว่าเธอพูดชื่อของหม่าเฮ่อเฟิงออกไปล่ะก็ อาจจะต้องดึงเขาเข้ามาพัวพันด้วย ทีนี้แรงพยายามที่เธอทำมาทั้งหมดก็อาจต้องสูญเปล่าไป!
“ไม่พูดใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นฉันก็คงต้องแจ้งตำรวจแล้ว! ”
ผู้จัดการส่งเสียงฮึ่มอย่างเย็นๆ เอ่ยพูดพลางหยิบโทรศัพท์ออกมาหมายจะกดหมายเลขลงไป
หร่วนซือซือตัวสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง สายตาจับจ้องไปที่เขาที่กำลังจะโทรแจ้งตำรวจ ในใจสับสนยิ่งเข้าไปอีก “ฉัน..ฉันจะบอกค่ะ! ”
ขณะนั้นเอง ในสมองเธอก็นึกออกเพียงแค่ชื่อชื่อเดียวเท่านั้น ก็คืออวี้อี่มั่ว
ถ้าหากเอ่ยชื่ออวี้อี่มั่วออกไป ผู้จัดการจะยอมปล่อยเธอไปไหมนะ
“ใคร?”
หร่วนซือซือหายใจเข้าลึกๆ “ฉัน ฉันมาหาอวี้อี่มั่ว”
ผู้จัดการแค่นหัวเราะ “ใครนะ อวี้อี่มั่ว? เธอหลอกใครอยู่ห๊ะ! ดูแล้วเธอก็กล้าไม่เบาเลยนะ กล้าอ้างชื่อนั้นออกมาได้อย่างไร! โกหกแถต่อไปได้เรื่อยๆ เลยนะ ยังไงวันนี้ฉันก็จะแจ้งตำรวจให้ได้! ”
พูดแล้วเขาก็ถือโทรศัพท์คิดจะกดหมายเลขลงไป
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงผู้ชายอันนิ่งเยียบดังขึ้นมาจากทางด้านหนึ่ง “เธอมาหาผมเอง! ”