ดั่งรักบันดาล - ตอนที่ 4
“ฉันไม่ได้กำลังฝันอยู่ใช่ไหม?”
หร่วนซือซือนอนอยู่บนเตียง นำทะเบียนสมรสชูขึ้นเหนือศีรษะ บ่นกับตัวเอง
ตอนนี้ ในสมองหร่วนซือซือสับสนยุ่งเหยิง ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงประโยคสุดท้ายของอวี้อี่มั่วพูดกับเธอบนรถ
อวี้อี่มั่วพูดว่า อะไรก็สามารถให้เธอได้ทุกอย่าง จะมีเพียง ความรักเท่านั้นที่ไม่มี
ความจริงถ้าคิดอย่างรอบคอบ เธอก็ไม่ใช่เช่นนั้นเหรอ?
เมื่อสองปีก่อน การทรยศที่น่าอับอายนั้น เธอสูญเสียความหวังความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงไปแล้ว
แม้กระทั่งหร่วนซือซือชั่วชีวิตนี้เธอไม่อาจจะรักคนอื่นอีกแล้ว
ไม่อย่างนั้น เธอก็ไม่สามารถที่จะนัดดูตัว
ในเมื่อคนสองคนไปนัดดูตัว ทั้งหมดก็นำความต้องการของตัวเองพูดออกมา ไม่ได้มีความรู้สึกใดๆ
การสมรส เพียงแค่ให้คนภายนอกได้เห็น พิสูจน์แล้วว่าตัวเองก็มีชีวิตที่“ปกติ”
คิดมาถึงตรงนี้ หร่วนซือซือก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก
เธอสามารถจะจดทะเบียนกับอวี้อี่มั่วได้ ถึงแม้ว่าจะเกินความคาดหมาย แต่นี้ก็เป็นการสมรสตามที่เธอเคยได้วางแผนไว้ก่อนหน้านี้ไว้แบบนี้เหมือนกัน ไม่พูดคุยกันเรื่องความรัก เพียงแค่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
เธอมีอะไรจะต้องกังวลล่ะ?
หร่วนซือซือปลอบใจตัวเองสักพัก ก็ดึงผ้านวมคลุมศีรษะและนอนหลับไป
จนกระทั่งเธอตื่นขึ้นมา ก็เป็นเวลาห้าโมงกว่าตอนเย็นแล้ว พระอาทิตย์ในยามเย็นกำลังจะลับขอบฟ้า แสงของพระอาทิตย์ส่องมาที่หัวเตียงของหร่วนซือซือ
หร่วนซือซือขยี้ตา ท่าทางเหมือนกับยังไม่ได้ตื่นนอน
“เสี่ยวอวี้ ใช่ไหม มา ดื่มน้ำ กินแอปเปิ้ล ของพวกนี้ฉันเป็นคนไปซื้อที่ตลาดเมื่อตอนเช้า แต่ยังสดใหม่อยู่”
พอดีกับที่หร่วนซือซือกำลังคิดใคร่ครวญว่าจะนอนหรือไม่นอนต่อ เสียงของแม่ที่กระตือรือร้นดังขึ้นอยู่ด้านนอกประตู ทำให้หร่วนซือซือสั่นเท่า
เสี่ยวอวี้?ดื่มน้ำ?กินแอปเปิ้ล?
นี้คือมีแขกมาที่บ้านเหรอ?
หร่วนซือซือเกาศีรษะ ช้าลงเล็กน้อย จึงคิดขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว อวี้อี่มั่วเคยพูดว่าจะมาที่บ้าน
หรือว่าเสี่ยวอวี้ก็คือประธานอวี้!
หร่วนซือซือรีบพุ่งออกไปเหมือนกับจรวด เพิ่งจะเปิดประตู ก็ปะทะเข้ากับคุณนายหลิวที่กำลังจะเคาะประตูพร้อมถือจานผลไม้
คุณนายหลิวมองบนให้กับลูกสาวที่งี่เง่าของตัวเอง หลังจากนั้นก็รีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นรอยยิ้มของมารดา น้ำเสียงไม่เบาและไม่ดัง“ซือซือ ลูกออกมาพอดี เสี่ยวอวี้มาแล้ว ลูกรีบออกมานั่งคุยเป็นเพื่อนเขาสิ”
ได้ยินแม่เธอพูดแบบนี้ ในใจหร่วนซือซือก็ตกตะลึงเล็กน้อย มองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังโดยไม่รู้ตัว หกโมงตรงพอดี
เขามาแล้วจริงๆ!และยังตรงเวลาจริงๆ
หร่วนซือซือยิ้มอย่างเก้อเขิน อาการชั่ววูบอยากกลับเข้าไปหลบซ่อนอยู่ในห้อง แต่คุณนายหลิวตาไวมือไว คว้าแขนหร่วนซือซือเอาไว้ พาหร่วนซือซือจับมาส่งถึงห้องรับแขกที่โซฟาตรงหน้าของอวี้อี่มั่ว
“พวกเธอพูดคุยกันเถอะ ฉันไปทำกับข้าว”หลังจากที่คุณนายหลิวพูดจบ ก็ออกไปทันที
บรรยากาศภายในห้องรับแขกชั่วพริบตาเดียวก็แข็งตัวขึ้นมา
หร่วนซือซือยืนแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ตอนนี้ไม่รู้ควรจะทำอย่างไร แม้แต่สายตาเธอก็ไม่รู้ว่าควรจะมองไปที่ไหน บางครั้งมองดูที่ปลายเท้า บางครั้งชำเลืองตามองไปที่อวี้อี่มั่ว
ตอนนี้อวี้อี่มั่วสวมใส่ชุดกีฬาสีขาวเทาทั้งชุด ทั่วทั้งตัวมองดูเหมือนมั่นคงและยังแข็งแรง ดูดีกว่าใส่เสื้อสูทและเนคไทสีขาวดูเป็นกันเองกว่าตอนกลางวันเยอะมาก
นี่เขากลับไป ตั้งใจเปลี่ยนเสื้อผ้า?
ความรู้สึกนึกคิดของหร่วนซือซือก็เริ่มครุ่นคิดอีกครั้ง
“ซือซือ”
อวี้อี่มั่วเปิดปากพูด ทำลายบรรยากาศที่เงียบสงบลง
หร่วนซือซือเงยหน้าขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว หลุดปากตอบออกไป“ประธานอวี้”
พูดจบ หร่วนซือซือรู้สึกว่าไม่ถูก ก่อนหน้านี้เธอยังไม่ได้บอกอวี้อี่มั่ว ว่าเธอเป็นพนักงานอยู่ที่อวี้กรุ๊ป
ตอนนี้ก็พูดฐานะตัวเองออกมา เขาจะคิดไหมว่าตัวเองมีแผนการ?สงสัยเธอ ว่าวันนี้ตัวเองแสดงละครนัดดูตัวขึ้นมาเอง
ในช่วงเวลาระหว่างนี้ ในสมองของหร่วนซือซือก็สร้างภาพขึ้นมานับไม่ถ้วน
ใครจะไปรู้ อวี้อี่มั่วไม่ได้สนใจว่าเธอพูดอะไร พูดกับเธอต่อไป“ยื่นมือออกมา”
หร่วนซือซือยื่นมือขวาออกไปอย่างเชื่อฟัง
“มือซ้าย”อวี้อี่มั่วพูด
หร่วนซือซือดึงมือขวากลับ ยื่นมือด้านซ้ายออกมาอย่างเชื่อฟัง
เวลานี้ อวี้อี่มั่วหยิบแหวนทองคำขาวออกมา สวมลงบนนิ้วนางด้านซ้ายของหร่วนซือซือ
การกระทำของเขานุ่มนวล งดงามมีสง่า ทำรวดเร็วจนสำเร็จ
หร่วนซือซือตะลึงงัน หัวใจเต้นโครมครามไม่หยุด มองดูแหวนบนนิ้วนาง ก็พูดไม่ออก
ในเวลาที่เธอมองไปที่อวี้อี่มั่ว เธอพบว่า บนนิ้วนางข้างซ้ายของอวี้อี่มั่ว ก็มีแหวนเหมือนกัน
เพียงแต่ เขามีนิ้วมือที่ยาว เป็นเงาวาวและสะอาดหมดจด เห็นได้ชัดว่าแหวนดูดีเป็นพิเศษ
“ขนาดกำลังพอดี”อวี้อี่มั่ว พยักหน้าพอใจกับสายตาของตัวเอง
“ฉัน…”ภายในใจของหร่วนซือซือกลับมาปั่นป่วนอีกครั้ง
“ผมเคยพูดไว้ ผมสามารถจะให้คุณได้ทุกอย่าง”อวี้อี่มั่วเงยหน้าไปมองหร่วนซือซือ“หลังจากนี้คุณก็เรียกผมว่าอี่มั่ว และผมเรียกคุณว่าซือซือ”
เสียงของอวี้อี่มั่วนุ่มนวลมาก แต่ทุกคำเปิดเผยให้เห็นถึงท่าทีที่ไม่อนุญาตให้สงสัย
“ฉัน…”หร่วนซือซือพยายามสงบความตื่นเต้นภายใจเอาไว้“จะเร็วไปไหม?ฉันกับท่านเพิ่งจะเจอกันครั้งเดียว ดูเหมือนว่าท่านยังไม่เข้าใจฉัน?”
หร่วนซือซือหน้าแดง สุดท้ายก็สามารถนำคำที่อยากจะพูดพูดออกไปได้
แท้จริงแล้วแต่งงานกับอวี้อี่มั่ว เธอไม่ได้มีความกังวล ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ได้สูญเสียอะไร
แต่สำหรับอวี้อี่มั่ว นั่นคือการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่!
คุณหญิงอวี้ชื่อเรียกนี้มีค่ามากกว่ารถบรรทุกที่บรรทุกแหวนเพชรสิบคัน เธอทำเงินได้เยอะมาก!
“คุณพูดว่าเข้าใจคืออะไร?”อวี้อี่มั่วเลิกคิ้วขึ้น
เมื่อถูกถาม หร่วนซือซือเม้มปาก พูดตัวอย่างเล็กน้อย“เช่นฉันชื่ออะไร ทำงานที่ไหน เรียนจบอะไร…”
“คุณชื่อหร่วนซือซือ ปีนี้อายุยี่สิบสี่ จบการศึกษาจากแผนกบริหารของมหาวิทยาลัยเจียงต้า ตอนนี้กำลังทำงานอยู่ในบริษัทอวี้กรุ๊ป ในระหว่างเรียนเคยคบหากับแฟนแผนกการเงินหนึ่งคน เลิกกันตอนเรียนจบ…”
“พอแล้ว พอแล้ว”ฟังมาจนถึงตรงนี้ หร่วนซือซือรีบพูดหยุดคำพูดของอวี้อี่มั่ว
ถูกพูดถึงประสบการณ์ความรักที่ผ่านมา หร่วนซือซือก็รู้สึกอาย ชั่วพริบตาเดียวแก้มก็แดงขึ้นมา
แต่อวี้อี่มั่วคือสีหน้าเงียบสงบ จริงจังในการตอบคำถามของหร่วนซือซือ
หร่วนซือซือกลืนน้ำลาย ดูเหมือนว่าอวี้อี่มั่วจะเข้าใจเธอจริงๆ
เพียงแต่ในเมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เขาจะสนใจประสบการณ์ความรักของเธอก่อนหน้านี้ไหม?จะเข้าใจผิดเธอหรือเปล่า?
คิดไปคิดมา ในที่สุดหร่วนซือซือก็ตัดสินใจอธิบายกับอวี้อี่มั่ว เขาเพียงแค่ฟังเธอกลืนไม่เข้าคายไม่ออก พูดเสียงเบา“แฟนที่ฉันเคยคบหาตอนมหาวิทยาลัย ระหว่างพวกเราบริสุทธิ์ใจกันมาก
“เพียงแค่จับมือกันสองครั้ง”พูดมาถึงตรงนี้ แก้มของหร่วนซือซือก็แดงถึงหู
เดิมทีอวี้อี่มั่วไม่ได้สนใจเรื่องนี้ แต่การที่ได้เห็นหร่วนซือซือพูดถึงเรื่องนี้อย่างจริงจัง อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าผู้หญิงที่อยู่ต่อหน้าคนนี้ น่ารักมาก ความเย็นชาที่หัวคิ้วของเขาก็ลดลงเยอะมาก