ดั่งรักบันดาล - ตอนที่ 27
หร่วนซือซือหยิบเอกสารที่ต้องรับผิดชอบมา เธอติดต่อกับบริษัทผู้ผลิตที่เคยร่วมมือกันก่อนหน้านี้ และนัดเวลาพบปะกัน จากนั้นก็เตรียมย้ายของของตัวเองไปที่ห้องทำงาน
ตอนที่เธอกำลังเก็บข้าวของ เพื่อนร่วมงานรอบตัวเธอต่างก็มองมาที่เธอ โดยที่ยังมีบางคนกระซิบกระซาบนินทาอย่างไม่เกรงกลัว
“ใครจะรู้ที่มาของเธอ?ฉันได้ยินมาว่านักศึกษาฝึกงานคนนั้นที่เธอพามา หวังเหล่ยดูเหมือนจะถูกไล่ออกเพราะทำให้เธอขุ่นเคือง น่าสงสาร!”
“จริงหรอ?ฉันว่าแล้วทำไมหลายวันมานี้ถึงไม่เห็นหวังเหล่ย”
“……”
เสียงที่สับสนปนเปดังเข้ามาในหูหร่วนซือซือ เธอขมวดคิ้วและรีบเก็บข้าวของ จากนั้นก็อุ้มกล่องกระดาษแข็งเดินไปที่ห้องทำงานของตัวเอง
ในใจเธอรู้ดีว่าที่เธอได้เลื่อนตำแหน่งไม่ได้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของบริษัท จนถึงตอนนี้เธอก็ไม่สามารถปิดปากของคนอื่นได้ สิ่งเดียวที่เธอทำได้คือทำงานของเธออย่างตั้งใจ
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้หร่วนซือซือก็มีแรงผลักดัน เธอหยิบเอกสารงานที่ต้องรับผิดชอบมาอ่านอีกรอบ และเตรียมจะออกไปพบบริษัทผู้ผลิต เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับคำสั่งซื้อ
เอกสารระบุว่าสามารเลือกพนักงานในแผนกสองคน เพื่อออกไปทำงานด้วยกันข้างนอกได้ แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากที่เธอแสดงความต้องการอย่างชัดเจนในสำนักงาน แล้วก็ไม่มีใครเต็มใจที่จะไปกับเธอ
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบกลับ หร่วนซือซือก็สูดหายใจเข้าลึกๆ และถามต่อว่า “วันนี้มีใครที่งานไม่ค่อยยุ่งบ้าง ออกไปข้างนอกกับฉันหน่อย ไม่นานก็กลับมาแล้ว”
คนจำนวนมากในสำนักงานก็ก้มหน้า ดูเหมือนว่าไม่ได้ยินแล้วยุ่งอยู่กับงานของตัวเอง บรรยากาศดูอึดอัดว่างตัวไม่ถูก
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบกลับมาจริงๆ หร่วนซือซือก็หายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินไปกระซิบกับเพื่อนร่วมงานข้างๆว่า “เสี่ยวหาน เธอไปกับฉันได้ไหม?”
เสี่ยวหานเป็นผู้หญิงที่กระตือรือร้นที่สุดในแผนก ก่อนหน้านี้เธอมีความสัมพันธ์ที่ดีกับหร่วนซือซือ ตอนนี้ในสถานการณ์แบบนี้ หร่วนซือซือจึงทำได้แค่ขอความช่วยเหลือจากเธอ
เสี่ยวหานลังเล และกำลังจะพูด แต่ใครจะรู้ว่าจู่ๆก็มีเสียงดังมาจากข้างๆ “เสี่ยวหาน รายงานที่ให้เธอทำเสร็จเรียบร้อยรึยัง?ฉันต้องการด่วน!”
หร่วนซือซือมองตามเสียงไป และเห็นเมิ่งจื่อหันเดินมาทางด้านนี้
เมื่อเสี่ยวหานได้ยินอย่างนั้นก็รีบพูดว่า “พี่จื่อหัน ยังทำไม่เสร็จค่ะ ฉันจะไปทำต่อเดี๋ยวนี้”
ในขณะที่พูดเธอก้มองไปที่หร่วนซือซืออย่างขอโทษ “ขอโทษด้วยนะซือซือ ฉันยังทำงานไม่เสร็จ”
เมื่อหร่วนซือซือได้ยินอย่างนั้นก็พูดเบาๆว่า “ไม่เป็นไร เธอไปทำงานเถอะ”
เมิ่งจื่อหันเดินมาและถามว่า “ซือซือ มีอะไรหรอ?ต้องการหาคนออกไปทำงานข้างนอกหรอ?”
หร่วนซือซือพยักหน้า “อืม ฉันกลัวว่าจัดการคนเดียวไม่ได้”
เมื่อได้ยินที่เธอพูด เมิ่งจื่อหันก็หัวเราะออกมา “ซือซือ ตอนนี้เธอไม่ใช่พนักงานเล็กๆอย่างเมื่อก่อน ตอนนี้เธอเป็นผู้ช่วยฝ่ายบริหาร เรื่องพวกนี้เธอควรไปทำด้วยตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นทุกคนกำลังยุ่งอยู่ เธออยากให้คนอื่นทิ้งงานของตัวเอง เพื่อไปช่วยเธอหรอ?”
เสียงของเธอไม่ดังไม่เบา และก็เพียงพอที่เพื่อนร่วมงานรอบตัวเธอจะได้ยินอย่างชัดเจน บางคนก็หัวเราะเบาๆ แล้วรอดูเรื่องตลกขบขันของหร่วนซือซือ
หร่วนซือซือถูกต่อว่าต่อหน้าสาธารณชน แก้มของเธอร้อนผ่าว
หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็หายใจเข้าลึกๆ “พี่จื่อหัน เธอพูดถูก ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
หลังจากที่เธอพูดจบก็หันหลังเดินออกไปจากแผนกบริหาร
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะเป็นแค่พนักงานเล็กๆ แต่เธอก็รู้ดีว่าการออกไปสั่งซื้อของข้างนอก โดยปกติแล้วต้องไปกันสองสามคน แต่ในเมื่อครั้งนี้ไม่มีใครเต็มใจที่จะไปกับเธอ เธอก็ต้องทำงานคนเดียวให้สำเร็จ
หลังออกจากบริษัท หร่วนซือซือก็ตรงไปที่บริษัทของคู่ค้าที่เคยให้ความร่วมมือมาก่อน และได้พบกับฝ่ายที่รับผิดชอบ
หลังจากที่ั้งงสองฝ่ายได้ทักทายกันอย่างเรียบง่าย หร่วนซือซือก็ชี้ให้เห็นหัวข้อ “ประธานเฉิน อันที่จริงครั้งนี้ฉันมาสั่งซื้อสินค้าสำหรับเทศกาลวันหยุดที่จะถึง ก่อนหน้านี้อวี้กรุ๊ปก็เคยร่วมมือกับพวกคุณ ครั้งนี้เราก็วางแผนที่จะสั่งซื้อสินค้าของบริษัทคุณต่อไป และราคายังคงเท่าปีที่แล้ว คุณเห็นว่ายังไง?”
เดิมทีท่าทีของประธานเฉินค่อนข้างดี แต่เมื่อได้ยินราคาที่ระบุ สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึม เขาพลิกดูใบเสนอราคา ส่ายหัวและพูดว่า “เราเกรงว่าจะให้ราคานี้ไม่ได้”
เมื่อหร่วนซือซือเห็นอย่างนั้นก็รีบพูดว่า “ประธานเฉิน งบประมาณที่บริษัทของเรามอบให้ในครั้งนี้ ยังคงเป็นไปตามปีที่แล้ว……”
“ผู้ช่วยหร่วน คุณไม่สามารถพูดแบบนั้นได้ ตอนนี้ราคากำลังสูงขึ้นทั่วประเทศ ในขณะนี้ก็ผ่านมาหนึ่งปีแล้ว แน่นอนว่าเราไม่สามารถให้ราคาเดิมกับคุณได้อีก”
“แต่ปีนี้ปริมาณของเรามากกว่าปีก่อนๆ……”
หร่วนซือซือยังพูดไม่ทันจบ ประธานเฉินก็พูดขัดจังหวะ “ไม่ต้องพูดแล้วผู้ช่วยหร่วน ฉันได้อธิบายไปแล้วว่าเราจะไม่สามารถให้ในราคานี้ได้อย่างแน่นอน คุณกลับไปรายงานกับหัวหน้าที่ระดับสูงกว่าจะดีกว่า ถ้ายังต้องการก็กลับมาหาฉัน ถึงต้องนั้นเราค่อยคุยกัน”
หลังจากที่ประธานเฉินพูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกไป
หร่วนซือซือลุกขึ้นตาม เธอไม่คิดว่าท่าทีของประธานเฉินจะเด็ดขาด และไม่ได้พูดอะไรต่อ
หร่วนซือซือถอนหายจอย่างจนปัญญา และจำต้องหยิบเอกสารกลับไปต่อที่บ้าน
หลายบริษัทต้องล้มเหลว และแทบไม่มีบริษัทใดยินดีที่จะจัดส่งตามใบเสนอราคาของ บริษัท
หร่วนซือซือก็เพิ่งรู้ว่าการออกไปสั่งซื้อข้างนอกไม่ได้ง่ายอย่างที่เธอคิด งบประมาณของ บริษัทมีจำกัด และราคาของพ่อค้าก็ไม่ได้ต่ำ เธอวิ่งไปมาตรงกลาง เสียแรงโดยไม่ได้อะไร
หลังจากวิ่งอย่างเร่งรีบมาทั้งวัน หร่วนซือซือก็ลากร่างกายที่เหนื่อยล้าของเขากลับไปที่ บริษัทเหมือนมะเขือเปราะ
ในวันแรกที่กลับไปทำงานก็ใช้อำนาจบารมีกับเธออย่างไม่ปราณี
เธอสวมรองเท้าส้นสูงวิ่งทั้งวัน และเดินหลายหมื่นก้าวจนเลือดไหลออกที่หลังเท้า และทุกครั้งที่เดินส้นเท้าของเธอรู้สึกเจ็บปวด
หร่วนซือซือเดินเข้าไปในห้องโถงของบริษัทอย่างช้าๆ เธอเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ และยังเดินไม่ถึงที่บันได จู่ๆก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านหลัง
เมื่อเธอหันกลับมาก็เห็นกลุ่มคนกำลังเดินมาทางด้านนี้พอดี คนที่เดินอยู่ข้างหน้าคืออวี้อี่มั่ว ด้านหลังของเขามีผู้ชายในชุดสูทสี่ห้าคน และดูเหมือนจะเป็นอันดับต้นๆของบริษัท
พวกเขาเดินมาอย่างรวดเร็ว หร่วนซือซือยังยืนอยู่ที่เดิมราวกับว่าเธอถูกกดจุดให้ยืนอยู่ตรงนั้น แต่สายตาของเธอจ้องมองไปที่อวี้อี่มั่ว
อวี้อี่มั่วกำลังพูดคุยกับผู้ชายข้างๆ เมื่อเขาหันกลับมาดดยไม่ตั้งใจก็เห็นว่าหร่วนซือซืออยู่ข้างๆ สายตาของเขาก็หยุดกะทันหันไปสองวินาที จากนั้นก็ละสายตาและเดินต่อไป
หร่วนซือซือมองดูพวกเขาเดินไปไกล และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอกลัวว่าอวี้อี่มั่วจะดูออกว่าเธอมีอะไรผิดปกติ โชคดีที่เขาไม่ได้สังเกต
เมื่อกลับมาถึงที่ห้องทำงานของฝ่ายบริหาร หร่วนซือซือถอดรองเท้าส้นสูงออก เธอมองดูบาดแผลที่เปื้อนเลือดที่ส้นเท้า และอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
ถ้าเธอรู้ว่าออกไปข้างนอกแล้วต้องเดินเยอะขนาดนี้ เธอก็จะสวมรองเท้าแตะ!
หลังจากนั้นไม่นานคุณหลานก็โทรเข้ามา และบอกให้เธอไปส่งเอกสารที่ห้องทำงานของท่านประธาน
หร่วนซือซือไม่มีเวลารักษาบาดแผล เธอรีบเอาเอกสารไปให้ท่านประธาน
เมื่อเดินไปได้ครึ่งก้าว เธอก็ตระหนักได้ว่าเธอจะไปห้องท่านประธานแบบนี้ไม่ได้ เธออาจจะเจอกับอวี้อี่มั่ว บางทีเขาอาจสังเกตเห็นบาดแผลที่เท้าของเธอ!