ดั่งรักบันดาล - ตอนที่ 23
ไม่รอให้หร่วนซือซือหายสงสัย คุณนายหลิวที่นั่งอยู่ด้านข้างมองเห็นอวี้อี่มั่ว ก็เข้าไปต้อนรับทันที“เสี่ยวอวี้! ในที่สุดก็มาแล้ว!พวกเรารอเธอนานแล้ว!รีบเข้ามาสิ!”
อวี้อี่มั่วสีหน้าอ่อนโยน เขาเดินมาด้านหน้า วางกล่องของขวัญที่อยู่ในมือลง พูดอย่างนุ่มนวล“พ่อ แม่ เพราะว่ามีเรื่องงานบางส่วนทำให้ผมต้องมาสาย”
ศาสตราจารย์หร่วนได้ยิน รีบโบกมือขึ้น ดึงเขามานั่งที่นั่งข้างตัวเอง“ไม่เป็นไร พวกเรามาถึงยังไม่นานมาก”
“งั้น…ทำไมญาติคนอื่นๆไม่มา?”คุณนายหลิวมองออกไปด้านนอก มองไม่เห็นคนอื่นเข้ามา เปิดปากถามอย่างสงสัย
หร่วนซือซือที่อยู่ด้านข้างได้ยินแม่ของตัวเองพูดแบบนี้ ทันทีหลังจากนั้นก็นึกถึงคำพูดเหล่านั้นที่ป้าหรงพูดกับเธอ ในใจของเธอชั่วพริบตาเดียวก็ตึงเครียดขึ้นมา
แต่ใครจะไปรู้ว่าใบหน้าของอวี้อี่มั่วยังเป็นปกติ เปิดปากพูดอธิบายอย่างเรียบเฉย“พ่อของผมมีธุระต้องออกนอกประเทศ ช่วงเวลานี้ไม่ได้อยู่ในประเทศ แม่ของผมเสียชีวิตตั้งแต่ผมอายุยี่สิบปี ในบ้านยังมีคุณย่า แม่ไม่ใช่เคยพบแล้วเหรอ? ร่างกายของท่านไม่แข็งแรง ผมก็เลยไม่ให้ท่านมา”
นึกไม่ถึงว่า อวี้อี่มั่วจะพูดเรื่องทุกอย่างนี้ออกมาอย่างใจกว้าง
คุณนายหลิวกับศาสตราจารย์หร่วนได้ยินเขาพูดแบบนี้ ทันใดนั้นในใจก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
บรรยากาศก็อึดอัดวางตัวไม่ถูก คุณนายหลิวรีบยิ้มอย่างรวดเร็ว“ในเมื่อเป็นแบบนี้ วันนี้นายมา พวกเราก็ถือว่าได้รับน้ำใจแล้ว รีบนั่งเถอะ ฉันจะไปเรียกให้พนักงานมาเสิร์ฟอาหาร”
อวี้อี่มั่วพยักหน้า หยิบกล่องของขวัญส่งให้กับศาสตราจารย์หร่วน “พ่อ ท่านไม่ใช่ชอบหมากรุกเหรอ นี้คือชุดหมากรุกที่ผมหามาให้ท่านเป็นพิเศษ ท่านรีบเปิดดู”
ศาสตราจารย์หร่วนยิ้ม“อี่มั่ว ยังรู้ใจฉันตลอด วันนี้พวกเราสองคนต้องดื่มกันสักครั้ง!”
หร่วนซือซือที่ยืนอยู่ข้างๆมองเห็นพวกเขามีความสุขและปรองดองกัน รู้สึกว่าตัวเองเหมือนกลับจะเป็นคนนอก มองเห็นอวี้อี่มั่วส่งของขวัญออกไปแล้ว เธอจึงรู้สึกตัวกลับมา
“พ่อ หนูก็เตรียมของขวัญไว้ให้พ่อ”
พูดพลาง เธอก็หยิบปากกาหมึกซึมด้ามนั้นที่อยู่ในกล่องของขวัญส่งออกไป
ศาสตราจารย์หร่วนได้เห็น ก็พยักหน้า นำของขวัญวางลงด้านข้าง“ความจริงมีของขวัญหรือไม่มีของขวัญฉันไม่ได้สนใจ เพียงแค่พวกเธอสองคนอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ฉันก็วางใจแล้ว!”
พูดพลาง เขาก็ดึงมือของหร่วนซือซือ วางลงบนฝ่ามือของอวี้อี่มั่ว
หร่วนซือซือเพียงรู้สึกว่าฝ่ามือร้อนผ่าว จิตใต้สำนึกสั่งให้ดึงมือกลับมา แต่ใครจะรู้อวี้อี่มั่วตอบสนองกลับมารวดเร็วกว่า จับมือของเธอไว้ในฝ่ามืออย่างแน่น
“พ่อ ท่านวางใจเถอะ”
ศาสตราจารย์หร่วนได้เห็น ก็ยิ้มกว้าง พร้อมพยักหน้า“ดี…ดี!”
หร่วนซือซือถูกอวี้อี่มั่วจับมือเอาไว้ แก้มแดงออกมาโดยไม่รู้ตัว ผู้ชายดึงเธอมานั่งลงด้านหน้าโต๊ะอาหาร ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้คิดจะปล่อยมือ
เขาเป็นแบบนี้…จริงๆแล้วคิดจะทำอะไรกันแน่?
เดิมทีก็เย็นชากับเธอ แม้แต่คำพูดของเธอก็ยังไม่อดทนที่จะฟัง แต่ตอนนี้เขาเป็นฝ่ายวิ่งมาฉลองอวยพรงานวันเกิดให้กับพ่อ ยังจับมือเธอไว้ไม่ยอมปล่อย
หร่วนซือซือรู้สึกอึดอัดอย่างอธิบายไม่ถูก ฉวยโอกาสที่อวี้อี่มั่วกำลังพูดคุยกับพ่อ เธอจึงดึงมือของตัวเองกลับมาจากมือของเขา
ไม่นาน คุณนายหลิวก็กลับมา พนักงานก็ทยอยเข้ามาเสิร์ฟอาหาร ศาตราจารย์หร่วนนำไวน์แดงเปิด ยิ้มและพูด“วันนี้มีความสุข พวกเรามารวมตัวด้วยกันก็ดื่มไวน์แดงกันหน่อย”
“พ่อ ผมดื่มเป็นเพื่อนท่านเอง แม่กับซือซือดื่มน้ำผลไม้เถอะ”อวี้อี่มั่วพูดพลาง พร้อมรินน้ำผลไม้เอาใจหร่วนซือซือกับคุณนายหลิว
คุณนายหลิวได้เห็น ก็รีบพูด“เสี่ยวอวี้ นายรู้จักคิดจริงๆ ฉันพูดแล้ว คุณหร่วน คุณก็ต้องเรียนรู้จากเสี่ยวอวี้ คุณดูตัวคุณเอง เข้าใจการดูแลเอาใจใส่ไหมว่าคืออะไร?”
มองเห็นแม่ของตัวเองเริ่มพูดเสียดสี หร่วนซือซือหัวเราะอย่างเลี่ยงไม่ได้
ก็เป็นเวลานี้ ที่อวี้อี่มั่วหยิบตะเกียบขึ้น คีบกุ้งตัวโตให้เธอหนึ่งตัว สั่งเสียงเย็นชา“ทานเยอะๆ
ทันใดนั้นผู้ชายตรงหน้าก็ห่วงใยขึ้นมา แก้มของหร่วนซือซือก็ร้อนผ่าวเล็กน้อย ไม่แน่ใจว่าอวี้อี่มั่วห่วงใยจริงๆหรือว่าแสดงละครให้พ่อกับแม่ดู จำเป็นต้องตอบอืมออกไปและก้มหน้าก้มตาทานข้าว
บนโต๊ะอาหาร บรรยากาศมีความสุขและปรองดอง ทุกคนก็มองว่าครอบครัวนี้มีความสัมพันธ์ที่กลมกลืนกัน
เพียงแต่หร่วนซือซือมักจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ติดอยู่ในใจ รู้สึกไม่สบายใจ
อาหารค่ำมาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว ฉวยโอกาสตอนอวี้อี่มั่วออกจากห้องรับรองพิเศษไปรับสายโทรศัพท์ หร่วนซือซือรีบหาข้ออ้างและตามออกมา
อวี้อี่มั่วยืนอยู่สุดทางเดิน พูดสั่งอะไรบางอย่างด้วยสีหน้าจริงจัง ในเวลาที่มองเห็นหร่วนซือซือ สีหน้าก็ค่อยๆเปลี่ยน จากนั้นเขาก็อธิบายง่ายๆกับในสายโทรศัพท์ไม่กี่ประโยคก็ตัดสายไป
มองเห็นผู้หญิงเดินเข้ามา เขาถามอย่างนุ่มนวล“ทำไมถึงไม่อยู่ในห้องรับรองพิเศษเป็นเพื่อนพวกเขา?”
หร่วนซือซือสูดหายใจเข้า ปลุกความกล้าเปิดปากถามเขา“ทำไมคุณถึงมากะทันหัน?”
เดิมทีเขาน่าจะไม่รู้อะไรเลย
“ป้าหรงพูดกับผม”อวี้อี่มั่วมองลงไป จ้องดวงตาของเธอ พูดอย่างจริงจัง“เมื่อก่อนผมไม่สนว่าจะเป็นยังไง เรื่องพวกนี้จำไว้ว่าต้องบอกผม ผมเป็นสามีของคุณ ควรจะต้องอยู่เป็นเพื่อนคุณ”
ได้ยิน“สามี”สองคำนี้ หร่วนซือซือในใจก็สั่นเทา พูดเสียงนุ่มนวล“ฉันกลัวคุณยุ่ง…”
พูดยังไม่ทันจบ เธอก็รู้สึกตึงที่หัวไหล่ เงยหน้าขึ้นไป พอดีกับที่ทั้งสองคนสบตากัน
“ไม่ว่าผมจะยุ่งยังไง เรื่องของคุณผมสามารถอยู่เป็นเพื่อนคุณได้
ชั่วพริบตาเดียว แก้มของหร่วนซือซือก็ร้อนผ่าว ก็เขินโดยไม่รู้ตัว
นี่เป็นครั้งแรกที่มีผู้ชายพูดกับเธอแบบนี้
“ฉัน…ฉันรู้แล้ว ฉันกลับไปห้องรับรองพิเศษก่อน…”
หร่วนซือซือลุกลี้ลุกลนแทบจะไม่กล้าสบตากับอวี้อี่มั่ว เธอทิ้งประโยคนี้ไว้ ก็รีบหมุนตัวกลับไปที่ห้องรับรองพิเศษ
“ปัง”นำประตูของห้องรับรองพิเศษปิดลง คุณนายหลิวมองเห็นหร่วนซือซือถลันเข้ามา อดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำ “เจ้าเด็กคนนี้ ทำไมยังสะเพร่าขนาดนี้ เธอรู้ไหม ตอนนี้เธอไม่ใช่เด็กแล้ว!”
“พอแล้วพอแล้ว วันนี้หาได้ยากที่จะมีความสุขขนาดนี้ เธอก็พูดน้อยหน่อยเถอะ”
“คุณจะเข้าใจอะไร คุณหร่วน คุณดูถ้าหลังจากนี้ยังเป็นแบบนี้อีกจะทำยังไง…”
คุณนายหลิวกับศาสตราจารย์หร่วนทั้งสองคนพูดเถียงกันไม่หยุด แต่ความคิดของหร่วนซือซือไม่ได้อยู่ตรงนี้ ในสมองของเธอคิดไปคิดมากับคำพูดที่อวี้อี่มั่วพูดเมื่อกี้
ก่อนหน้านี้เธอมักจะรู้สึกว่าอวี้อี่มั่วไร้ความรู้สึก แต่วันนี้เข้าใจแล้วว่า เขาเหมือนกับว่าไม่ได้เย็นชาอย่างที่จินตนาการไว้ ในทางกลับกัน เขารู้เรื่องของวันเกิดพ่อเธอจากป้าหรงก็รีบเข้ามาเป็นพิเศษ นี้ก็ทำให้เธอประทับใจแล้ว
งานเลี้ยงสิ้นสุดลง เธอกับอวี้อี่มั่วพาคุณนายหลิวกับศาสตราจารย์หร่วนไปส่งถึงประตูหน้าร้านอาหาร ศาสตราจารย์หร่วนดื่มเข้าไปเยอะ ตอนนี้เมามายไม่ได้สติแล้ว เป็นธรรมชาติที่จะขับรถไม่ไหวแล้ว
อวี้อี่มั่วช่วยพยุงศาสตราจารย์หร่วนขึ้นรถ พูดกับคุณนายหลิว“แม่ ผมเตรียมคนไว้แล้ว พวกเขาจะพาพวกคุณส่งกลับบ้านอย่างปลอดภัย เดินทางปลอดภัย”
“ได้ งั้นพวกเราไปก่อน นายดูแลซือซือดีดีนะ”
หลังจากที่บอกลาง่ายๆแล้ว หร่วนซือซือกับอวี้อี่มั่วมองตามหลังจนรถออกไปแล้ว
รอให้รถออกไปไกลแล้ว อวี้อี่มั่วหันหน้ากลับมามองไปที่หร่วนซือซือที่อยู่ด้านข้าง“ผมให้ตู้เยี่ยไปส่งคุณ คุณรีบกลับไปพักผ่อน”
หร่วนซือซือในใจจมดิ่ง“คุณ…ไม่กลับเหรอ?”
“ผมยังมีงานเลี้ยงส่วนตัวอีกงานหนึ่ง ต้องไปปรากฏตัว คุณกลับไปก่อน”
พูดพลาง เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะต่อสายโทรศัพท์
ทันใดนั้นหร่วนซือซือยื่นมือออกไป คว้ามุมเสื้อของเขาเอาไว้“จะดีกว่าไหม ถ้าฉันไปเป็นเพื่อนคุณ…”