ลู่เสี่ยวมั่นพยักหน้าขึ้นลงเบาๆ ก่อนจะหยิบเชือกและเครื่องตรวจวัดจากทางด้านข้างขึ้นมา กำลังวางแผนว่าจะเข้าไปพยุงอวี้กู้เป่ย ใครจะรู้ล่ะว่าจู่ๆชายหนุ่มกลับยกมือขึ้นมาทันที ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า "ผมอยากจะลองด้วยตัวเองดูก่อน"
ในเวลานี้ เขาร่วมมือกับการรักษาเป็นอย่างดี ในส่วนของช่วงขาเริ่มมีความรู้สึกขึ้นมาจริงๆแล้ว จากเดิมที่ยืนไม่ขึ้น หลังจากนั้นมาก็จับของจนสามารถยืนขึ้นได้หนึ่งวินาที สองวินาที สามวินาที……
มีแนวโน้มไปในทางที่ดียิ่งขึ้น
แน่ล่ะ นอกจากการทุ่มเทของนักกายภาพแล้ว การมีอยู่ของลู่เสี่ยวมั่นก็ช่วยได้ไม่น้อยเลย ตอนนี้ การทำกายภาพบำบัดก็ได้แปรเปลี่ยนมาเป็นกิจกรรมที่พวกเขาจำเป็นที่จะต้องทำในทุกๆวันแล้ว
ลู่เสี่ยวมั่นได้ยินดังนั้น ก่อนจะลังเลเล็กน้อย "คุณนักกายภาพบอกว่าทางที่ดีควรจะ……"
จู่ๆน้ำเสียงของอวี้กู้เป่ยก็เย็นชาขึ้นมาทันที และแทรกคำพูดเธอขึ้นมาว่า "ผมอยากจะลอง"
ลู่เสี่ยวมั่นขมวดคิ้ว สบมองไปที่ขาของเขา สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
อวี้กู้เป่ยจับเข้าที่ล้อของวีลแชร์ทั้งสองข้าง มือทั้งสองข้างค่อยๆเริ่มออกแรง ก่อนที่จะค่อยๆดันร่างของตนเองขึ้น
คนปกติเวลายืนหลักๆเลยก็คือพึ่งขาทั้งสองข้าง แต่ทว่าเขากลับพึ่งแรงจากแขนและหัวไหล่
ขาทั้งสองข้าง มันอ่อนแรง ก็คล้ายกับการจับไม้ค้ำเอาไว้ด้วยกัน แต่เดิมก็ไม่ได้มีเรี่ยวแรงอะไร
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลับตาลง ก่อนจะค่อยๆยันและขยับตัวใหม่ตั้งแต่มือจนถึงปลายเท้า ในตอนที่ปล่อยมือแล้วทั้งหมด ร่างของเขายืนตรงได้แล้ว
หนึ่งวิ สองวิ สามวิ……
วินาทีที่สามยังไม่ทันจะผ่านพ้นไป จู่ๆขาของเขากลับอ่อนแรง ร่างทั้งร่างล้มไปทางด้านหน้าอย่างหยุดไม่อยู่
ปกติมีเครื่องช่วยคอยรองรับ เขาไม่หกล้มลงไปแน่ แต่ทว่าตอนนี้ แต่เดิมเขาก็ไม่ใช้เครื่องเข้ามาช่วย หากว่าหกล้มไป ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นการทำร้ายขาทั้งสองข้างซ้ำขึ้นก็เป็นได้
"ปัง!"
ร่างทั้งร่างล้มลงกับพื้น อวี้กู้เป่ยรู้สึกว่าร่างทั้งร่างอ่อนปวกเปียกไปหมด จึงจะค้นพบว่าลู่เสี่ยวมั่นที่ไม่รู้ว่าเข้ามาช่วยพยุงตั้งแต่เมื่อไหร่ ก่อนจะเป็นเบาะรองร่างให้กับเขา กลายเป็นเบาะมนุษย์
"คุณ……"
ลู่เสี่ยวมั่นกัดฟันอดทนต่อความเจ็บก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า "คุณอวี้ คุณไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?"
เธอพูดขึ้น ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นยืน ช่วยพยุงร่างของอวี้กู้เป่ยให้ยืนตัวตรง
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม อวี้กู้เป่ยก็เป็นผู้ชายโตเต็มวัย ลู่เสี่ยวมั่นคิดที่จะพยุงเขาขึ้น เลยใช้เรี่ยวแรงไปเสียมาก
เมื่อนำคนไปนั่งที่วีลแชร์แล้ว เธอจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นต่อว่า "คุณอวี้คะ โอเคใช่ไหมคะ?"
อวี้กู้เป่ยหลุบตามองต่ำ สบมองไปยังข้อศอกที่แดงก่ำของหญิงสาว เขาสูดลมหายใจเขาลึกๆ ก่อนจะหลับตาด้วยความทุกข์ทรมานเล็กน้อย
เขาในตอนนี้ ยังคงต้องพึ่งพาผู้หญิงคนหนึ่งจริงๆสินะ!
"คุณอวี้คะ?"ลู่เสี่ยวมั่นเห็นเขานิ่งเงียบไม่พูดไม่จาอยู่นาน ก่อนจะลองเรียกขานขึ้นอีกครั้ง
อวี้กู้เป่ยลืมตาขึ้น ก่อนจะสอบมองไปที่เธอด้วยท่าทางขึงขัง นัยน์ตาสุขุม หยุดมองเป็นเวลาสองวินาที ก่อนที่จู่ๆเขาก็เอ่ยขึ้นมาว่า "ในฐานะที่เป็นผู้ชายคนหนึ่ง ผมไม่มีประโยชน์มากเลยใช่ไหม?"
ลู่เสี่ยวมั่นชะงักนิ่งไป ก่อนจะเอ่ยขึ้นตามหลังไปว่า "ไม่ค่ะ คุณคะ คุณอย่าพึ่งคิดแบบนี้สิคะ บนโลกใบนี้น่ะ……"
อวี้กู้เป่ยกัดฟันแน่นอย่างทุกข์ทรมาน จู่ๆก็ยื่นมือออกไป คว้าหมับเข้าที่ข้อมือขาวของหญิงสาว ก่อนจะดึงเธอให้เข้ามาใกล้ นัยน์ตาของเขาเคร่งขรึมคาดเดาอารมณ์ไม่ได้ เอ่ยขึ้นอย่างแทบจะกัดปากอยู่แล้วว่า "คุณไม่ต้องโกหกผมแล้ว!"
การปลอบโยนแบบนี้มันไร้ความหมายไปแล้ว ตั้งแต่ที่ขาทั้งสองข้างของเขาพิการ หลังจากที่ยืนไม่ได้แล้ว เขาฟังมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วกับคำพูดพวกนี้ ตอนนี้วันนี้กลับมาได้ยินอีก นอกจากจะเกลียดชังแล้ว ก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นอีกแล้ว!
ลู่เสี่ยวมั่นตกตะลึงจนเบิดตากว้างสบมองเขากลับไป แทบจะนึกไม่ถึงเลยว่าจู่ๆเขาจะศูนย์เสียการควบคุมอารมณ์ไปแบบนี้
สายตาของทั้งสองคนสบมองกันและกัน บรรยากาศภายในห้องเย็นยะเยือกจนถึงขีดสุด ในเวลานั้นเอง นกแก้วสายฟ้าที่อยู่ด้านข้างก็โพล่งขึ้นมาว่า "สุขภาพแข็งแรง เจริญรุ่งเรือง! สุขภาพแข็งแรง เจริญรุ่งเรือง!"
นี่เป็นลู่เสี่ยวมั่นเองแหละที่สอนให้เจ้าสายฟ้าพูดคำมงคลใหม่ๆเมื่อไม่กี่วันมานี้ เดิมทีก็กะเอาไว้ว่าจะอวยพรให้กับอวี้กู้เป่ย แต่ทว่านึกไม่ถึงเลยว่ามันจะพูดขึ้นในเวลาแบบนี้ กลับกันกลับแฝงไปด้วยความหมายของการทิ่งแทงเสียดสีอีกด้วย
ในช่วงเวลานั้นเอง โทสะของอวี้กู้เป่ยก็พุ่งสูงขึ้น ก่อนจะสลัดมือของลู่เสี่ยวมั่นออกไป คว้าผ้าห่มที่วีลแชร์ แล้วคว้างไปที่เจ้าสายฟ้าทันที
เจ้าสายฟ้าสะบัดปีกขึ้นมาทันที ก่อนจะส่งเสียงร้องออกมา เมื่อกระโดดไปอีกทางหนึ่งแล้ว ก็สบมองมาทางด้านนี้ด้วยความระแวดระวัง
อวี้กู้เป่ยเอ่ยขึ้นพร้อมกับโทสะว่า "ไสหัวไป! พามันไสหัวออกไปกันให้หมด!"
ลู่เสี่ยวมั่นไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน ก็ตกใจไม่น้อย ก่อนจะกุลีกุจอตอบรับคำ คว้านกแก้วที่อยู่บนโต๊ะขึ้น ก่อนจะออกไปจากห้องกายภาพบำบัดอย่างรวดเร็ว
เมื่อปิดประตู เธอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เมื่อเดินไปที่บันได้แล้ว เจ้าสายฟ้ายังคงไม่รู้เรื่องรู้ราว ก่อนจะเอ่ยขึ้นต่อว่า "สุขภาพแข็งแรง เจริญรุ่งเรือง!"
ในท่าทางยินดีนั่น คลับคล้ายคลับคลาราวกับน่าเกลียดน่าชังก็ไม่ปาน ลู่เสี่ยวมั่นทั้งโกรธทั้งขำ ยื่นมือไปจิ้มเข้าที่ส่วนหัวเล็กๆของมันทันที "เจ้าสายฟ้าโง่ แกพูดไม่ดูเวลาเลย! โทษแกนั่นแหละ ที่ทำใหคุณอวี้โกรธน่ะ!"
พูดไป เธอก็พลางเดินมาถึงหน้าบันไดแล้ว เมื่อหวนนึกถึงท่าทีของอวี้กู้เป่ยเมื่อครู่นี้แล้ว เธอกลับวางใจไม่ลง ก่อนจะรีบไปหาเช่าโจวที่ชั้นหนึ่งทันที
หลังจากที่อธิบายเรื่องราวอย่างชัดเจนแล้ว เธอจึงเอ่ยเสียงเบาขึ้นว่า "ฉันกลัวว่าคุณเขาจะอยู่ในห้องคนเดียว ดังนั้นแล้วคุณไปดูหน่อยเถอะค่ะ……"
เช่าโจวพยักหน้า ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า "ครับ"
เมื่อขึ้นมาถึงห้องกายภาพบำบัดที่ชั้นสองแล้ว เขายกมือขึ้น ก่อนจะเคาะประตูไปมา
เมื่อผ่านไปสักพักหนึ่งแล้ว ถึงจะมีเสียงของอวี้กู้เป่ยดังขึ้นมาจากในห้อง "เข้ามา"
เช่าโจวเปิดประตูเข้าไป สบมองแผ่นหลังของอวี้กู้เป่ยที่นั่งอยู่บนวีลแชร์ ก่อนจะเดินเข้าไปหาแล้วเอ่ยขึ้นว่า "นายน้อยครับ คุณโอเคดีหรือเปล่าครับ?"
อวี้กู้เป่ยตอบคำว่า "อืม" ด้วยน้ำเสียงราบเรียบแค่นั้น
เช่าโจวนิ่งไปพักหนึ่ง คิดไปคิดมา ก่อนจะเอ่ยอธิบายขึ้นว่า "พยาบาลลู่ทุ่มเทเวลาสองสามวันมานี้ จึงจะสามารถสอนเจ้าสายฟ้าให้พูดประโยคพวกนี้ได้ เธอไม่ได้มีเจตนาร้ายนะครับ"
อวี้กู้เป่ยเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชาว่า "ผมรู้"
เขารู้ว่าลู่เสี่ยวมั่นมีเจตนาดี เขาก็ไม่ได้โทษเธอจริงๆหรอก
คนที่เขาควรที่จะโทษมากที่สุด ไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่ก็ไม่ใช่ตัวเขาเอง แต่เป็นไอ้คนที่นำความซวยนั่นมาให้กับเขา–อวี้อี่มั่ว
นัยน์ตาเคร่งขรึมขึ้น เขาเอ่ยเสียงเย็นชาขึ้นว่า "อีกประเดี๋ยวไปขอโทษคุณพยาบาลลู่ให้ผมหน่อย ขึ้นเงินเดือนให้อีกสามสิบเปอร์เซ็นต์ด้วย"
เช่าโจวพยักหน้าตอบรับคำ "ครับผม"
อวี้กู้เป่ยสบมองทัศนียภาพนอกหน้าต่าง ก่อนจะเอ่ยขึ้นต่อ "แล้วก็เย่เจ๋ออวี่ หาเวลาว่างนัดเขาออกมาเจอกันหน่อย"
"ช่วงนี้เย่เจ๋ออวี่ไปมาเก๊าครับ เกรงว่าคงจะไม่กลับเร็วๆนี้"
อวี้กู้เป่ยได้ยินดังนั้น ก่อนจะยิ้มเย็นแล้วเอ่ยขึ้นว่า "คุณบอกกับเขาไปว่า มีน้องๆสองสามคนพึ่งกลับมาจากประเทศไทย มีทั้งผู้ชายทั้งผู้หญิง ถามเขาว่าจะเอาหรือเปล่า เชื่อผมเถอะ เขาต้องกลับมาแน่"
เขารู้ไส้รู้พุงเย่เจ๋ออวี่ดี ถูกเย่เฟิงเผิงจำกัดการใช้เงินแบบนี้ แม้จะไปเล่นพนันติดพันอยู่ที่มาเก๊า เขาแค่วางกับดักล่อเหยื่อเล็กน้อย มันจะต้องรีบกลับมาแน่ๆ
ในเมื่อ เมื่อเทียบกับทั้งสองอย่างแล้ว สิ่งที่เย่เจ๋ออวี่ชมชอบมากที่สุด นั่นก็คือการร่วมเพศ
ในวันที่สองที่หร่วนซือซือได้เซ็นสัญญาฉบับนั้นไป แพทย์เจ้าของไข้อย่างหัวหน้าแผนกเฝิงของศาสตราจารย์หร่วนก็ติดต่อมาหาเธอ ยืนยันเวลาผ่าตัดแล้ว แถมยังบอกอีกว่าค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดชำระเรียบร้อยแล้ว
นึกไม่ถึงเลย อวี้อี่มั่วจะเริ่มดำเนินการตามสัญญาเร็วขนาดนี้
แต่ทว่าเป็นเพราะว่าสัญาฉบับนั้น แม้กระทั่งสองสามวันมานี้ เธอก็หลับไม่สนิทสักวัน
สัญญาที่ทำให้คนสัมผัสไม่ได้ฉบับนั้น ที่ราวกับว่าขายตัวเองก็ไม่ปาน มักจะทำให้เธอรู้สึกว่าจิตใจไม่สงบอยู่ตลอดเวลา
แต่ทว่าเมื่อมาทำงานได้สองสามวันแล้ว กลับเป็นปกติทุกอย่าง อวี้อี่มั่วก็ไม่ได้มาหาเธอ ราวกับว่าเหมือนกับแต่ก่อนไม่มีผิด
ผ่านไปอย่างช้าๆ เธอจึงลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ หินก้อนมหึมานั่นอยู่ๆก็มลายหายไปตอนไหนก็ไม่อาจทราบได้
เมื่อถึงเวลาพักเที่ยง หร่วนซือซือกับเสี่ยวห่านอยู่ที่เขตพักผ่อนหย่อนใจริมระเบียงกำลังคุยไปจิบกาแฟไป ในขณะที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานนั้น จู่ๆก็มีสายโทรศัพท์ดังขึ้นมาสายหนึ่งทันที เมื่อหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู ก็พบว่าเป็นซ่งอวิ้นอัน
พึ่งจะรับสายไปเมื่อครู่ น้ำเสียงตื่นเต้นจากซ่งอวิ้นอันที่อยู่ปลายสายก็ดังขึ้นมาทันที "ซือซือจ๊ะ เธอลืมวันสำคัญของฉันแล้วหรือยังน่ะ?"
หร่วนซือซือพลันชะงักนิ่งไป วันสำคัญอะไรนะ?
MANGA DISCUSSION