เมื่ออวี้อี่มั่วในยินแบบนั้น แววตาของเขาก็มืดหม่นเล็กน้อย หันหลังและเดินตรงเข้าไปหาเธอ พอเข้าไปใกล้ๆเธอ เขาจ้องหน้าเธอและถามว่า " เพราะอะไร? "
หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าลึกๆและพูดชัดๆทีละคำ " นี่ไม่ใช่เงินรางวัลหรือโบนัสอะไร ฉันไม่รับ "
เมื่อได้ยินคำตอบของหญิงสาว อวี้อี่มั่วก็แปลกใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าจะถูกเธอรู้ทันสะก่อน
อวี้อี่มั่วยักคิ้วและพูดขึ้นว่า " ถือว่ายืมก็แล้วกัน เอาไปใช้ก่อน แล้วฉันจะหักจากเงินโบนัส
เธอ "
เรื่องค่าใช้จ่ายการผ่าตัดของศาตราจารย์หร่วนเขาจะจัดการให้อยู่แล้ว เงินจำนวนนี้ก็แค่ให้เธอไปหมุดใช้ภายในบ้านก่อน แต่คิดไม่ถึงว่าเธอกกลับไม่รับ?
หร่วนซือซือขบกรามตัวเองและเงยหน้ามองอวี้อี่มั่ว และพูดชัดๆทีละคำ " ตอนนี้ฉันยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้ ฉันรอเงินเดือนของเดือนหน้าได้ ขอบคุณสำหรับความหวังดีของประธานอวี้มากนะคะ "
เธอพูดพร้อมกับโน้มตัวแสดงความเคารพต่อเขา
ไม่ใช่ว่าเธอมีเงิน แต่เธอเพียงไม่อยากรับเงินจากเขา ขอแค่เธอยอมรับเงินจากเขา ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนก็จะไม่ปกติ
เงินก้อนนี้ สำหรับเธอแล้ว มันเป็นบุญคุณ
อวี้อี่มั่วมองดูหญิงสาวตรงหน้า เขาถึงกับขมวดคิ้วเล็กน้อย ในวินาทีนั่นเขารู้สึกไม่รู้จักเธอคนนี้เลย
ก่อนหน้านี้ช่วงระยะเวลาที่เธออยู่กับเขาที่คฤหาสน์ เขาไม่เคยเห็นด้านที่แข็งแกร่งหนักแน่นและมุ่งมั่นนี้ของเธอเลย ราวกับว่าในวินานี้ต่างหากที่เขาพึ่งจะรู้จักตัวตนที่แท้จริงของหร่วนซือซือ
พอเห็นว่าอวี้อี่มั่วไม่พูดไม่จาอะไร หร่วนซือซือเงยหน้าขึ้นพร้อมกับพูดว่า " ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวนะคะ "
พอพูดจบ เธอก็หันหลังเดินออกจากห้องทำงานไปโดยไม่เหลียวกลับมามองเลยแม้แต่นิด
วินาทีที่ประตูห้องปิดลง อวี้อี่มั่วก็พึ่งจะดึงสติกลับมาได้
ผู้หญิงคนนี้ ช่างดื้อจริงๆ
พอกลับถึงห้องทำงาน หร่วนซือซือก็รู้สึกอึ้งและตกใจเล็กน้อย
ทำไมอวี้อี่มั่วถึงต้องให้เงินเธอ? หรือว่าเขารู้ว่าเธอต้องการเงิน?
ความถามวนเวียนอยู่ในหัวเธอ เธอยังไม่ทันได้คิดอย่างละเอียด ก็มีคนโทรหาเธอสะก่อน
หร่วนซือซือเหลือบไปมองหน้าจอโทรศัพท์แวบหนึ่ง พอเห็นว่าผู้ที่โทรมาคือซ่งอวิ้นอัน เธอก็กดรับสายอย่างไม่ลังเล " ฮัลโหล? อันอัน "
เสียงของซ่งอวิ้นอันที่ฟังดูเหนื่อยล้าไม่สดใสเหมือนทุกวันดังขึ้นจากปลายสาย " ซือซือ คืนนี้เราไม่เที่ยวกันไหม? ฉันรู้สึกเบื่อๆ……"
เมื่อได้ยินน้ำเสียงของเธอแบบนั้น หร่วนซือซือก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย " เกิดอะไรขึ้น? "
ซ่งอวิ้นอันในความทรงจำของเธอ เธอเป็นคนที่สดใสร่าเริง มองโลกในแง่ดี น้อยมากที่เธอจะเป็นแบบนี้ นอกจากว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นกับเธอจริงๆ
ซ่งอวิ้นอันที่ถูกถามแบบนั้นอย่างกะทันหัน เธอก็รู้สึกกล้าๆกลัว เธอลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า " ก็ไม่ได้มีอะไรหรอก ก็แค่ฉันเอาแต่คิดถึงไอ้ผู้ชายที่ชื่อตู้เยี่ยอยู่เรื่อยเลย เธอคิดว่านี่มันหมายความว่ายังไง……"
เมื่อหร่วนซือซือได้ยิ้มแบบนั้น ก็ตกใจก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นเธอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ " อันอัน เธอคงไม่ได้……"
ยังไม่ทันพูดจบ เสียงซ่งอวิ้นอันก็ดังขึ้น " เฮ้ เฮ้ เฮ้ เธออย่าคิดมั่วๆนะ! ฉันอาจจะแค่คิดฟุ่งซ่าน! "
หร่วนซือซือหัวเราะเบาๆ และพูดขึ้นว่า " ก็ได้ ฉันไม่คิดก็ได้ "
" งั้นคืนนี้ไปเที่ยวกันนะ ฉันอารมณ์ไม่ค่อยดีเลย……"
หร่วนซือซือลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบรับว่า " ก็ได้ "
ไม่ว่ายังไงก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่เธอรู้สึกเศร้าหรือเสียใจ ซ่งอวิ้นอันก็จะคอยอยู่ข้างๆเธอเสมอ ในเมื่อเธออารมณ์ไม่ดี เธอก็ต้องคอยอยู่ข้างกายเธออยู่แล้ว
หลังจากที่ทำงานในมือเสร็จแล้ว ไม่บ่อยนักที่หร่วนซือซือจะไม่ได้ทำโอที หลังจากเธอเก็บของเสร็จเรียบร้อย เธอก็ตรงไปหาซ่งอวิ้นอัน
รอที่หน้าประตูชุมชนของซ่งอวิ้นอันอยู่ซักพัก ก็ไม่เห็นใครเดินออกมา หร่วนซือซือกำลังจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นโทรหาซ่งอวิ้นอัน แต่ทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้นก็เห็นซ่งอวิ้นอันที่ใส่เสื้อเอวลอยโชว์สะดือ และกางเกงยีนต์เอวสูงเดินนอกมาจากประตูชุมชน
เมื่อเห็นซ่งอวิ้นอันแต่งตัวแบบนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ หยอกล้อเธอ" ถ้าคนไม่รู้ก็คิดว่าเธอจะไปเที่ยวผับบาร์สะอีก "
ซ่งอวิ้นอันกระพริบตาให้เธอ และยื่นมือไปควงแขนเธอไว้ " ไม่ไปผับบาร์ แต่ไปดื่นกันสักหน่อย! จำได้ไหมครั้งที่แล้วที่ฉันเคยบอกว่ามีเพื่อนคนหนึ่งพึ่งเปิดร้านเหล้านั่งชิลล์ร้านใหม่ เขาพึ่งเปิดร้าน เราไปเยี่ยมชมกันสะหน่อยเถอะ! "
หร่วนซือซือได้ยินแบบนั้น ก็คิดถึงเรื่องคราวที่แล้วที่ไปไนท์คลับเวสเกอร์กับซ่งอวิ้นอัน ครั้งนั้นเผชิญหน้ากับซ่งฉี พวกเธอเกือบเอาตัวไม่รอด……
หร่วนซือซือรู้สึกใจสั่น " ฉันไม่กล้า……"
ซ่งอวิ้นอันมองเธอแวบเดียวก็รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ เลยรีบพูดแทรกขึ้นว่า " รับรองว่าไม่เกิดเรื่องเหมือนครั้งที่แล้วแน่นอน! ที่นั่นคือร้านนั่งชิลล์ของเพื่อนฉัน ก็แค่ร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน แล้วก็ดื่มกันนิดๆหน่อยๆ ไม่วุ่นวายขนาดนั้นรอก! วางใจได้!"
พอได้ยินเธอพูดแบบนี้ หร่วนซือซือก็ยังไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ แต่ก็ทนต่อแรงดึงของซ่งอวิ้นอันไม่ไหว จึงทำได้เพียงเดินตามเธอไป
ทั้งสองไปกินข้างที่ร้านอาหารหันก่อน ค่อยไปร้านนั่งชิลล์ พอถึงที่หมาย หร่วนซือซือถึงได้เข้าใจว่าไม่เหมือนครั้งที่แล้วของซ่งอวิ้นอันมันแตกต่างมากขนาดไหน
บนผนังกำแพงเป็นสีเทา และอักษรตัวเล็กบนป้ายที่ติดอยู่ก็เป็นสีเทาเช่นกัน พอเดินเข้าไป บรรยากาศข้างในเต็มไปด้วยโทนไปสีอบอุ่น บนเวทีมีแสงสีไฟที่หลากหลายปะปนกันไป มองขึ้นไปมันช่างสว่างไสวระยิบระยับแยงตามาก
ข้างในสุดมีเวทีอยู่เวทีหนึ่ง แสงไฟสว่างไสวและอบอุ่น บนเวลามีวงดนตรีต่างชาติกำลังบรรเลงเพลงแจ๊สที่เป็นเอกลักษณ์อยู่
ค่อนข้างเป็นสไตล์แบบสตรีทดั้งเดิม
" เป็นไงบ้าง? ฉันไม่ได้หลอกเธอใช่ไหมล่ะ? " ซ่งอวิ้นอันยื่นมือไปสะกิดแขนหร่วนซือซือ หยิบและขยิบตาให้เธอหนึ่งที
หร่วนซือซือยิ้มและตอบว่า " ใช่ ใช่ ใช่ "
สถานที่นี่ดูมีสไตล์กว่าเวสเกอร์เยอะมาก
ทั้งสองพึ่งจะเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็มีผู้ชายคนหนึ่งสวมเสื้อเชิ้ตสีเทา ผมค่อนข้างยาเล็กน้อยเดินเข้ามาหาพวกเธอ " อันอัน! มาแล้วหรอ! "
ซ่งอวิ้นอันเงยหน้า และยิ้มรับทันที " ฉีเซียว! "
" ในที่สุดก็มาสักทีนะ! ก็คิดว่าจะไม่ได้เจอตัวแล้วสะอีก!"
ซ่งอวิ้นอันหัวเราะ และยกมือขึ้นทักทายเขาอย่างเป็นกันเอง " วันที่เปิดร้านใหม่ฉันไม่ได้มา วันนี้ว่างเลยพาเพื่อนสนิทฉันมาประเดิมร้านสักหน่อย! "
ฉีเซียวได้ยินแบบนั้น ก็มองไปทางหร่วนซือซือ เขายิ้มสดใสมากขึ้นอีก " ล้วนแต่เป็นสาวสวย ยินดีต้อนรับมากมาก! "
หลังจากที่ทักทายกันเรียบร้อยแล้ว ฉีเซียวก็พาเธอทั้งสองมาที่โต๊ะบาร์ และให้บาร์เทนเดอร์ผสมเครื่องดื่มสุดพิเศษให้เธอทั้งสอง
ฉีเซียวเป็นคนสบายๆและไม่แสแสร้งใดๆ ผ่านไปเพียงแปบเดียว หร่วนซือซือก็สนิทกับเขาได้อย่างรวดเร็ว
" จริงด้วยอันอัน ครั้งที่แล้วที่เธอบอกว่าเพื่อนเธอคนหนึ่งร้องเพรงเพราะมาก คงไม่ใช่หร่วนซือซือหรอกใช่ไหม? "
" แม่นจริงๆ! คือเธอนั่นแหละ! " ซ่งอวิ้นอันพูดขึ้นพร้อมกับหันมองหร่วนซือซือ เธอหัวเราะ " ซือซือ เดี๋ยวขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีสักเพลงไหม บรรยากาศดีขนาดนี้ ต้องจัดแล้ว "
หร่วนซือซือหัวเราะอย่าเขินๆ และพูดขึ้นว่า " อันอันอย่าล้อเล่นสิ นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้ฉันไม่ได้ร้องมานานมากแล้ว "
ตอนนั้นเธอเข้าร่วมการแข่งขันประกวดร้องเพลงของมหาวิทยาลัย คิดไม่ถึงว่าซ่งอวิ้นอันจะจำมาจนถึงทุกวันนี้
ซ่งอวิ้นอันไม่เชื่อ " ซือซือเธออย่าถ่อตัวสิ! เธอเคยได้รางวัลมาแล้วนะ! "
ด้านฉีเซียวก็ยิ้ม " ซือซือ เดี๋ยวขึ้นร้องสักเพลงสิ คนกันเองทั้งนั้น "
ซ่งอวิ้นอันและฉีเซียวต่างก็พูดส่งเสริมกันเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ทำให้หร่วนซือซือไม่สามารถปฏิเสธได้ พอพูดไปพูดมา ก็ทำได้เพียงตอบรับ " ก็ได้ งั้นก็ร้องเพลงสากลแล้วกัน "
ถึงเวลาพักผ่อนของวงดนตรีที่บรรเลงเพลงบนเวทีพอดี และถึงช่วงเวลาที่สามารถขอเพลงได้ ฉีเซียวจึงพาหร่วนซือซือขึ้นไปบนเวทีทันที
เดินขึ้นเวทีไป หร่วนซือซือจับไมโครโฟนไว้ในมือ และมองผู้คนที่นั่งอยู่ข้างล่างเวที เธอจับไมโครโฟนไว้และรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
จนกระทั่งดนตรีของเพลง 《mylove》ดังขึ้น เธอถึงค่อยๆผ่อนคลาย
เสียงเพลงช่างผ่อนคลายราวกับน้ำไหลนิ่งๆ หร่วนซือซือเริ่มร้อง น้ำเสียงของเธอใสและนุ่มนวลมากๆ แต่ก็แฝงไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ยากจะอธิบาย
คนทั้งร้านจับจ้องราวกับแสงไฟทั้งหมดสว่างอยู่แค่บนตัวของหร่วนซือซือ ทำให้ผู้คนละสายตาจากเธอไม่ได้
ในมุมหนึ่งของร้าน ซูอวี้เฉิงมองหญิงสาวที่กำลังร้องเพลงอยู่บนเวทีด้วยรอยยิ้ม
คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเธอ
เขายิ้มมุมปากพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และเปิดไปที่ข้อความสนทนากับอวี้อี่มั่ว " เจ้าอวี้ มาดื่มเหล้ากันหน่อยไหม? "
MANGA DISCUSSION