ในขณะที่เย่เจ๋ออวี่กำลังลังเลที่จะเอ่ยทักทายอยู่นั้น อวี้กู้เป่ยที่นั่งอยู่บนรถเข็นก็ขยับปากพูดขึ้นก่อนราวกับว่าไม่ได้ยินในสิ่งที่เขากำลังคุยโทรศัพท์ เขาพูดขึ้นว่า " เจ๋ออวี่ ช่างบังเอิญจริงๆเลยนะ "
เย่เจ๋ออวี่อารมณ์ไม่ค่อยดีนัก เขายิ้มมุมปากเล็กน้อย และเดินตรงกลับไปที่ห้องส่วนตัวของตัวเอง
พอเห็นเย่เจ๋ออวี่กำลังจะเดินกลับเข้าไปที่ประตูห้องส่วนตัวของตัวเอง อวี้กู้เป่ยก็รีบเรียกชื่อเขาไว้ทันที " เจ๋ออวี่ มาดื่มด้วยกันสักแก้วไหม? "
เย่เจ๋ออวี่หยุดเดิน เขาหันกลับมายิ้มอย่างมีเลศนัยและแฝงไปด้วยความเยาะเย้ย จากนั้นก็พูดขึ้นอยากเยือกเย็นว่า " ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคนใจเสาะแบบนาย "
ตอนนั้นที่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นในตระกูลเย่ ถ้าเขาเป็นอวี้กู้เป่ย ฉันคงจะจัดการอวี้อี่มั่วตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่เขากลับทำเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น…..
เมื่อเขาฟังความหมายของคำพูดเย่เจ๋ออวี่ออก อวี้กู้เป่ยก็ลดความเย็นชาลงและพูดขึ้นว่า " นายต้องการสยบข่าวไม่ใช่หรอ? ฉันช่วยนายได้นะ "
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา มันก็ได้ผลกว่าประโยคต่างๆข้างบนอย่างเห็นได้ชัด เย่เจ๋ออวี่หยุดเดินและหันกลับมามองเขาทันที สายตาทั้งคู่จับจ้องไปที่เขาแล้วพูดว่า " แกจะช่วยฉัน? "
เมื่อกี้ที่ได้ยินน้ำเสียงที่ไม่สู้ดีของหลี่เจิน เขาเองก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจอยู่แล้ว มาตอนนี้อวี้กู้เป่ยกลับมาบอกว่าจะช่วยเขา ทำให้เขารู้สึกตกใจมากจริงๆ
" แกเนี่ยนะ? "
เขาก็แค่ลูกนอกสมรสของตระกูลอวี้ ถึงแม้แม่ของเขาจะได้เข้าไปอยู่ในบ้านตระกูลอวี้ แต่เขามันก็แค่ลูกนอกสมรสที่ขาพิการคนหนึ่งเท่านั้น จะมีความสามารถช่วยอะไรเขาได้?
อวี้กู้เป่ยพยักหน้ายังไม่ลังเล สีหน้าของเขายังอ่อนโยนเหมือนเดิม และเขาพูดขึ้นว่า " ไม่ว่ายังไงเราก็เพื่อนกัน ในเมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ถ้าฉันช่วยได้ฉันก็จะช่วย "
แววตาของเย่เจ๋ออวี่สับสน จะหันหลังเดินกลับไป หรือเดินเข้าไปหาเขาดีนะ
เขาเดินตามอวี้กู้เป่ยเข้าไปในห้องส่วนตัวข้างๆอีกห้องหนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็นั่งลงและเปิดประเด็นทันทีว่า " ถ้านายช่วยฉันได้จริงๆ ฉันจะพยายามทำตามความต้องการของนายอย่างสุดความสามารถ "
อวี้กู้เป่ยหัวเราะ และส่งสัญญาณให้เช่าจัวที่อยู่ข้างๆให้รินไวน์ให้เย่เจ๋ออวี้ " ไม่จำเป็นหรอก เพื่อนกันก็ช่วยๆกัน "
ทันทีที่เขาดื่ม เย่เจ๋ออวี่ก็เริ่มเปิดประเด็น และพูดไม่ยอมหยุด พูดไปพูดมาก็พูดถึงอวี้อี่มั่วเฉยเลย
หลังจากเขาสบถคำด่าหยาบๆพวกนั้นออกมา " เรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ถือว่าเป็นคราวซวยจริงๆ แต่ว่าเรื่องที่หลุดออกไปจนเป็นข่าวฉันรู้ว่าใครเป็นคนทำ "
แววตาของอวี้กู้เป่ยเต็มไปด้วยความสงสัย ยิ้มมุมปากและถามขึ้นว่า " ใคร? "
เย่เจ๋ออวี่พูดอย่างเย็นชา " จะเป็นใครไปได้นอกจากพี่ชายที่แสนดีของนาย? "
พอพูดแบบนั้นออกมา บรรยากาศภายในห้องก็เงียบสงบ
หลังจากนั้น อวี้กู้เป่ยก็หันไปหาเช่าจัว โดยไม่ได้ปกปิดเย่เจ๋ออวี่ เขาสั่งออกไปว่า " เช่าจัว เรื่องข่าวลือพวกนั้น หาวิธีสยบมันไปให้ได้ "
ทันทีที่เช่าจัวได้ยินแบบนั้นเขาก็พยักหน้าทันที และออกจากห้องส่วนตัวไป
พอเขาไปแล้ว ภายในห้องส่วนตัวตอนนี้ก็เหลือแค่พวกเขาสองคน เย่เจ๋ออวี่รู้สึกตกใจเล็กน้อย เขามองหน้าอวี้กู้เป่ยและถามขึ้นว่า " นายมีวิธีจัดการได้จริงๆหรอ? "
อวี้กู้เป่ยหัวเราะ และพูดขึ้นว่า " เจ๋ออวี่ ถ้าฉันช่วยนายสยบข่าวนี้ได้จริงๆ นายสัญญากับฉันได้ไหมว่าจะลืมเรื่องนี้ไป และไม่ไปหาเรื่องพี่ชายฉัน "
ทันทีที่เย่เจ๋ออวี่ได้ยิน เขาก็วางแก้วลงบนโต๊ะอย่างโมโหสุดๆ เขาพูดอย่างไม่เข้าใจจริงๆว่า " อวี้กู้เป่ย ทำไมนายใจเสาะอย่างนี้? เขาทำกับนายยังไง? นายยังคอยตามเช็ดตามหลังให้เขาลับหลังอีกหรอ! "
อวี้กู้เป่ยทำหน้าเศร้า เขายิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า " ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นพี่ชายฉัน เรื่องเก่า……ก็ช่างมันเถอะ "
ยิ่งเขาพูดแบบนี้ เย่เจ๋ออวี่ก็ยิ่งโกรธเข้าไปอีก " ฉันขอเตือนนายให้มีสติหน่อยได้ไหม! นายคิดว่านายทำแบบนี้แล้วเขาจะขอบคุณนายหรือไง? ไม่มีทางสะหรอก! "
" แล้วเรื่องขาคู่นี้ของนายอีก……"
เขานึกขึ้นได้ เลยไม่พูดต่อ พูดไปแค่ครึ่งเดียวก็รู้สึกว่ามันไม่เหมาะสมจึงรีบหยุดพูด ยกแก้วไวน์ตัวเองขึ้นดื่ม " รู้ไหมว่าทำไมตอนนั้นฉันถึงเลิกติดต่อกับนายไป เพราะว่าฉันรู้สึกว่านายมันใจเสาะ! "
แววตาอวี้กู้เป่ยแฝงไปด้วยความรู้สึกที่ตกใจ และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลขึ้น " ถึงเขาจะไม่เห็นฉันเป็นน้องชาย แต่สำหรับฉันนับเขาเป็นพี่ชายเสมอ สำหรับนายก็เหมือนกัน ในใจฉันนายยังคงเป็นพี่น้อง เพื่อนรักของฉันเสมอ "
ทันทีที่เขาพูดแบบนั้นออกไป สีหน้าเย่เจ๋ออวี่ก็ดูซับซ้อน เขาหัวเราะ และยื่นมือไปคว้าแก้วและรินไวน์ลงไป " เมื่อนานพูดแบบนี้ เราก็ยังเป็นพวกรักกันเหมือนเดิม! "
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง เย่เจ๋ออวี่ก็ออกจากห้องส่วนตัวนั้นอย่างพอใจ เช่าจัวปิดประตูห้องลงและเดินเข้าไปหาอวี้กู้เป่ยและอดไม่ได้ที่จะถามว่า " คุณชาย ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคุณต้องช่วยเขาด้วย"
อวี้กู้เป่ยยกมือลูบผ้าบนตักของตัวเอง และพูดนิ่งๆว่า " ศัตรูของศัตรูอีกทีก็คือมิตรของเรา ตอนนี้ช่วยเขา ในอนาคตเขาจะมีประโยชน์กับเรา "
คนอย่างเย่เจ๋ออวี่แค่กระดิกนิ้วนิดหน่อยก็สามารถซื้อใจเขาได้แล้ว อีกอย่าง คนเจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างเขาแค่ยั่วยุไม่กี่คำ เขาก็พร้อมลุยและสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย
หมากในเกมส์แบบนี้ สำหรับเขามันดีที่สุดแล้ว
" ประธานอวี้ครับ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ข่าวบนโลกออนไลน์ตอนนี้โดนกลบไปเรียบร้อยแล้วครับ "
ทันทีที่การประชุมจบลง ตู้เยี่ยก็เดินเข้าไปข้างหน้า และกระซิบข้างหูอวี้อี่มั่ว
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้ว ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาถูกปกคลุมไปด้วยเย็นชา
ถ้าว่าตามหลักแล้ว ข่าวพวกนี้ไม่น่าจะถูกกลบหรือลบออกไวขนาดนี้นะ ความสามารถและการประชาสัมพันธ์ของเย่กรุ๊ปเขาก็พอจะประเมินได้
เพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆแค่นี้เขาคงไม่สามารถกลบข่าวที่ร้อนแรงนี้ลงได้นอกจากว่าเย่เจ๋ออวี่จะมีคนที่มีอำนาจกว่าอยู่เบื้องหลังเขา
พอกลับถึงห้องทำงาน เขาปลดกระดุมชุดสูทออก และนั่งลงบนโต๊ะทำงานและยกมือกุมขมับ จากนั้นก็พูดนิ่งๆว่า " ช่างเถอะ ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้แหละ "
ถึงแม้ว่าข่าวจะถูกกลบไปแล้ว แต่ถึงยังไงข่าวก็แพร่กระจายไปแล้ว คนที่ควรรู้ก็คงรู้แล้ว ในเมื่อเป็นแบบนี้ เร็วๆนี้คงไม่มีใครกล้าเสี่ยงทำงานร่วมกับเย่กรุ๊ปหรอก
เป้าหมายถือว่าบรรลุแล้ว
ตู้เยี่ยพยักหน้า จู่ๆเขาก็เหมือนนึกบางอย่างออกจึงพูดขึ้นว่า " ประธานอวี้ครับ ภารกิจของปั๋วรุ่ยถือว่าเสร็จสมบูรณ์แล้ว จะมอบเงินรางวัลให้เขาเท่าไหร่ครับ? "
จริงๆแล้วภารกิจแบบนี้ เงินรางวัลก็แค่ให้พอเป็นน้ำใจเท่านั้น แต่ว่าครั้งนี้อวี้อี่มั่วรู้ว่าหร่วนซือซือต้องการใช้เงิน จึงให้เธอมีส่วนร่วมในแผนการครั้งนี้โดยเฉพาะ และบอกเธอไปว่าจะได้เงินรางวัลก้อนโต ตอนนี้ภารกิจสิ้นสุดลงแล้ว ก็คงถึงเวลาต้องมอบเงินรางวัลแล้ว
พอนึกถึงศาสตราจารย์หร่วนที่ยังคงนอนติดเตียงอยู่ที่โรงพยาบาล อวี้อี่มั่วก็รู้สึกกลุ่มใจ เขาพูดขึ้นนิ่งๆว่า " ให้เธอมาพบฉันหน่อย "
ตู้เยี่ยตอบรับ และรีบทำตามทันที
สิบนาทีต่อมา หร่วนซือซือเดินจากแผนกบริหารมายังห้องทำงานท่านประธานด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยสบายใจ
ทุกครั้งที่เขาโดนอวี้อี่มั่วเรียกตัวให้เข้าไปพบในห้องทำงานเธอก็จะรู้สึกหวาดกลัวทุกที บวกกับเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องทำงานครั้งที่แล้วอีก แค่อยู่กับเขาสองต่อสองเธอก็รู้สึกตัวสั่น
เมื่อเดินมาถึงหน้าประตู หร่วนซือซือก็สูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็เคาะประตูและผลักเข้าไป
ทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้น ก็เคยอวี้อี่มั่วเดินหันหลังและยืนอยู่หน้าหน้าต่างบานใหญ่ รูปร่างสูงใหญ่ เสน่ห์และออร่าของเขาพุ่งกระฉูด แค่ข้างหลังของเขาก็ทำให้คนที่เห็นถึงกับหวั่นไหว
หร่วนซือซืออดที่จะถอนหายใจไม่ได้ ดูดีไปหมดทั้งสามร้อยหกสิบองศา ก็คงเป็นแบบนี้แหละ บางคน แค่หลังคอยังดูดีกว่าคนปกติสะอีก
มันไม่มีเหตุผลจริงๆ
พอได้ยินเสียง ชายหนุ่มก็หันมามอง หร่วนซือซือก็รีบหลบสายตาเขา
อวี้อี่มั่วมองหร่วนซือซือ สายตาของเขามองไปที่แขนของหร่วนซือซือที่พันด้วยผ้าก๊อซ และเขาก็พูดขึ้นเบาๆว่า " ภารกิจครั้งนี้ของปั๋วรุ่ย สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี นั่นเป็นเงินรางวัลของเธอ "
หร่วนซือซือมองไปตามสายตาของเขา พอเห็นซองจดหมายที่วางอยู่มุมโต๊ะ เธอก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
ปกติแล้วถ้าบริษัทจะแจกเงินโบนัสเกี่ยวกับโครงการต่างๆของแผนก ล้วนจะแจกพร้อมกับเงินเดือนของเดือนต่อไป แล้วทำไมเขาถึงไม่จ่ายผ่านฝ่ายการเงินแต่ประธานบริษัทกลับเป็นคนแจกเอง?
เธอหยุดชะงักไปชั่วครู่ มือทั้งสองข้างของหร่วนซือซือประสานกันแน่น จากนั้นเธอก็ก้มหน้าและพูดขึ้นว่า " ฉันไม่รับ "
MANGA DISCUSSION