ดั่งรักบันดาล - ตอนที่ 20
หร่วนซือซือคิดอยู่นาน แต่ก็ไม่มีความคิดดีๆ
แต่อย่างไรก็ตามวันเกิดของศาสตราจารย์หร่วนก็เป็นวันที่สำคัญ ในเมื่อเธอกับอวี้อี่มั่วจดทะเบียนกันแล้ว การที่ครอบครัวจะออกไปทานอาหารด้วยกันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
ไม่สู้ถือโอกาสนี้อธิบายกับอวี้อี่มั่ว แล้วถามความคิดเห็นของเขา
หลังจากตัดสินใจแล้ว หร่วนซือซือก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วความกดดันในใจของเธอก็ถูกยกออก จากนั้นเธอก็หลับไป
ในช่วงบ่ายของวันต่อมา หร่วนซือซือได้เจออวี้อี่มั่วอีกครั้ง เธออยู่ในห้องอย่างเบื่อหน่าย และได้ยินเสียงรถดังมาจากหน้าต่าง เธอจึงมาที่หน้าต่างและเห็นรถที่คุ้นเคย
หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงเปิดประตูห้องหนังสือที่ทางเดินชั้นสอง
หร่วนซือซือผลักประตูออกจากห้องนอนและเดินไที่บันได เธอเห็นป้าหรงชงชาและเดินขึ้นมา
หร่วนซือซือถามว่า ป้าหรง อวี้อี่มั่วกลับมาแล้วหรอ?”
“ใช่ค่ะ คุณชายเพิ่งกลับมา แต่ดูเหมือนไม่สบายใจ ฉันเห็นสีหน้าของเขาไม่ค่อยดี”
“อ่า?”
หร่วนซือซือรู้สึกประหม่าขึ้นมา เดิมทีเธอรอให้อวี้อี่มั่วกลับมา แล้วจะพูดเรื่องวันเกิดพรุ่งนี้ของพ่อ แต่เธอไม่ได้คิดว่าตอนนี้เขาจะอารมณ์ไม่ดี
ป้าหรงถามอย่างุนงงว่า “คุณนายเป็นอะไรไป มีเรื่องอะไรหรอ?”
“ไม่มีเรื่องอะไร” ในขณะที่หร่วนซือซือพูด สายตาก็แหลือบไปเห็นถาดในมือของป้าหรง เธอรีบยื่นมืออกไปรับ “ป้าหรงเอาน้ำชามาให้ฉันเถอะ ฉันจะเอาไปส่งเอง”
“ได้ค่ะ นั้นคุณก็ระวังหน่อย”
หลางจากที่หร่วนซือซือรับถามมา เธอก็สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินตรงไปที่หนังสือ
ไม่ว่าจะยังไงก็ตามเรื่องนี้จะล่าช้าไม่ได้ เมื่อเช้าคุณนายหลิวได้จองโรงแรมเรียบร้อยแล้ว และในตอนนี้ก็ส่งที่อยู่มาให้เธอแล้ว ถ้าเธอไม่จัดการ คุณนายหลิวต้องต่อว่าเธออย่างแน่นอน
เมื่อเดินมาถึงหน้าประตู หร่วนซือซือก็ยกมือขึ้นมาเคาะประตู
“เข้ามา”
เมื่อได้ยินเสียงเย็นชาของเขาดังออกมาจากข้างใน หร่วนซือซือก็รวบรวมความกล้าที่แล้วผลักประตูเข้าไป
อวี้อี่มั่วนั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือ เขาจ้องมองโน้ตบุ๊คด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม ใบหน้าของเขาดูเย็นชามากกว่าปกติ
หร่วนซือซือเดินไปที่โต๊ะพร้อมกับน้ำชาและพูดเบาๆว่า “ป้าหรงชงชาให้ ฉันเอามาส่งให้คุณ”
“อืม”
อวี้อี่มั่วตอบด้วยน้ำเสียงเฉยเมยโดยไม่เงยหน้าขึ้นมา
หร่วนซือซือชะงักไปชั่วขณะ แล้วหยิบกาน้ำชามารินน้ำชาให้เขาและถามว่า “วันนี้…ทำงานเหนื่อยมากใช่ไหม?”
“นิดหน่อย” ในขณะที่อวี้อี่มั่วพูดก็เงยหน้าขึ้นมองเธอ น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนขึ้น “เปลี่ยนยาแผลที่คอรึยัง?”
“อ๋อ…เปลี่ยนแล้ว”
ความเป็นห่วงอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยของเขา ทำให้ใจของหร่วนซือซือว้าวุ่น “คือว่า……”
อวี้อี่มั่วมองไปที่เธอ “ยังมีเรื่องอะไรหรอ?”
หร่วนซือซือฝืนยิ้ม และถามอย่างสบายๆว่า “ก็ไม่มีอะไร แค่อยาจะพูดคุยกับคุณ ฉันมาอยู่ที่นี่หลายวันแล้ว ยังไม่เจอพ่อแม่ของคุณเลย อันที่จริงฉันแค่อยากรู้จักพ่อแม่ของคุณ……”
เธอยังพูดไม่ทันจบก็เห็นว่าสีหน้าของอวี้อี่มั่วเศร้าหมอง และหลังจากนั้นเธอก็หยุดพูด
เธอรู้สึกผิดอย่างอธิบายไม่ถูกและพูดอย่างลังเล “ฉัน…พูดอะไรผิดรึเปล่า?”
อวี้อี่มั่วสีหน้าเคร่งขรึม แววตาดูเย็นชา และดูเหมือนว่าเขาจะเก็บกดไว้ในใจ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ลุกขึ้นยืนจ้องไปที่หร่วนซือซือ และพูดอย่างเย็นชาว่า “หร่วนซือซือ เธอว่างมากหรอ?”
ประโยคนี้หนักแน่นมาก หร่วนซือซือตกตะลึงไม่ชั่วขณะ และพูดอะไรไม่ออก
“ฉัน……”
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้ว แล้วก้าวเข้ามาใกล้เธอ จากนั้นก็พูดอย่างเย็นชาว่า “ถ้าฉันเ็นเธอ ฉันจะทุ่มเทในการทำงาน เพื่อที่จะลบคำซุบซิบนินทาในบริษัท และจะไม่สนใจเรื่องที่ไม่สำคัญอะไรพวกนี้!”
อวี้อี่มั่วทิ้งคำพูดเหล่านี้ไว้ เขาจ้องมองเธอและรีบเดินออกไป
หร่วนซือซือยืนอยู่ตรงนั้น ในสองของเธอว่างเปล่า เธอไม่คิดว่าแค่เธอพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับพ่อแม่ของอวี้อี่มั่ว เขาก็จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้
ยิ่งกว่านั้นตอนนี้พวกเขาจดทะเบียนกันแล้ว และเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน พ่อแม่ของเขาก็คือพ่อแม่สามีของเธอ เธออยากที่จะเข้าใจก็เป็นเรื่องปกติ ทำไมถึงเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญอะไรล่ะ?
หรือว่าอวี้อี่มั่วไม่เคยเห็นเธอเป็นคนในครอบครัว?
ความคิดนี้แวบเข้ามาในหัวของเธอ เธอรู้สึกหนาวในใจขึ้นมาทันที และรู้สึกหดหู่ใจ
แม้ว่าในตอนแรกที่เธอจดทะเบียนกับอวี้อี่มั่ว เธอก็ไม่ได้คิดที่จะขอให้เขามีความรู้สึกที่ลึกซึ้งกับเธอ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาก็ไม่แตกต่างจากคนแปลกหน้า?
หร่วนซือซือรู้สึกน้อยใจและเสียใจ เมื่อได้ยินเสียงสตาร์ทรถออกไป เธอก็ค่อยๆเดินออกจากห้อง
ป้าหรงรีบเดินเข้ามาด้วยความตื่นตระหนกและถามว่า “คุณนาย เกิดอะไรขึ้น?ทำไมจู่ๆคุณชายถึงออกไป?”
หร่วนซือซือประสานมือของเธอเข้าหากันแน่น เธอก้มหน้าและพูดเบาๆว่า “ป้าหรง ดูเหมือนว่าฉันจะทำให้เขาโกรธ”
“นี่…เกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำถามซ้ำๆของป้าหรง หร่วนซือซือจึงทำได้เพียงพูดออกไป และเมื่อได้ยินเธอพูดถึงเรื่องพ่อแม่ของอวี้อี่มั่ว สีหน้าของป้าหรงก็เปลี่ยนไป
“คุณนาย ที่แท้คุณก็ไม่รู้!ตอนที่คุณชายยังเด็ก แม่ของเขาเป็นหัวข้อที่ห้ามพูดถึง!”
หร่วนซือซือตกตะลึงจนตาค้าง “อะไรนะ?หัวข้อที่ห้ามพูดถึง!”
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินว่าพ่อแม่เป็นหัวข้อที่ห้ามพูดถึง!
“โธ่!คุณไม่รู้ว่าชีวิตของคุณนายนั้นรันทด ในตอนนั้นคุณชายอายุแค่ยี่สิบ คุณนายก็เสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วย ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตเธอต้องการพบนายท่าน แต่นายท่านติดธุระมากมาย ไม่สามารถกลับมาได้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาระหว่างคุณชายกับนายท่านก็มองหน้ากันไม่สนิท……”
ป้าหรงถอนหายใจยาวและพูดว่า “ปกติคุณชายกับนายท่านไม่ได้สนิทกัน และเขาไม่ต้องการให้คนอื่นพูดถึงพ่อแม่ของเขา ดังนั้น……”
เมื่อหร่วนซือซือที่อยู่ข้างๆได้ฟังที่ป้าหรงพูดอย่างนั้น เธอก็เข้าใจว่าทำไมเมื่อกี้อวี้อี่มั่วถึงมีปฏิกิริยาอย่างนั้น
“งั้น……ฉันควรทำยังไง?”
ไม่ต้องพูดถึงการเชิญพ่อแม่ของอวี้อี่มั่วไปงานเลี้ยงวันเกิดของพ่อเธอเลย เธอไปแตะต้องข้อห้ามของเขา คงยากที่จะให้ความโกรธของเขาสงบลง
ป้าหรงพูดเกลี้ยกล่อมเบาๆ “โธ่ คุณนาย คุณก็อย่าโทษตัวเองมากเกินไปเลย 不ไม่รู้ก็ไม่ผิด รอให้คุณชายหายโกรธ แน่นอนว่าไม่มีอะไร”
แม้ว่าจะพูดอย่างนี้ แต่ในใจของหร่วนซือซือก็เหมือนมีหินก้อนใหญ่ทับอยู่ เธอสูดหายใจเข้าลึกๆและถามว่า “ป้าหรงสอนฉันหน่อย ฉันจะทำอะไรเพื่อเป้นการขอโทษเขาดี?ครั้งนี้ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ……”
“คุณชายชอบดื่มซุปซี่โครงหมูของฉัน ถ้าอย่างนั้นฉันจะสอนคุณ และให้คุณทำให้คุณชายดื่ม?”
หร่วนซือซือแววตาเป็นประกายและพูดว่า “ดีจัง!”
แทนที่จะขอโทษแบบแห้งๆ ไม่สู้ลงมือทำอะไรเพื่อเขาจะดีกว่า
หร่วนซือซือเดินเข้ามาในห้องครัวทันทีและเริ่มเรียนรู้การทำซุปกับป้าหรง
หลังจากวนไปวนมาอยู่ในห้องครัวสองชั่วโมง ในที่สุดหร่วนซือซือก็เข้าใจเคล็ดลับในการทำซุปซี่โครงหมูของป้าหรง
เช้าวันต่อมา หลังจากที่หร่วนซือซือตื่นก็รีบลุกไปที่ห้องครัว เธอเอาซี่โครงหมูที่ป้าหรงเพิ่งซื้อมาเมื่อกี้มาเริ่มทำซุป
เธอคิดไว้ว่าถ้าเธอทำซุปซี่โครงหมูเสร็จแล้ว เธอจะเอาไปส่งให้เขาที่บริษัท ด้วยวิธีนี้ก็ไม่แน่ใจว่าอวี้อี่มั่วดื่มซุปแล้วจะหายโกรธ ตอนเย็นยังต้องไปร่วมงานวันเกิดของพ่อกับเธอ
แม้ว่าพ่อแม่ของเขาจะไม่ได้ไป แต่แค่เขาไปเธอก็พอใจแล้ว