ดั่งรักบันดาล - ตอนที่ 194
หร่วนซือซือและหลี่หยวนสรุปแผนงานส่งไปหลายรอบด้วยกัน แก้งานไปหลายครั้ง ครั้งนี้ถือเป็นแผนงานที่แก้รอบสุดท้าย ก่อนหน้ากิจกรรมออฟไลน์หนึ่งวัน เธอและหลี่หยวนก็ได้ไปตรวจสถานที่ใช้จัดงานจริงที่หน้างาน
หลังจากยุ่งมาทั้งวันแล้ว ทุกคนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ความตื่นเต้นน้อยลงกว่าช่วงเริ่มต้นแรกๆมาก
"ซือซือ กาแฟสักแก้ว"
หลี่หยวนที่ถือกาแฟสตาร์บัคอยู่หลายแก้ว แจกจ่ายให้กับพนักงานทุกคนที่อยู่ในทีมวางแผนงานกิจกรรม พร้อมกับยื่นให้หร่วนซือซือหนึ่งแก้ว
หร่วนซือซือยิ้มที่มุมปาก แล้วขอบคุณด้วยเสียงเบาๆ
เธอหันหน้ามา มองไปยังเวทีที่จัดเสร็จแล้ว ถามขึ้นว่า : "ในงานมีการเชิญดารามาด้วยใช่ไหมคะ? ตกลงแล้วหรือยังคะว่าเป็นใคร? "
งานจะเริ่มพรุ่งนี้แล้ว จะสำเร็จหรือไม่ สำคัญสำหรับเธอมาก อย่างแรกเลยคือเงินรางวัลที่ค่อนข้างสูงมาก อีกอย่างคือโอกาสในวันข้างหน้า สองอย่างนี้สำคัญกับเธอมากจริงๆ
หลี่หยวนมองไปยังปลายทางที่เธอมอง แหงนหน้ามองป้ายที่เขียนตัวหนังสือใหญ่ว่า"แขกรับเชิญพิเศษ" แล้วพูดขึ้น : "ผมได้ยินมาว่า เป็นซูหลิงดาราที่บริษัทเราใช้มาตลอด"
ได้ยินชื่อที่คุ้นเคยนี้ หร่วนซือซือ แอบสะดุ้งเล็กน้อย ในหัวก็นึกถึงเหตุการณ์รอบที่แล้ว ในห้องทำงานของอวี้อี่มั่ว ผู้หญิงที่เย็นชาและหยิ่งผยองคนนั้น
เป็นเธอคนนั้นเหรอ รู้สึกแปลกใจอยู่นิดๆ แต่ก็ดูสมเหตุสมผลดี
ความสัมพันธ์ระหว่างอวี้อี่มั่วกับเธอคนนั้น สถานการณ์แบบนี้เธอจะทำตัวปกติยังไงดี
แต่เมื่อคิดแบบนี้แล้ว รู้สึกแปล๊บขึ้นมาในหัวใจ มุมปากเธอกระตุกยิ้มขึ้น เป็นรอยยิ้มที่เย้ยหยันประชดประชันในตัวเอง
หลี่หยวนที่นั่งอยู่ข้างๆมองเธอแล้ว รู้สึกสงสัย : "เป็นอะไรไปครับ? "
"ไม่เป็นไรค่ะ" หร่วนซือซือพอได้สติ ก็ตอบกลับไปเสียงเรียบ
ตัวเธอเอวกับอวี้อี่มั่วก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว ไปคิดอะไรเยอะแยะ? จดจ่อกับงานที่อยู่ตรงหน้าไม่ดีกว่าเหรอ
เมื่อจัดแจงทุกอย่างจนเสร็จแล้ว ของทุกอย่างก็จะเอาเข้ามาพรุ่งนี้ เลิกงานเร็วหน่อย หร่วนซือซืออารมณ์ค่อนข้างดี ซื้อติ่มซำที่คุณพ่อชอบอยู่หลายอย่าง ตรงไปโรงพยาบาล
ใครจะไปรู้ว่าเมื่อถึงโรงพยาบาลแล้ว พอเปิดประตูเข้าไป หร่วนซือซือก็เห็น ศจ.หร่วน ที่นอนอยู่บนเตียง หลับปุ๋ยเชียว คุณนายหลิวเห็นว่าเธอมา รีบรุดเข้ามาหาเธอ โบกมือเบาๆ เรียกเธอออกไปคุยกันข้างนอก
เมื่อประตูปิดลง คุณนายหลิวก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก พูดเสียงเบาว่า : "สองสามวันมานี้พ่อของเธอนอนไม่ค่อยหลับ นี่ก็พึ่งหลับไป ก็เลยว่าจะให้นอนเยอะๆ หน่อย"
หร่วนซือซือพยักหน้ารับรู้ แล้วถามขึ้นด้วยความห่วงใย : "คุณพ่อเป็นยังไงบ้างคะ? "
คุณนายหลิวก็ถอนหายใจ : "ก็เดิมๆ นั่นแหละ"
สีหน้าของคุณนายหลิวก็เริ่มเครียดลง และหยุดนิ่งไป จู่ๆ ก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ เธอล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแล้วหยิบสมุดบัญชีเงินฝากขึ้นมา ยื่นให้หร่วนซือซือ : "นี่คือเงินฝากออมของบ้านเรา เงินที่อยู่ในนี้คือเงินที่ฉันกับพ่อเธอเก็บหอมรอมริบมาค่อนชีวิต ตอนแรกว่าจะเก็บเอาไว้เป็นเงินสินสอดให้เธอ……"
คุณนายหลิวยังพูดไม่ทันจบ เสียงของเธอก็ขาดไป เหมือนจุกอยู่ที่อก หร่วนซือซือเริ่มแสบจมูกเพราะน้ำตาคลอเบ้า รีบกุมมือของคุณนายหลิวไว้ พูดกับเธอว่า : "แม่คะ ไม่เป็นไรค่ะ ขอแค่ให้พ่อดีขึ้นมา บ้านของเราก็จะดีขึ้นค่ะ"
เธอเองไม่ได้สนใจสินสอดอะไรแนวนั้น ตอนนี้แค่อยากให้พ่อได้ผ่าตัดเร็วที่สุด ร่างกายกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง
"หร่วนซือซือ ฉันเองก็เคยโทรไปที่ป้าของเธอ แล้วก็ญาติๆ ทางฝั่งของพ่อเธอ หน้าก็ขายไปหมดแล้ว แต่ก็ยืมได้ไม่มาก ทั้งหมดอยู่ในนี้บัตรหมดแล้ว รหัสบัตรคือวันเกิดของเธอ"
คุณนายหลิวพูด พลางยื่นบัตรมาให้เธอ
หัวใจของหร่วนซือซือเจ็บแปล๊บขึ้นมา มองบัตรเอทีเอ็มและสมุดบัญชีธนาคารในมือเธอแล้ว ในใจก็รู้สึกเจ็บปวดเข้าไปอีก
เพื่อจะได้ผ่าตัด คุณนายหลิวก็พยายามหาเงินด้วยทุกวิถีทาง
เธอกัดริมฝีปากแน่น ยกมือขึ้นมาบีบมือของคุณนายหลิว พูดปลอบใจเธอว่า : "แม่คะ แค่นี้ก็พอแล้ว ไม่ต้องห่วงนะคะ หนูจะหาวิธีเอง พรุ่งนี้หนูยังมีกิจกรรมงานใหญ่ จบงานแล้วหนูจะได้เงินรางวัลค่ะ วางใจได้ พอค่าผ่าตัดของพ่อแน่นอนค่ะ"
นัยน์ตาของคุณนายหลิวเอ่อไปด้วยน้ำตา รีบพยักหน้า พูดขึ้นว่า : "ฉันไม่อยากจะไปลำบากเธอเกินไป ซือซือ แต่แม่เธอจนปัญญาแล้วจริงๆ คงได้พึ่งเธอแล้วจริงๆ"
หร่วนซือซือยื่นมือมาโอบไหล่เธอไว้ แล้วปลอบเธอเบาๆ
เมื่อเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว อารมณ์จิตใจของหร่วนซือซือก็หล่นวูบลง แค่นึกถึงการผ่าตัดของพ่อ ก็เหมือนมีก้อนหินที่หนักอึ้งวางลงบนอกของเธอ จนเธอแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว
เมื่อกลับไปถึงคอนโด หร่วนซือซือหาอะไรกินรองท้องนิดหน่อย พอนึกถึงงานกิจกรรมพรุ่งนี้ ก็ทำได้แค่ลืมอารมณ์อ่อนไหวทั้งหมด รีบเข้านอนแต่เช้า
เช้าวันรุ่งขึ้น ฟ้ายังไม่ทันจะสว่าง หร่วนซือซือลุกขึ้นจากเตียง อาบเสร็จก็รีบรุดหน้าไปยังพื้นที่จัดงาน ไปดูสถานการณ์หน้างานเอง
ชั้นวางและอุปกรณ์ตกแต่งต่างๆ ทั้งหมดที่ใช้ในงานคือของที่เตรียมมาไว้ตั้งแต่เมื่อวานนี้ แล้วก็เริ่มประกอบใหม่ เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว และเริ่มลงตัวแล้ว พิธีกรและตัวสินค้าจัดเรียงได้ถูกต้อง ขาดแค่พนักงานรักษาความปลอดภัยและพนักงานบริษัทตามมาทีหลัง เธอถอนหายใจ
หลี่หยวนที่อยู่ข้างๆ เห็นเธอยุ่งจนขาแทบพันกัน อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า : "ซือซือ จวนแล้วแหละ ไม่น่ามีอะไรผิดพลาดแล้วหรอกครับ"
หร่วนซือซือได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้าเบาๆ แต่ไม่รู้ทำไมในใจยังรู้สึกแปลกๆ ตาก็กระตุกแต่เช้า ทั้งๆ ที่มาถึงหน้างาน ในใจก็ยังรู้สึกกระวนกระวายไม่หาย
"หลี่หยวน ฉันจะไปดูตัวสินค้าใหม่ว่าจัดเรียงเป็นยังไงบ้างแล้วค่ะ"
หร่วนซือซือยิ้มให้หลี่หยวน เดินดุ่มๆ ตรงไปยังจุดที่ลงสินค้าตัวใหม่
ปั๋วรุ่ยคือบริษัทลูกที่อยู่ภายใต้ในนามบริษัทอวี้กรุ๊ป วิจัยและผลิตงานเกี่ยวกับระบบบ้านอัจฉริยะ สองปีมานี้การวิจัยเกี่ยวกับระบบบ้านอัจฉริยะเป็นกระแสมาก กิจกรรมครั้งนี้ก็เพื่อจัดแสดงโชว์และแนะนำสินค้าตัวใหม่ตัวนี้ หลังจากนี้ก็จะไปจัดโชว์สถานที่อื่นต่อ เพื่อที่จะให้ผู้บริโภคได้สัมผัสสินค้าใหม่โดยตรง เพิ่มความร้อนแรงและความตื่นตาตื่นใจกับสินค้าตัวใหม่
จัดงานครั้งนี้ส่วนใหญ่ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับความนิยมในผลิตภัณฑ์ตัวใหม่บนตลาด และสื่อจำนวนมากจะมาเยี่ยมชมและเผยแพร่ออกไป ดังนั้นการออกผลิตภัณฑ์ใหม่แต่ละครั้งจึงมีความสำคัญมาก
เธอตรวจงานแล้วหลายรอบ หร่วนซือซือจึงเบาใจลงมาหน่อย เมื่อใกล้เวลาเริ่มงาน ผู้คนก็เริ่มทยอยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ พื้นที่จัดการแสดงก็เริ่มครึกครื้นขึ้น
หลี่หยวนเดินมาจากทางหน้าจอแสดงผล ตรงมายังหร่วนซือซือยกมือขึ้นทำสัญลักษณ์OK : "ซูหลิงประจำที่แล้ว อีกเดี๋ยวก็จะเริ่มขึ้นแล้ว"
ทางเวทีก็เริ่มครึกครื้นขึ้น
หร่วนซือซือยืนอยู่ด้านข้าง มองจากที่ไกล ถอนหายใจเบาๆ
หลังจากนั้นไม่กี่นาที พิธีกรก็ร้องเฮขึ้น ร่างอรชรในกระโปรงยาวชุดสีฟ้าครามเดินขึ้นบนเวที ท่าทีที่มั่นใจทุกคนพากันโบกมือให้เธอ
ดวงตาที่สดใสฟันที่ขาวสวย ใบหน้าที่สวยสะดุดตา เป็นซูหลิงแน่นอนไม่มีผิด
หร่วนซือซือมองผู้หญิงคนนั้นที่ยืนอยู่บนเวที รู้สึกอึ้งเล็กน้อย
ผู้หญิงที่เข้าตาอวี้อี่มั่ว สวยไร้ที่ติมาก เย่หว่านเอ๋ออ่อนหวานอ่อนโยน ซูหลิงสวยมีเสน่ห์ต้องใจ ต่างคนต่างสวยคนละแบบ
อวี้อี่มั่วจะนับแต้มหญิงงามทุกแบบเลยรึไงนะ?
ในหัวก็นึกเรื่องเรื่องหนึ่งออก หร่วนซือซือหยุดนิ่งไปชั่วขณะ พอเรียกสติได้
ทำไมเธอถึงคิดแต่เรื่องของอวี้อี่มั่วล่ะ ไม่ใช่ว่าจะตีตัวออกห่าง เว้นระยะห่างกับเขาไม่ใช่เหรอ?
เธอกัดฟันแน่น พอได้สติ ก็เงยหน้าขึ้นมองซูหลิงที่กำลังยืนโบกมือทักทายผู้ชมบนเวที สายตาของซูหลิงที่กำลังมองไปรอบ กลับหยุดลงที่เธอ
หร่วนซือซือหยุดชะงัก จ้องมองกลับไปยังซูหลิง กลับพบว่าซูหลิงได้ละสายตาจากเธอไปแล้ว
เมื่อกี้ทั้งๆที่รู้สึกถึงสายตาที่เยือกเย็นของซูหลิงจ้องมองมายังเธอ หรือว่าเธอจะรู้สึกไปเองนะ?