ดั่งรักบันดาล - ตอนที่ 180
"ยังไงฉันก็ต้องเชื่อเธออยู่แล้ว!"ซ่งอวิ้นอันไม่ลังเล ก่อนจะรีบเอ่ยขึ้นอีกว่า "คนอื่นไม่รู้ แล้วทำไมฉันถึงจะไม่รู้ว่าเธอเป็นคนอย่างไรกันล่ะ? เมื่อตอนแรกที่เข้ามหาวิทยาลัยแล้วคบหากับฉินเสียนหลี่แม้กระทั่งมือยังไม่กล้าจับ นับประสาอะไรกับเรื่องแบบนี้กันล่ะ!"
"เดิมทีฉันก็อยากจะอธิบายกับคุณลุงสักหน่อย แต่ทว่าคุณป้ามาขวางเอาไว้แล้วบอกว่าอาการของคุณลุงไม่ค่อยจะคงที่นัก รับอะไรหนักๆไม่ได้ ไม่พูดเรื่องนี้ขึ้นจะเป็นการดีที่สุด ดังนั้นฉันเลยไม่ได้พูดอะไร"
ทางซ่งอวิ้นอันที่อยู่ปลายสายนั้นอธิบายออกมาจนหมดเปลือก หร่วนซือซือพึ่งจะได้สติกลับคืนมา ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเบาว่า "อารมณ์ของคุณพ่อฉันไม่ค่อยแน่ใจนัก ปกติไม่เคยโกรธเลย แต่ทว่าหากโกรธขึ้นมาแล้วก็รับมือไม่ง่ายเลย"
"ถ้าอย่างนั้นแล้วเธอวางแผนว่าอย่างไร?"
หร่วนซือซือพลันชะงักไปครู่ใหญ่ ก่อนจะเอ่ยเสียงราบเรียบขึ้นว่า "รอให้วันนี้ผ่านไปแล้วค่อยว่ากันดีกว่าจ้ะ พรุ่งนี้ฉันจะไปที่โรงพยาบาลอีกครั้งหนึ่ง แล้วจะอธิบายทุกอย่างให้เขาฟังอีกที"
ถึงแม้ว่าจะรู้เรื่องราวที่แท้จริงอย่างกระจ่างแล้ว แต่ทว่าตอนนี้ไม่ใช่โอกาสที่ดีที่สุดที่จะอธิบาย อีกทั้งจดหมายนิรนามฉบับนั้น เธอยังไม่ทราบเลยว่าใครเป็นคนทำ
"อันอันจ๊ะ เธอสามารถช่วยอะไรฉันอีกอย่างหนึ่งจะได้ไหมจ๊ะ?"หร่วนซือซือสูดลมหายใจเข้าลึกๆ "ช่วยฉันสืบหน่อยได้ไหมจ๊ะว่าใครกันที่เป็นคนทำเรื่องนี้?"
ซ่งอวิ้นอันเอ่ยขึ้นด้วยความหนักแน่นอย่างไม่มีท่าทีลังเลยขึ้นว่า "ถึงแม้ว่าเธอจะไม่พูดฉันก็จะสืบหามันแน่ๆ กล้ามากลั่นแกล้งพี่น้องของฉัน ฉันจะลามือไปได้อย่างไรล่ะ?"
หร่วนซือซือเผยยิ้ม เป็นเพราะว่าคำพูดของซ่งอวิ้นอัน ภายในใจถึงรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย
"ซือซือ เธอว่าเรื่องนี้อวี้อี่มั่วเป็นคนทำหรือเปล่า? เป็นเพราะว่าในเรื่องนี้อวี้อี่มั่วกลายเป็นผู้ถูกกระทำ คนที่ทำผิดก็เลยมาตกเป็นเธอแทน……"
หร่วนซือซือได้ยินดังนั้น ภายในใจกลับรู้สึกหนักอึ้ง ไม่รอให้ซ่งอวิ้นอันได้พูดจบ ก็เอ่ยปฏิเสธออกไปโดยอัตโนมัติ "คงจะไม่ใช่เขาหรอกจ้ะ……"
ซ่งอวิ้นอันถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเบาว่า "เอาเถอะ เธอก็ไม่ต้องคิดอะไรมากแล้วนะ รีบพักผ่อนเสียเถอะจ้ะ พรุ่งนี้จะได้ไปโรงพยาบาลเร็วหน่อย"
นัยน์ตาของหร่วนซือซือเข้มขึ้น ก่อนจะเอ่ยตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งๆว่า"จ้ะ"
หลังจากที่วางสายไปแล้ว หร่วนซือซือนั่งอยู่บนโซฟา หวนนึกถึงคำพูดที่พวกเขาได้พูดคุยกันเมื่อครู่นี้ ความรู้สึกภายในสมองกลับตีกันให้วุ่นมากกว่าเดิม
เรื่องแบบนี้ไม่คล้ายกับฝีมือของอวี้อี่มั่วเลย แต่ทว่าทำไมเรื่องราวกับเอ่ยถึงเรื่องที่พวกเขาหย่าขาดจากกันล่ะ?
หร่วนซือซือคิดไม่ตก พลิกไปพลิกมา แทบจะนอนไม่หลับทั้งคืน เมื่อถึงช่วงเช้ามืด จึงค่อยๆหลับไป
เช้าของวันที่สอง หร่วนซือซือตื่นขึ้นมา หลังจากที่แปรงฟันล้างหน้าเรียบร้อยแล้ว ก็รีบพุ่งออกจากบ้านแล้วรีบมุ่งตรงไปที่โรงพยาบาลทันที
ไม่ว่าจดหมายนิรนามฉบับนั้นจะเป็นใครส่งมา มีเจตนาอะไร เธอต้องไปอธิบายให้กับศาสตราจารย์หร่วนให้ชัดเจน
เมื่อมาถึงด้านนอกของห้องพักผู้ป่วย ภายในใจของหร่วนซือซือคิดคำอธิบายเพื่อความบริสุทธิ์ใจของตนเองเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เธอยืนอยู่ที่หน้าประตู สองจิตสองใจไม่ขยับไปไหน
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดแล้ว เธอถึงรวบรวมความกล้าขึ้นมา ก่อนจะยกมือขึ้นแล้วเคาะประตูสองสามครั้ง
เมื่อเปิดประตู หร่วนซือซือเห็นศาสตราจารย์หร่วนกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่หน้าต่างภายในห้องพักผู้ป่วย เมื่อเห็นเธอ สีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นมากกว่าเดิม
"คุณพ่อคะ หนูมาวันนี้ มีเรื่องอยากจะคุยกับคุณพ่อค่ะ"
หร่วนซือซือขบเม้มริมฝีปากไปมา กำหมัดที่อยู่ข้างลำตัวกำแน่นขึ้น ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปหา
คุณนายหลิวที่อยู่ด้านข้างเห็นสถานการณ์ดังนั้นแล้ว เกรงว่าศาสตราจารย์หร่วนจะเกิดโทสะขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะรีบกุลีกุจอลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือข้างหนึ่งไปจับเข้าที่ไหล่ของเขาเอาไว้ แล้วเอ่ยขึ้นอย่างปลอบประโลมว่า "คุณหร่วนคะ คุณอย่าพึ่งโกรธไปก่อนเลยค่ะ ฟังซือซืออธิบายก่อนเถอะนะคะ……"
ศาสตราจารย์หร่วนทิ้งหนังสือพิมพ์ในมือไปทางด้านข้าง ก่อนจะส่งเสียงเหอะออกมาแล้วเอ่ยขึ้นว่า "ยังมีอะไรที่ต้องอธิบายอีกงั้นหรือ? ของที่ฉันได้เห็นกับตายังกล้าจะมาหลอกฉันได้อีกงั้นหรือไง?"
"คุณพ่อคะ หนูฟังอันอันบอกกับหนูแล้วค่ะเรื่องรูปถ่ายพวกนั้นแล้วค่ะ นี่มันเป็นไปไม่ได้เลยนะคะ หลังจากที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยแล้ว นอกจากอวี้อี่มั่ว หนูก็ไม่เคยสัมผัสกับผู้ชายคนอื่นเลยนะคะ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนอกใจอะไรนั้นด้วย!"
หร่วนซือซือพูดไป จมูกก็เริ่มแสบร้อน หยาดน้ำตาที่กลั้นไม่ไหวแล้วจึงไหลออกมา
ศาสตราจารย์หร่วนเห็นดังนั้นแล้ว นัยน์ตาฉายประกายลังเลเล็กน้อย แต่ทว่าเมื่อหวนนึกถึงรูปถ่ายพวกนั้น ก็ก่อเกิดโทสะที่ไม่อาจควบคุมได้ขึ้นมาในหัวใจ
เขาโกรธจนหน้าอกขยับขึ้นลง ก่อนจะหอบหายใจแรงแล้วเอ่ยขึ้นว่า "รูปถ่ายพวกนั้นมาอยู่ตรงหน้าของพ่อ ลูกยังจะให้พ่อเชื่อถือลูกได้อย่างไร!"
หร่วนซือซืออดทนอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ "คุณพ่อคะ พ่อจะไม่เชื่อหนูสักนิดเลยหรือคะ?"
ศาสตราจารย์หร่วนได้ยินดังนั้น ก่อนจะเคร่งขรึมมากกว่าเดิม หลังจากนั้นเอง เขาก็หันศีรษะกลับไป สบมองหร่วนซือซือด้วยนัยน์ตาสุขุม "ที่ลูกพูดไปเมื่อครู่นี้จริงหรือเปล่า?"
หร่วนซือซืออกแรงหยักหน้า ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างมั่นใจว่า "จริงค่ะ!"
"ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะไปที่ตระกูลอวี้กัน พ่อจะไปถามอวี้อี่มั่วให้กระจ่างเอง!"
ศาสตราจารย์หร่วนเอ่ยขึ้น โดยที่ไม่สนใจคุณนายหลิวที่คอยห้ามเอาไว้อยู่ ตลบผ้าห่มออกตั้งท่าจะลงจากเตียง
คุณนายหลิวตกใจ ก่อนจะรีบเอ่ยขึ้นว่า "คุณหร่วนคะ คุณทำอะไรคะเนี่ย? ร่างกายของคุณ……"
ศาสตราจารย์หร่วนเงยหน้าขึ้น สบมองไปที่เธอด้วยสีหน้าเคร่งขรึม "ถ้าคุณไม่ให้ผมไป ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็จะอกแตกตายแน่ๆ!"
คนยังคงมีหน้าตาให้รักษาเอาไว้ เขาเป็นถึงศาสตราจารย์คนหนึ่งในมหาวิทยาลัย ตั้งแต่เล็กก็คอยกวดขันลูกสาวเรื่องการเรียนและการเลี้ยงดู ถ้าหากเกิดเรื่องน่าขายหน้าแบบนี้ขึ้นจริงๆแล้วล่ะก็ เขาจะแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้อย่างไรกัน!
คุณนายหลิวเห็นท่าทีดื้อดึงของเขาแล้ว ก็เข้าใจดีว่าเขานิสัยดื้อรั้น ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจออกมา ก่อนจะถอยออกไป
หร่วนซือซือเห็นบิดามีจิตในแน่วแน่ รู้ว่าหากพูดไปก็ไร้ประโยชน์ ทำได้เพียงแค่ก้มหน้าก้มตาออกจากโรงพยาบาลไปพร้อมกับเขา แล้วมุ่งตรงไปที่ตระกูลอวี้
พอดีเลย เธอก็อยากจะถามว่าสุดท้ายแล้วเรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับอวี้อี่มั่วด้วยหรือเปล่า
เมื่อถึงหน้าประตูคฤหาสน์ หร่วนซือซือสบมองห้องที่คุ้นตา ภายในใจก็คาดเดาได้ มันคือห้องที่เธอกับอวี้อี่มั่วเคยอยู่ร่วมกันตอนแต่งงาน เธอก็ไม่คิดเลยว่า การได้กลับมาที่นี่ในครั้งนี้อีกครั้งจะเป็นเพราะว่าเรื่องเดิมๆ
หลังจากที่กดออดไปแล้ว ไม่นานนักก็มีคนมาเปิดประตูให้
ป้าหรงเดินผ่านสวนเข้ามา เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูใหญ่ สบมองไปที่ประตูด้านนอกและเมื่อเห็นว่าเป็นหร่วนซือซือกับศาสตราจารย์หร่วนและคุณนายหลิวแล้ว ทั้งตกตะลึงทั้งดีใจ "คุณหร่วน คุณมาหรือคะ?"
เมื่อเห็นป้าหรง หัวใจของหร่วนซือซือรู้สึกอุ่นใจ ก่อนจะยิ้มกว้างแล้วพยักหน้าหงึกหงัก หลังจากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า "พวกเรามาหาอวี้อี่มั่วค่ะ"
ป้าหรงรีบเปิดประตูทันที ก่อนจะเชิญพวกเขาเข้ามาข้างใน "นายน้อยอยู่บ้านค่ะ พวกคุณเข้ามาก่อนเถอะค่ะ"
กลับมาที่ห้องรับแขกที่คุ้นเคย หัวใจของหร่วนซือซือสับสนว้าวุ่นไปหมด หลังจากนั้นไม่นานนัก ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากบันได เธอหันไปมองตามเสียง ก่อนจะเห็นอวี้อี่มั่วที่อยู่ในชุดลำลองสบายๆกำลังเดินลงมาจากบันได
"ท่านอาจารย์ คุณแม่ พวกคุณมาได้อย่างไรกันครับ?"
อวี้อี่มั่วเดินเข้ามา ท่าทีอบอุ่นอ่อนโยน นัยน์ตาฉายแววประหลาดใจ
ศาสตราจารย์หร่วนลุกขึ้นยืน สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก ถึงแม้ว่าจะลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายแล้วก็เอ่ยปากขึ้นมาว่า "อี่มั่ว ที่พวกเรามาในวันนี้ ความจริงแล้วคือมาขอโทษเธอต่างหากล่ะ"
นัยน์ตาของอวี้อี่มั่วฉายแววประหลาดใจ สายตาหันสบมองไปยังหร่วนซือซือ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า "ทำไมต้องขอโทษด้วยครับ?"
หร่วนซือซือที่ยืนอยู่ทางด้านข้าง ก็นึกไม่ถึงว่าเมื่อบิดาเอ่ยปากขึ้นแล้วก็เอ่ยว่าจะขอโทษ เธอพูดไม่ออก คิดอยากที่จะอธิบายเรื่องราวทั้งหมด แต่ทว่ากลับไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นจากตรงไหนดี
ศาสตราจารย์หร่วนขมวดคิ้วเล็กน้อย ถอนหายใจก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า "อี่มั่ว เมื่อก่อนที่เธอกับซือซือทั้งสองคนแต่งงานกัน พวกเราในฐานะผู้ปกครองไม่กระจ่างมากนัก แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก ตอนนี้ฉันพึ่งจะรู้แล้ว เป็นเพราะว่าซือซือของพวกเราทำเรื่องผิดต่อเธอเอาไว้……นี่เป็นความผิดของฉันเอง เป็นเพราะฉันไม่กวดขันสั่งสอนลูกสาวให้ดี ฉันที่เป็นตัวแทนของตระกูลหร่วนอยากจะมาขอโทษเธอ….."
หร่วนซือซือตกตะลึง ไม่ใช่ว่าพูดเอาไว้แล้วหรือไงว่าจะมาถามอวี้อี่มั่วให้ชัดเจนน่ะ? เมื่อได้ฟังแบบนี้แล้วทำไมถึงคล้ายกับเธอเป็นฝ่ายผิดกันนะ?
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้ว ก่อนจะรีบยื่นมือไปพยุงศาสตราจารย์หร่วนอย่างรวดเร็ว สีหน้าเคร่งขรึมมากขึ้นกว่าเดิม "ท่านอาจารย์ คุณฟังใครมาครับ เดิมทีก็ไม่มีเรื่องอะไรแบบนี้อยู่แล้วนะครับ"
ศาสตราจารย์หร่วนพลันชะงักนิ่งไป "ฉัน…เมื่อวานฉันได้รับจดหมายมฉบับหนึ่ง ด้านในเป็นรูปถ่ายของซือซือกับผู้ชายคนอื่น อีกทั้งยังมีข้อความอีกข้อความหนึ่ง เขียนว่าเป็นเพราะว่าซือซือพวกเธอถึงต้องหย่ากัน……"
เมื่ออวี้อี่มั่วได้ยินดังนั้น คิ้วขมวดเข้าหากันแน่ ก่อนจะไม่ลังเล แล้วเอ่ยปฏิเสธไปทันทีว่า "ไม่ใช่นะครับ ผมกับหร่วนซือซือหย่าขาดจากกันเป็นเพราะว่าเราไม่เหมาะสมกัน ไม่มีเหตุผลอื่นเลยครับ"
หร่วนซือซือได้ยินดังนั้นแล้ว หัวใจกลับรู้สึกหนักอึ้ง ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อเธอได้ฟังอวี้อี่มั่วพูดมาแบบนี้แล้ว ภายในใจกลับรู้สึกหนักๆ ราวกับว่ามีอะไรมาทับอยู่