เมื่อลู่เสี่ยวมั่นมองหน้าของชายหนุ่มบนรถเข็นที่สีหน้าของเขาตอนนี้อ่อนโยนมากและแสงอาทิตย์อันอบอุ่นที่ส่องมาที่ใบหน้าของเขาในตอนนี้ทำให้โครงหน้าที่นุ่มนวลของเขา
ในวินาทีนั้น ลู่เสี่ยวมั่นถึงกับอึ้ง
แค่พูดถึงหร่วนซือซือ ผู้ชายที่ดูห่างเหินคนนี้กลับดูอบอุ่นและอ่อนโยนขึ้นมากๆ
ในขณะที่เธอรู้สึกประหลาดใจ เธอก็อดไม่ได้ที่จะคาดเดาไปต่างๆนานา
เมื่ออวี้เป่ยสัมผัสได้ถึงแววตาของลู่เสี่ยวมั่นที่แสดงออกมาในตอนนี้ เขาจึงตั้งใจหันหน้าไปทางอื่น
มันก็แค่การแสดง เพียงแสร้งทำต่อหน้าเธอเท่านั้น ในเมื่อบรรลุเป้าหมายแล้ว เขาจึงคิดว่าเพียงพอแล้ว
ไม่ว่ายังไงก็ยังมีเวลาอีกเยอะ ไม่เพียงแค่หร่วนซือซือหรอกนะ รวมถึงเธอด้วยลู่เสี่ยวมั่น เธอก็จะเป็นหมากในเกมส์ของเขาด้วยเช่นกัน
สิ้นสุดเพียงเท่านี้
ณ ร้านปิ้งย่าง กลิ่นหอมโชยมา
หร่วนซือซือที่หิวมาทั้งวัน เธอหยิบบาร์บีคิวชิ้นใหญ่และห่อกับผักสองสามใบและกินเพื่อบรรเทาความหิวของตัวเอง
ทันทีที่เธอเงยหน้า ก็เห็นตู้เยี่ยที่กำลังจะใช้ตะเกียบไปคีบหมูสามชั้นที่ปิ้งอยู่บนกระทะ แต่ทันใดนั้นก็มีตะเกียบคู่หนึ่งลอยมาและคีบหมูสามชั้นชิ้นนั้นตัดหน้าเขา
หร่วนซือซือมองซ่งอวิ้นอัน เธอหัวเราะพร้อมไปพูดขึ้นว่า " อันอัน เธออย่าใจร้ายแบบนี้สิ ทำไมต้องแย่งหมูของผู้ช่วยตู่เขาด้วยล่ะ? "
แววตาของซ่งอวิ้นอันเจ้าเล่ห์เล็กน้อย และพูดขึ้นว่า " บนหมูชิ้นนั้นไม่ได้เขียนชื่อเขาไว้นี่นา ฉันคีบมาก่อนก็หมายความว่าเป็นหมูของฉัน "
หร่วนซือซือได้ยินแบบนั้น ก็มองไปทางตู้เยี่ย และยิ้มให้เขา
เพื่อนสนิทเธอคนนี้ ไม่มีใครรู้จักเขาดีมากกว่าเธออีกแล้ว เธอจะทำแบบนี้ก็แค่กับคนที่เธอรู้สึกสนใจเท่านั้นแหละ ปฏิกิริยาของเธอที่มีต่อพวกที่เธอไม่สนใจ ท่าทางของเธอจะนิ่งมากและไม่มีวันทำแบบนี้แน่นอน
ที่เธอปฏิบัติกับตู้เยี่ยแบบนี้ แสดงว่าระหว่างเธอและตู้เยี่ยต้องมีอะไรบางอย่างแล้วแหละ
พวกเขาพูดคุยกันอย่างสนุกสานและบรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็ผ่อนคลายมากๆ หลังจะทานอาหารกันเสร็จ หร่วนซือซือก็อิ่มท้องแล้ว และก็อารมณ์ดีขึ้นมากแล้วเช่นกัน
หลังจากออกจากร้านอาหารและอยู่ระหว่างทาง จู่ๆซ่งอวิ้นอันก็สะกิดแขนเธอ และถามเธอเบาๆว่า " ซือซือ สิ้นเดือนนี้จะมีงานการแสดงดนตรีจัดขึ้นที่หอประชุมนานาชาติเจียงโจว เธอจะไปไหม? "
เมื่อพูดถึงการแสดงดนตรี หร่วนซือซือก็หันไปถามเธอว่า " เธอได้ขึ้นโชว์งั้นหรอ?"
ซ่งอวิ้นอันยักคิ้ว แก้มของเธอแดงเล็กน้อย เธอยิ้มพร้อมไปพูดขึ้นว่า " จะมีการแสดงหนึ่งและฉันได้รับเชิญให้ไปเล่นเปียโน "
เมื่อคิดถึงเรื่องที่ซ่งอวิ้นอันกลบประเทศมาก็เป็นระยะเวลาค่อนข้างนานแล้ว ช่วงเวลาที่ผ่านมาเธอไม่ค่อยรับงานแสดงเลย พอถึงตอนนี้เธอกำลังจะมีการแสดงบนงานแสดงดนตรีทั้งที แล้วเพื่อนสนิทอย่างเธอจะไม่ไปได้ยังไงกันล่ะ?
" ถ้าอย่างนั้นก็ต้องไปแน่นอนอยู่แล้วสิ "
หลังจากหร่วนซือซือตอบตกลงแล้ว เธอก็หันไปมองตู้เยี่ย เธอยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า " ผู้ช่วยหร่วนก็ไปด้วยกันสิคะ อันอันจะแสดงเปียโนเชียวนะ "
ตู้เยี่ยสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินแบบนั้น สายตาของเขามองไปที่ซ่งอวิ้นอันราวกับว่ากำลังขอความคิดเห็นจากเธอ
ซ่งอวิ้นอันเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง และตั้งใจพูดแบบนิ่งๆว่า " ก็ได้ ฉันจะให้การ์ดเชิญเพิ่มอีกใบ "
พอตู้เยี่ยได้ยินแบบนั้น แววตาเขาดูตกใจมาก แต่การแสดงออกทางสีหน้าของเขายังคงนิ่งเรียบ
พอหร่วนซือซือเห็นเข้า เธอรู้สึกเหมือนเธอเป็นส่วนเกินที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงกลางของเขาทั้งสองคน เธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พอเห็นรถแท็กซี่ที่จอดอยู่ข้างถนนเธอก็มีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาทันที
" อันอัน ฉันรู้สึกปวดท้องนิดหน่อย ฉันกลับก่อนนะ "
เธอพูดและพลางมองหน้าตู้เยี่ย " ผู้ช่วยตู้ รบกวนคุณช่วยส่งอันอันกลับบ้านทีนะคะ "
เธอทิ้งประโยคนี้ไว้ และไม่รอให้พวกเขาตั้งตัว เธอก็ลากกระเป๋าเดินทางของตัวเองตรงไปที่รถแท็กซี่จอดอยู่และขึ้นรถทันที
ในวินาทีที่ปิดประตูรถ หร่วนซือซือก็เห็นใบหน้าที่สวยงามของเพื่อนเธอมีความโกรธปรากฏอยู่เล็กน้อย พอหันไปมองอีกคนหนึ่ง สีหน้าของตู้เยี่ยกลับแฝงไปด้วยความยิ้มแย้มดีอกดีใจ
เธอยิ้มออกมาเล็กน้อย และรีบสั่งให้คนขับออกรถได้เลย
พวกเขาทั้งสองต่างก็แอบรักชอบคอกัน ถ้าเธออยู่เป็นก้างขวางคอพวกเขาต่อไปแบบนั้น เกรงว่าเธอต้องเป็นตัวร้ายแน่ๆเลย
ในระหว่างทางกลับ ในเวลาว่างๆไม่มีอะไรทำ หร่วนซือซือก็หยิบมือถือขึ้นมา และปลดล็อกรหัสผ่าน จากนั้นเธอก็เห็นว่ามีสองสายที่โทรเข้ามาแล้วเธอไม่ได้รับ
โทรมาจากอวี้อี่มั่ว
เธอจับโทรศัพท์แน่น และรู้สึกลังเลเล็กน้อย
ตั้งแต่เธอรู้จักอวี้อี่มั่วมาจนถึงตอนนี้ อวี้อี่มั่วโทรหาเธอนับครั้งได้ และการที่เขาจะโทรมาสองสายติดแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงเลยแน่นอนว่าน้อยมาก
หรือว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น?
หร่วนซือซือเดาไม่ถูกและไม่แน่ใจ เธอรอให้รถหยุดลงตรงหน้าประตูชุมชน เธอจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออกอย่างลังเล
หลังจากโทรไม่ออก ไม่นานก็มีคนรับสาย
" ฮัลโหล? " เธอยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ก็มีเสียงอ่อนโยนของผู้หญิงดังขึ้นจากปลายสาย
หร่วนซือซือถึงกับตัวแข็งทื่อและสมองของเธอว่างเปล่า
ทำไมถึงเป็นผู้หญิงรับสาย?
" ฮัลโหล? สวัสดีค่ะ ต้องการเรียนสายอวี้อี่มั่วใช่ไหมคะ? "
ผู้หญิงจากปลายสายพอไม่ได้ยินเสียงตอบรับใดๆ เลยถามขึ้นมาประโยคหนึ่ง
ประโยคนี้ ทำให้หร่วนซือซือฟังออกว่าเป็นเสียงของใคร
เธอคือซูหลิงดาราสาวที่เธอเจอในห้องทำงานของเขาวันนั้นไม่ใช่หรอ?
เธออยู่กับอวี้อี่มั่วที่ประเทศไทย!
หร่วนซือซือไม่มีเวลาที่จะคิดอะไรมาก เธอรีบตอบกลับไปว่า " ขอโทษนะคะ พอดีโทรผิดค่ะ " เธอตัดสายอย่างไม่ต้องคิด
หลังจากวางสาย เธอกำโทรศัพท์ไว้แน่น มีความรู้สึกยางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ปกคลุมหัวใจของเธอ
หร่วนซือซือกัดริมฝีปากล่างของตัวเอง และนึกถึงคำพูดของอวี้อี่มั่วที่เคยพูดกับเธอ เขาพูดว่าการที่ส่งพนักงานออกไปศึกษาเรียนรู้นอกพื้นที่ก็แค่เป็นข้ออ้างให้เขาทำตามแผนเท่านั้น
เขาจะมีแผนการอะไร หรือว่าจะเป็นการเดทส่วนตัวกับดาราสาว? เที่ยวทั่วกรุงเทพ? นอนหลับฝันดีไปด้วยกัน?
แล้วเรื่องที่เธอถูกลักพาตัวมันคืออะไร? หรือว่ามันเป็นแค่เรื่องไม่คาดคิด?
อวี้อี่มั่วอาจจะเป็นอวี้อี่มั่วที่หลายใจอย่างเดิมมาโดยตลอด เธอห้ามมองเขาเปลี่ยนไปเพียงเพราะเขาช่วยชีวิตเธอไว้
จิตใจของหร่วนซือซือสับสนวุ่นวายไปหมด ยิ่งคิดมากเท่าไหร่เธอก็วุ่นวายใจมากขึ้น ในที่สุดเธอก็ปิดโทรศัพท์และลากกระเป๋าเดินเข้าอพาร์ทเมนต์ไป
ในเวลาเดียวกัน ณ ห้องอาหารของโรงแรม อวี้อี่มั่วเดินมาหยุดลงที่โต๊ะอาหาร ปลดกระดุมชุดสูทของเขาออกและนั่งลง มองไปทางซูหลิงที่นั่งอยู่ตรงข้าม " โทรศัพท์ผมมีสายเรียกเข้าหรอ? "
ซูหลิงเหลือบไปมองโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ เธอยักไหล่และพูดว่า " ฉันรับให้แล้ว ปลายสายบอกโทรผิด "
อวี้อี่มั่วที่ไดเยินแบบนี้ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก หลังจากนิ่งไปนาน ในสมองเขาก็มีใบหน้าของหญิงสาวคนหนึ่งผุดขึ้นมา เขาขมวดคิ้ว และนิ่งไป สุดท้ายก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเปิดไปดูที่การบันทึกการโทรเข้าออก
เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ เป็นหร่วนซือซือโทรมา
เขาเหลือบไปมองซูหลิงแวบหนึ่งและพูดขึ้นนิ่งๆว่า " หลังจากกินเสร็จแล้วให้ไปหาซูอวี้เฉิงนะ รายละเอียดต่างๆเขาจะเป็นคนบอกเธอเอง "
เขาทิ้งประโยคนี้ไว้ และเขาก็เดินออกไปโดยไม่พูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว
เมื่อเดินไปถึงทางเดินข้างนอก เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรหาเธออีกรอบ ปลายสายมีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น " เบอร์ที่ท่านต้องการติดต่อไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ค่ะ ติดต่อกลับมาในภายหลัง……"
แววตาของเขาเศร้าหมอง อวี้อี่มั่วจับโทรศัพท์ไว้ ภายในใจเขามีความรู้สึกซับซ้อนที่ยากจะอธิบายปรากฏขึ้น เขานิ่งไปชั่วครู่ และโทรหาตู้เยี่ย
โทรติด แต่ไม่รู้ว่าทำไมฝ่ายนั้นไม่มีคนรับสาย
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วและรู้สึกไม่พอใจ คิดไม่ถึงเลยว่าทั้งสองคนพอกลับประเทศไปแล้วจะกล้าทำถึงขนาดนี้ อีกคนปิดเครื่อง อีกคนไม่รับสาย ตั้งใจงั้นหรอ?
ในเวลานี้ ตู้เยี่ยที่นั่งอยู่บนรถก็จามออกมาหนึ่งที
เขาขยี้จมูกตัวเอง และมองไปที่ผู้หญิงข้างๆ ซ่งอวิ้นอันนอนพิงผนังเบาะและเธอหลับไปแล้ว
พอมองหน้าของหญิงสาว ตู้เยี่ยมก็อมยิ้มอย่างไม่รู้ตัว
ทันใดนั้น คนขับก็เบรกทำให้รถส่ายเล็กน้อย ซ่งอวิ้นอันที่นอนพิงเบาะอยู่ก็ไหลลงมาซบอยู่ที่ไหล่ของเขา
ตู้เยี่ยหันข้างไปมองเล็กน้อย และสังเกตเห็นว่าระยะห่างของทั้งสองใกล้ชิดกันมากๆ เพียงแค่เขาก้มหน้าลงก็สามารถสัมผัสกับหน้าผากที่ขาวเนียนของเธอได้เลย
ตู้เยี่ยเม้มปาก ใจที่นิ่งสงบของเขากลับเต้นเร็วขึ้น
เขา……คงไม่ได้หวั่นไหวกับเธอใช่ไหม?
MANGA DISCUSSION