ดั่งรักบันดาล - ตอนที่ 174
หลังจากที่เธอตื่นนอนในตอนเช้าเธอก็สังเกตเห็นบนโต๊ะในห้องของอวี้อี่มั่วนั่นมีถุงใบใหญ่เบ้อเริ่มวางอยู่ และมีเพียงห่อเดียวที่ถูกแกะใช้งานไปแล้ว
เธอรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องถาม
พอคิดย้อนกลับไปถึงเรื่องนี้ หน้าเธอก็แดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ทำให้ในตอนนั้นเธอลืมตอบคำถามของซ่งอวิ้นอัน
เมื่อซ่งอวิ้นอันเห็นหน้าที่แดงระเรื่อของหร่วนซือซือ เธอเลยโน้มตัวเข้าไปใกล้ๆและถามขึ้นด้วยความแปลกใจ " ซือซือ เธอเป็นอะไรไป? คิดถึงใครอยู่? "
หร่วนซือซือดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว และรีบตอบทันทีว่า " ใช่ที่ไหนกัน! "
ซ่งอวิ้นอันไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ เลยแกล้งพูดล้อเธอว่า " แล้วทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะ? "
หร่วนซือซือที่ไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไง สายตาเธอกลับเหลือบไปเห็นตู้เยี่ยที่อยู่ไม่ไกล ทันใดนั้นสายตาเธอก็เปล่งประกาย และพูดหยอกล้อซ่งอวิ้นอัน " อันอัน คนที่คิดถึงใครบางคนอยู่น่าจะเป็นเธอมากกว่านะ คนที่เธอคิดถึงตอนนี้เขาอยู่ข้างๆนี่แล้วนะ ยังไม่รีบคว้าโอกาสนี้ไว้อีก? "
พอเธอพูดขึ้นแบบนั้น ซ่งอวิ้นอันก็ชะงักไป จากนั้นหน้าเธอก็แดงก่ำ เธอทั้งเขินและโมโห เธอยื่นมือไปตีที่หลังของหร่วนซือซือ " ซือซือ เธอพูดบ้าอะไรของเธอเนี่ย! "
ทั้งสองคนคุยกันอย่างสนุกสนานมาตลอดทาง หลังจากที่ออกจากสนามบินแล้ว จู่ๆตู้เยี่ยก็เดินเข้ามาบอกกับพวกเธอว่า " ผมจองรถเอาไว้แล้วแล้ว พวกคุณกำลังจะไปที่ไหน? เดี๋ยวผมไปส่งพวกคุณก่อน "
ซ่งอวิ้นอันพูดเสนอว่า " ซือซือ เราไปกินข้าวกันก่อนไหม? "
หร่วนซือซือเองก็เห็นด้วย เธอมองไปที่ตู้เยี่ยและหันกลับมามองซ่งอวิ้นอัน เธอยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า " ผู้ช่วยตู้ไปด้วยกันสิคะ คุณดูแลพวกเรามาตลอดการเดินทางแล้ว จริงไหมอันอัน?"
แสงประกระกายส่องผ่านนัยน์ตาของตู้เยี่ยแวบๆ ท่าทีที่จริงจริงของเขาก็เริ่มผ่อนคลายขึ้น เขาพยักหน้าและพูดว่า " ครับ "
ไม่นาน รถที่จองไว้ก็ขับมาถึง พวกเขาทั้งสามขึ้นรถและมุ่งตรงไปยังซุปเปอร์มาเก็ตใกล้ๆแถวนี้
อีกด้านหนึ่ง ณ คฤหาสน์ในเขตชานเมือง
มีเสียง "ปั๊ง" ดังขึ้น แจกันลายดอกสีฟ้าครามที่สวยงามและหรูหรากลายเป็นเศษแก้วกระจายอยู่ทั่วพื้น
ลูกน้องคนหนึ่งก้มหัวมองดูเศษแจกันที่กระจายเต็มพื้น เขากลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้า
ข้างๆเขา มีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่นั่งอยู่บนรถเข็นอเนกประสงค์
เขาเงยหน้ามองนอกหน้าต่างและค่อยๆถามขึ้นว่า " คุณลุงหลิน ก่อนหน้านี้คุณเป็นผู้ช่วยของแม่ผม พอตอนนี้คุณก็ติดตามรับใช้ผมมามากกว่าสองปี จนถึงป่านนี้แล้วคุณยังไม่รู้นิสัยใจคอของผมอีกหรอ?
ชายวัยกลางคนที่ชื่อว่าคุณลุงหลินก้มหน้าพร้อมกับตอบอย่างรวดเร็วว่า " คุณชาย ผมเข้าใจดีครับ ผมเข้าใจ "
" ถ้าอย่างนั้นคุณก็น่าจะรู้นะว่าสิ่งที่ผมต้องการคืออะไร "
น้ำเสียงของเขานิ่งเรียบและพูดอย่างช้าๆ แต่มันแฝงไปด้วยความเยือกเย็นที่ยากที่จะอธิบายทำให้คนฟังถึงกับต้องรู้สึกกลัว
หลังจากเงียบไปนาน ในที่สุดเขาก็พูดขึ้นว่า " เพื่อเห็นแก่แม่ผม ผมจะให้โอกาสคุณอีกครั้ง ถ้ายังหาแจกันที่เหมือนกับอันเดิมมาไม่ได้ แล้วถ้ายังใช้ของแบบนี้มาหลอกตาผมอีก คงรู้นะว่าจะมีจุดจบอย่างไร "
คุณลุงหลินรีบตอบกลับอย่างรวดเร็วพร้อมกับก้มหัวต่ำไปอีก " ครับคุณชาย ผมรู้ครับ……"
พออวี้กู้เป่ยได้ยินแบบนั้น ก็ขมวดคิ้วและโบกมือไปมาส่งสัญญาณให้เขาออกไปได้
ไม่นาน คุณลุงหลินก็เดินออกไป และเช่าจัวก็เดินเข้ามา เมื่อเขาเห็นเศษแจกันที่กระจายเต็มพื้นเขาก็ขมวดคิ้วและพูดขึ้นว่า " คุณชายครับ ถ้าเป็นแบบนี้อาจจะทำให้คุณชายได้รับบาดเจ็บได้นะครับ "
เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ อวี้กู้เป่ยที่นั่งอยู่บนรถเข็นก็หัวเราะเยาะตัวเอง " ถ้าฉันรู้สึกเจ็บขึ้นมาจริงๆก็ดีนะสิ "
ขาคู่นี้ของเขา สูญเสียความรู้สึกไปหลายปีแล้ว ไม่สามารถขยับเดินได้ และไม่รู้สึกเจ็บใดๆ มีไว้ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรสักอย่าง!
เช่าจัวเงียบไป และพูดขึ้นว่า " กายภาพบำบัดในครั้งนี้มีผลลัพธ์ที่ดีมาก คุณชายน่าจะมีความเชื่อมั่นในตัวเองนะครับ "
พอได้ยินแบบนั้น อวี้กู้เป่ยทำสีหน้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนประเด็นและถามขึ้นว่า " มีเรื่องอะไร? "
เมื่อพูดถึงเรื่องสำคัญ สีหน้าของเช่าจัวก็จริงจังขึ้นและรายงานเขาว่า " ผมได้รับข่าวมาว่า หร่วนซือซือกลับถึงประเทศจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ "
อวี้กู้เป่ยลังเลเล็กน้อย แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ตกใจอะไรมาก " แล้วอวี้อี่มั่วล่ะ? ยังอยู่ที่ประเทศไทยหรอ? "
" ใช่ครับ คนของเขานอกจากตู้เยี่ยแล้วก็ยังไม่มีคนกลับมาครับ "
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น อวี้กู้เป่ยก็หยิบอาหารนกที่วางอยู่ข้างๆโต๊ะและโยนมันเข้าไปให้นกในกรง
นกแก้วที่อยู่ในกรงกระโดดโลดเต้นและกินอาหารด้วยความดีใจพร้อมกับพูดขึ้นว่า " เจ้านาย เจ้านาย! ขอบคุณเจ้านาย! "
อวี้กู้เป่ยยักคิ้ว ในแววตาเขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น เขาพูดขึ้นอย่างสบายๆว่า " รูปภาพพวกนั้นที่ประเทศไทย เตรียมเรียบร้อยหมดแล้วรึยัง? "
เช่าจัวตอบ " ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วครับ "
อวี้กู้เป่ยปัดเศษอาหารนกที่อยู่บนผ้าบนตัก และพูดขึ้นนิ่งๆว่า " ส่งให้เย่หว่านเอ๋อได้เลย "
เช่าจัวพยักหน้า " ครับ "
หลังจากตอบรับแล้ว เขาก็คิดบางอย่างขึ้นได้เลยพูดต่ออีกว่า " คุณชายครับ คนที่ชื่อลู่เสี่ยวมั่นคนนั้นเธอมารออยู่ที่ชั้นล่างมากกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วครับ "
ลู่เสี่ยวมั่นนั่งรออยู่บนโซฟาที่ห้องรับรอง เธอกวาดสายตามองรอบๆ การตกแต่งของคนไข้คนนี้ช่างสวยงามที่หรูหราจริงๆ เธอก็อดคิดไม่ได้ว่าคนไข้แบบนี้น่าจะเป็นคนที่หายากมากและน่าจะไม่ได้พบเจอบ่อยๆ ช่างเป็นคนรวยอย่างแท้จริง การตกแต่งภายในบ้านประณีตทุกรายละเอียดจริงๆ
เธอมองการตกแต่งภายในบ้านไปมาอยู่หลายรอบจนเธอเองก็เริ่มรู้สึกเบื่อแล้ว
นี่มันก็ผ่านไปแล้วกว่าสี่สิบนาที ยังไม่มีคนมาแจ้งเธอให้ไปเจอกับคนไข้อีก
น่าแปลกจริงๆ
งานในครั้งนี้ ผู้อำนวยการแผนกเป็นคนมอบหมายให้เธอด้วยตัวเอง ท่านบอกว่าเป็นผู้ป่วยระดับวีไปพีคนหนึ่ง เขาต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เพราะว่าอาการป่วยของเขาค่อนข้างพอเศษ พอดูสถานที่ปฏิบัติงานเป็นบ้านของเขา ตรงจุดนี้เธอก็ค่อนข้างแปลกใจ แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เธอมาถึงที่หมายและนั่งรออยู่นายมาก ฝ่ายตรงข้ามก็ไม่โผล่หน้ามาเจอกันสักที
ในที่สุด หลังจากผ่านไปอีกสิบนาทีก็มีชายชุดดำคนหนึ่งเดินลงบันไดมาด้วยสีหน้านิ่ง และพูดกับเธอเสียงแข็งว่า " คุณพยาบาลลู่ เดินตามผมขึ้นมาได้เลยครับ "
ลู่เสี่ยวมั่นได้ยินแบบนั้น ก็รีบลุกขึ้นเดินตามเขาขึ้นไปชั้นสอง และเดินตามเขาเข้าไปยังห้องๆหนึ่ง
ในห้องกว้างขวางและสว่างไสว มีชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนรถเข็น สีหน้าของเขาค่อนข้างเย็นชาและไร้ความรู้สึก ข้างๆเขามีโต๊ะตัวหนึ่ง และมีนกแก้วอยู่ในกรงหนึ่งตัว
ในสมองของลู่เสี่ยวมั่นมีมีคำหนึ่งผุดขึ้นมา นั่นก็คือ " ลึกลับ "
อวี้กู้เป่ยพูดขึ้นนิ่งๆโดยไม่หันมามอง " เข้ามานี่ "
เมื่อได้ยินเสียงนั่น ลู่เสี่ยวมั่นก็ชะงักไป เธอมองหน้าเช่าจัวแบะค่อยๆเดินเข้าไป
เธอพึ่งจะเดินเข้าไป นกแก้วในกรงก็เอนหัวและพูดขึ้นว่า " สาวสวย! สาวสวย! "
อวี้กู้เป่ยชะงักไปชั่วครู่ แววตาเขารู้สึกแปลกใจ เลยหันไปมองหน้าลู่เสี่ยวมั่น เมื่อเห็นใบหน้าที่สดใสบริสุทธิ์ของเธอ และเขาก็ค่อยๆละสายตามองไปทางอื่น
ก็หน้าตาธรรมดา
ลู่เสี่ยวมั่นสังเกตเห็นแววตาที่ดูไม่พอใจของเขา เธอนิ่งไปสักพัก และพูดขึ้นอย่างเป็นทางการว่า " คุณลู่คะ ฉันเป็นพยาบาลส่วนตัวของท่านค่ะ ฉันชื่อลู่เสี่ยมมั่น "
" อือ อีกเดี๋ยวเช่าจัวจะบอกรายละเอียดหน้าที่ของเธอให้ฟัง แล้วเธอค่อยเริ่มงานในวันพรุ่งนี้ "
น้ำเสียงของอวี้กู้เป่ยนั้นทั้งอ่อนโยนและสุภาพ แต่ก็มีความห่างเหินอย่างเห็นได้ชัด
ลู่เสี่ยวมั่นพยักหน้าตอบรับ ในตอนที่เธอกำลังจะเดินตามเช่าจัวออกไป ทันใดนั้นก็มีคนเรียกชื่อเธอ
" พยาบาลเสี่ยวลู่ ได้ยินมาว่าเธอสนิทกับหร่วนซือซือมากงั้นหรอ? "
พอได้ยินชื่อนั้น ลู่เสี่ยวมั่นก็สะดุ้งเล็กน้อย และตอบกลับว่า " เป็นเพื่อนเก่ากันค่ะ คุณอวี้รู้จักเธอหรอคะ? "
อวี้กู้เป่ยยิ้มมุมปาก และตอบนิ่งๆว่า " รู้จัก "
มากกว่ารู้จักสะอีก หร่วนซือซือเป็นอดีตพี่สะใภ้เธอ และจะเป็นหมากในเกมส์ในอนาคตของเขา