เมื่อเทียบกับรูปถ่ายที่ถูกส่งมาให้เข้าก่อนหน้านี้ กระโปรงบนกายของหร่วนซือซือในตอนนี้ถูกมีดตัดแยกออกจากกัน เป็นรอยมีดเต็มไปหมด ทำให้สามารถมองเห็นผิวกายเปลือยเปล่า อีกทั้งเมื่อถอดกระโปรงลง ก็มีรอยเลือดไหลออกมาเป็นทาง มันไหลย้อยลงมาตามขาเล็กขาวนวลของเธอ
เธอก้มหน้าลง สีหน้าซีดเผือก สภาพอดสูจนสามารถทำให้คนรู้สึกสงสาร
เมื่อเห็นสถานการณ์ดังนั้นแล้ว อวี้อี่มั่วรู้สึกเพียงแค่ว่าเส้นในสมองขาดจากกันเสียงดัง คล้ายกับว่าจู่ๆก็มีของอะไรบางอย่างระเบิดขึ้นเสียงดังเข้าที่ข้างหูก็ไม่ปาน เขากำมือเข้าหากันแน่น นัยน์ตาทั้งสองข้างแดงก่ำ
ในช่วงเวลานั้นเอง เสียงหัวเราะเยาะเย้ยจากด้านข้างดังขึ้นมาให้ได้ยิน ก่อนจะตามมาด้วยเสียงปรบมือ
เป็น K ที่เดินเข้ามา พร้อมกับปรบมือไปพลาง "อวี้อี่มั่ว คุณไม่ทำให้ผู้หญิงของคุณผิดหวังแล้วล่ะ ฉันยังนึกอยู่เสียอีกว่า คุณคงมาไม่ทันในครึ่งชั่วโมงหรอก!"
ถึงแม้ว่าเขากำลังยิ้ม แต่ทว่ารอยยิ้มกลับส่งไปไม่ถึงดวงตา นัยน์ตาดุจเหยี่ยวคู่นั้นเย็นยะเยือก สามารถทำให้คนหนาวสั่นได้
อวี้อี่มั่วหันศีรษะกลับไปมอง นัยน์ตาดุดันเคร่งขรึมเย็นยะเยือก สบสายตามองกับมันเข้าอย่างจัง ไม่มีท่าทีหวาดกลัวอะไรเลย "ลูกพี่ใหญ่ K ที่ชื่อเสียงเรียงนามไปทั่วทั้งกรุงเทพ ไม่ทราบว่าทำไมถึงต้องลงมือกระทำกับผู้หญิงตัวเล็กๆได้ขนาดนี้"
หร่วนซือซือที่ถูกมัดอยู่บนล้อหมุนครึ่งหลับครึ่งตื่น เมื่อได้ยินเสียงนั้น ร่างกายแข็งเกร็ง ก่อนจะใช้แรงทั้งหมดในการเงยหน้าขึ้นมาสบมอง เมื่อเห็นใบหน้าคุ้นเคยนั่นแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแสบร้อนไปทั่วโพลงจมูก
เขามาจริงๆด้วย! ในตอนที่เธอคิดว่าเธอจะต้องตายที่นี่แล้วนั้น เขากลับมาปรากฏตัวขึ้นราวกับเทพมาโปรด!
ด้านฝั่งนั้น K หัวเราะเสียงเย็นก่อนจะตอบกลับไปว่า "นั่นก็เป็นเพราะว่าท่านอวี้อี่มั่วผู้ยิ่งใหญ่เจอตัวไม่ได้ง่ายนัก ก็เลยต้องออกแรงหน่อย ใช้ของหลอกล่อ ไม่อย่างนั้น คุณจะติดกับแบบนี้หรือไงครับ"
อวี้อี่มั่วกำหมัดแน่น ช้อนสายตาขึ้น สบมองไปทางหร่วนซือซือ นัยน์ตาสุกสกาวสบมองกันและกัน สองวินาทีหลังจากนั้น เขาหันมาสบมองที่ K พร้อมกับนัยน์ตาแหลมคมที่เยือกเย็น "แกลงมือทำร้ายเธองั้นหรือ?"
เลือดบนกายเธอพวกนั้น แดงจนแสบตาคน!
"จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?" K แสร้งทำเป็นผู้ถูกกล่าวหาก่อนจะโบกไม้โบกมือไปมา "ผู้หญิงคนนั้นเป็นประจำเดือน เลือดพวกนั้นไม่เกี่ยวกับฉันเลยสักนิด นาย K คนนี้ เรื่องยังไม่ทันได้พูดคุยกันให้เสร็จสรรพก่อนเลยนะครับ ดังนั้นไม่ลงมืออะไรก่อนแน่"
นัยน์ตาของอวี้อี่มั่วแวววับ สบมองไปยังลูกน้อยสิบกว่าคนที่ยืนอยู่ทางด้านหลังของ K ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็นขึ้นว่า "ถ้าอย่างนั้นแล้วแกคิดจะคุยยังไง?"
เจ้าคนพวกนี้ มีอาวุธครบมือกันทุกคน ถ้าเขาแข็งสู้ ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางหนีไปได้ แต่ทว่าหร่วนซือซือถูกจับมัดเอาไว้อยู่ เขาเลยไม่กล้าทำอะไรอุกอาจ
เรื่องมาถึงตอนนี้แล้ว คงทำได้เพียงแค่ทำตามที่ K ต้องการเท่านั้น
K ไม่มีท่าทางทุกข์ร้อนใดๆเลย จุดบุหรี่มวนใหม่ขึ้น สบมองอวี้อี่มั่วผ่านท่ามกลางควันที่ลอยอยู่ในอากาศ นัยน์ตาดุจเยี่ยวคู่นั้นฉายแววเย็นยะเยือกออกมาเล็กน้อย
อวี้อี่มั่วจ้องกลับอย่างไม่ยอมแพ้ นัยน์ตาสีดำขลับเต็มไปด้วยความเยือกเย็น ทั้งสองคนผลัดกันจ้องกันและกันโดยที่ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาเลยแม้แต่คำเดียว
ในที่สุด มุมปากของ K ก็เหยียดยิ้มขึ้น ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำขึ้นว่า "สวี่เฟิงหมิงคือคนของฉัน คุณจะแตะเขาไม่ได้ ถึงแม้จะแตะไปแล้ว ก็ลามือไปซะ"
พูดไป สีหน้าของมันก็แปรเปลี่ยนไปเป็นน่าหวาดหวั่น มีความดุร้ายขึ้นเล็กน้อย
หลังจากนั้นไม่นานนัก มันก็สาวเท้าเข้ามาใกล้ นัยน์ตาดุจเยี่ยวคู่นั้นสบมองเขา "คุณมากระทำการอุกอาจในที่ของผม นั้นก็หมายความว่าเอาขี้มาโยนใส่หัวผม คุณคิดว่า ผมจะยอมได้อย่างนั้นหรือครับ?"
ริมฝีปากบางเฉียบของอวี้อี่มั่วขบเม้มเข้าหากันแน่น นัยน์ตาดำขลับดุดันและอันตราย
ไม่รอให้เขาได้พูดอะไรออกมา ใบหูกลับได้ยินเสียงซ่าซ่าคล้ายกับเสียงของเม็ดข้าวโพดดังขึ้น หลังจากนั้น ก็ตามมาด้วยเสียงของซูอวี่เฉิง "คุณอวี้ ประจำตำแหน่งกันหมดแล้ว พร้อมลงมือ"
อวี้อี่มั่วกระแอมกระไอเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาช้อนสายตาขึ้น สบมองผ่านท่ามกลางกลุ่มคนพวกนั้น แล้วมองไปยังหร่วนซือซือที่อยู่บนวงล้อ
เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาของชายหนุ่ม หร่วนซือซือก็มีกำลังใจขึ้นมาทันที เธอได้ยินอะไรไม่ชัดเจนนักเกี่ยวกับรายละเอียดที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่ แต่ทว่ากลับรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เคร่งเครียดและกดดัน
K มองตามสายตาของอวี้อี่มั่วไป เมื่อเห็นหร่วนซือซือ ก็กระตุกยิ้มมุมปากแล้วเอ่ยขึ้นว่า "วันนี้ไม่ว่าคุณจะจับสวี่เฟิงหมิงได้หรือไม่ได้ หากอยากที่จะพาคนออกไปล่ะก็ ก็ต้องมาเล่นเกมกับผมสักเกมก่อนนะครับ"
มันไม่ง่ายเลยที่กว่าจะวางแผนให้เขามาติดกับดักได้ เรื่องที่จะกดดันต้อนให้เขาปล่อยสวี่เฟิงหมิงไปกลับกลายเป็นเรื่องไร้ความหมายไปในทันที เขาอยากที่จะรู้มากกว่าว่าท้ายที่สุดแล้วอวี้อี่มั่วจะมีน้ำอดน้ำทนมากขนาดไหนต่างหาก
อวี้อี่มั่วเอ่ยถามเสียงเข้ม "เกมอะไร?"
เขารู้ดี เข้าถ้ำเสือ K จะต้องไม่ยอมปล่อยให้พวกเขาได้ออกไปง่ายๆแน่
K ส่งสัญญาณบอกเป็นนัย เจ้าคนหัวล้านที่อยู่ด้านข้างรีบนำถาดรองหนึ่งถาดมาให้ทันที ด้านบนเต็มไปด้วยลูกดอกปลายแหลม ส่วนหัวของมันแหลมคมต้องกับแสงเป็นประกายแวววาว ส่วนปลายมีสีสันทั้งแหลมทั้งยาว ทั้งหมดมีประมาณห้าหกดอก
อวี้อี่มั่วสบมองไปที่หร่วนซือซือครั้งหนึ่ง ก่อนที่ภายในใจจะเข้าขึ้นมาได้ในทันที
เป็นไปตามคาด K ยิ้มแล้วหัวเราะหึหึออกมา เดินไปทางด้านข้างของวงล้อ ก่อนจะหมุนเบาๆหนึ่งครั้ง วงล้อที่มัดหร่วนซือซือเอาไว้ก็เริ่มหมุนเป็นวงกลม
เดิมทีสภาพร่างกายของหร่วนซือซือไม่พร้อมอยู่แล้ว ตอนนี้มาถูกทำแบบนี้ก็ยิ่งรู้สึกว่าเวียนหัวเข้าไปกันใหญ่ ทุกข์ทรมานถึงขีดสุด
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วแน่น มือที่ตกอยู่ข้างลำตัวค่อยๆกำเข้าหากันแน่นขึ้น ตามเสียง "ครืดคราด" ที่ดังขึ้น
เดิมทีเขาคิดที่จะควบคุมอารมณ์ของตนเองแล้วแสร้งทำเป็นโอหัง แต่ทว่าตอนนี้ เขากลับอดกลั้นโทสะในใจเอาไว้ไม่ได้แล้ว
K หยิบลูกดอกหนึ่งดอกขึ้นมาบีบเล่น ก่อนจะแสร้งทำท่าว่าจะปาออกไป แล้วถามขึ้นว่า "ว่าอย่างไรครับ? จะเล่นหรือไม่เล่น?"
อวี้อี่มั้วระงับความรู้สึกเก็บกลับเข้าไปในดวงตา สีหน้าแปรเปลี่ยนกลับมาเป็นปกติ ก่อนจะเอ่ยเสียงทุ้มขึ้นว่า "เล่นสิ แต่ว่าฉันต้องตรวจสอบวงล้อก่อน"
เกมนี้ เขาถนัด แต่ทว่าหากหร่วนซือซือไม่อดทนแต่กลับขยับไปมาแล้วล่ะก็ ลูกดอกนั่นก็อาจจะพลาดเป้าได้ เธอก็จะได้รับบาดเจ็บ
K สบมองไปยังหร่วนซือซือครั้งหนึ่ง ก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นว่า "ได้สิครับ วงล้อในเกมมันขยับได้นะ แน่ใจใช่ไหมครับว่าจะเล่นน่ะ?"
อวี้อี่มั่วพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปที่วงล้อหมุน ลูกน้องของ K ที่อยู่ด้านข้างยกปืนขึ้นมาจ่อไปที่หร่วนซือซือ เพื่อป้องกันไม่ให้เขาตุกติก
เมื่อเห็นชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ หร่วนซือซือรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาทันที คล้ายกับว่าเป็นแสงสว่างที่เกิดขึ้นท่ามกลางความมืดมน แม้กระทั่งร่างทั้งร่างก็ยังรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อยเลย
จมูกของเธอแสบร้อน หยาดน้ำตาสีใสอดไม่ได้ที่จะกลิ้งไหลออกมา
อวี้อี่มั่วกักเก็บนัยน์ตาเย็นยะเยือกนั่นกลับไป เข้าไปใกล้เธอ ก่อนที่จะสัมผัสเข้าที่วงล้อเบาๆ แต่ทว่าสายตานั้น กลับไม่ขยับออกจากเธอไปไหนเลยมาตั้งแต่ต้น
เขากดถามเสียงเบาว่า "เชื่อใจฉันไหม?"
เมื่อได้ยินเสียงของชายหนุ่มแล้ว หร่วนซือซือสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะออกแรงพยักหน้าเบาๆ
ในช่วงเวลานี้ เขาคือความเชื่อมั่นเดียวของเธอ
อวี้อี่มั่วขยับริมฝีปากไปมา "ถ้าอย่างนั้นก็อย่าขยับนะ"
เมื่อพูดประโยคนั้นจบ เขาหมุนตัว ก่อนจะเดินตรงไปหา K "มาเริ่มกันเถอะ"
เมื่อ K ได้ยินดังนั้นแล้ว ก็ส่งสัญญาณไปให้ลูกน้องที่อยู่ฝั่งนั้น ลูกน้องเมื่อเห็นสัญญาณนั่นแล้ว ก็ยกมือขึ้นไปหมุนวงล้อ
เมื่อสบมองวงล้อที่กำลังหมุนไม่หยุด มือของอวี้อี่มั่วที่ถือลูกดอกอยู่กำแน่นขึ้น
เมื่อสบมองหาโอกาสได้ เขายกมือขึ้นแล้วปาออกไป มีเสียง "ปัก" ดังขึ้น ลูกดอกถูกปาไปบนวงล้อแล้ว มันปักลงตรงที่ใต้แขนของหร่วนซือซือ
ก่อนจะตามมาด้วย ดอกที่สอง ดอกที่สาม ที่สี่ ที่ห้า ทั้งหมดปักลงบนวงล้อได้อย่างสบาย หลบเลี่ยงร่างกายของหร่วนซือซือได้
ดอกที่หก เป็นดอกสุดท้าย เขาสบมองวงล้อที่หมุนเร็วยิ่งขึ้น มือบีบลูกดอกแน่นขึ้น
ในเวลานั้นเอง ใบหูก็ได้ยินเสียงของซูอวี้เฉิงดังขึ้นมาว่า "แม่งเอ้ย ไอ้เจ้าจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์สวี่เฟิงหมิง หนีไปจนได้! ฉันนำคนมาด้วย พวกเรากำลังตามจับอยู่!"
นัยน์ตาของอวี้อี่มั่วเข้มข้นกว่าเดิม ขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากที่หยุดไปสองวินาทีแล้ว เขาเอียงศีรษะแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "ไม่ต้องตามแล้ว"
ทางฝั่งนั้นขาดๆหายๆ มีเสียงติดขัดของซูอวี้เฉิงดังขึ้นมา "เขาได้รับบาดเจ็บแล้ว หนีได้ไม่ไกลแน่"
อวี้อี่มั่วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ นัยน์ตาดำขลับเป็นประกาย ก่อนจะเอียงศีรษะกัดฟันเอ่ยขึ้นมาอีกประโยคว่า "ไม่ต้องตาม"
ถึงแม้ว่าจะตามจับได้แล้ว K จนต้องบีบให้เขาปล่อยตัวไปแน่
"อะไรนะ? คุณอวี้……"
อวี้อี่มั่วไม่ได้ยินแล้วว่าซูอวี้เฉิงพูดอะไรต่อ เขาเอนไปด้านหน้าเล็กน้อย สบมองหาโอกาส ขยับมือ ปาลูกดอกลูกสุดท้ายออกไป
MANGA DISCUSSION