ดั่งรักบันดาล - ตอนที่ 17
เมื่อกวาดสายตามองไปที่หร่วนซือซือที่หมดสติอยู่บนเตียง หวังเหล่ยเลิกคิ้วขึ้นและยิ้มเยาะ จากนั้นก็เดินออกจากห้องไปอย่างสะใจ
คราวนี้ต่อให้หร่วนซือซือมีปีกก็ยากที่จะหนีไปได้ แต่จะโทษใครดีล่ะ ใครใช้ให้เธอทำให้พี่สาวไม่พอใจและขุ่นเคืองกันล่ะ?
หวังเหล่ยเดินผ่านทางเดินและขึ้นลิฟต์ลงไปที่ล็อบบี้ เธอเห็นชายมีพุงคนเดินอยู่ไกลๆ เขารีบร้อนเดินเข้ามาทางด้านนี้ เขาเดินเข้ามาใกล้แล้วก็เงยหน้าขึ้น ทั้งสองคนสบตากัน โดยต่างฝ่ายต่างรู้ซึ่งกันและกัน
ชายคนนั้นเดินเฉียดไหล่หวังเหล่ยไป เธอแอบดีใจ เธอได้ส่งนางเอกถึงที่หมาย และพระเอกก็มาแล้ว ต่อไปเธอก็จะไปหาพี่สาวเพื่อรับรางวัล
เธอยกมือซ้ายขึ้นอย่างอารมณ์ดี แล้วมองไปที่แหวนเงินในมือ จากนั้นก็เดินออกไปอยากเบิกบานใจ เธอไม่ได้สังเกตสองคนที่กำลังเดินมา
“ประธานอวี้ โทรหาคุณหญิงไม่ติดเลย”
ตู้เยี่ยเดินตามอวี้อี่มั่วมา และรายงานสถานการณ์ล่าสุดตามความเป็นจริง
สายตาของอวี้อี่มั่วเคร่งขรึม แต่สีหน้าของเขาไม่ได้แปรปรวน “โทรต่อไป”
เขาเป็นคนจัดการให้หร่วนซือซือได้เลื่อนตำแหน่ง และเขาก็ได้ฟังตู้เยี่ยพูดถึงคำนินทากาเลในบริษัทแล้ว หรือว่าเป็นเพราะเรื่องนี้เธอถึงไม่รับโทรศัพท์?
เมื่อคิดอย่างนี้แล้วอวี้อี่มั่วก็รู้สึกกังวลใจ และกำลังจะกำชับตู้เยี่ย แต่หันมาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านไป สายตาของเขาเหลือบไปเห็นมือซ้ายของเธอที่ยกขึ้น
นั่นเป็นแหวนที่เขาสั่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษ เขาคุ้นเคยกับมันดี และไม่มีทางที่เข้าจะจำผิด
อวี้อี่มั่วหยุดเดินทันที เขาหันกลับไปอย่างลังเลและตะโกน “หยุด”
เมื่อหวังเหล่ยได้ยินก็หันมามองด้วยความประหลาดใจ และเมื่อเห็นใบหน้าของชายคนนั้นอย่างชัดเจนเธอก็ยิ่งประหลาดใจ “อวี้…ประธานอวี้?”
แม้ว่าเธอจะเป็นเพียงนักศึกษาฝึกงานในบริษัท แต่เธอก็รู้ข้อมูลของผู้อำนวยการบริษัท อย่างถี่ถ้วนมานานแล้ว ตั้งแต่เริ่มชอบ เธอล้วนท่องจำได้ขึ้นใจ ถึงแม้ว่าเธอยังไม่เคยเห็นอวี้อี่มั่วด้วยตาของตัวเอง แต่เธอเก็บสะสมนิตยสารภาพถ่ายของเขา
ไม่คาดคิดว่าวันนี้เธอจะได้เจอเขาที่นี่!
หวังเหล่ยไม่สามารถเก็บซ่อนความดีใจไว้ได้ เธอกลับมาด้วยความเขินอาย “ประธานอวี้…คุณ……”
เธอยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ถูกขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงเย็นชาของชายคนนั้น
“คุณเอาแหวนบนมือของคุณมาจากไหน?”
หวังเหล่ยเหลือบมองแหวนบนมือของเธออย่างตื่นตระหนก เธอหดมือซ้ายทันทีและพูดว่า “นี่ของฉัน…ฉันซื้อมา”
ขณะที่เธอพูด เธอก็เงยหน้าขึ้นมองสายตาที่เย็นชาของอวี้อี่มั่ว ไม่รู้ว่าเพราะอะไรสายตาของชายคนนั้นดูเหมือนจะมองผ่านเธออย่างทะลุปรุโปร่ง
“งั้นหรอ?” จู่ๆอวี้อี่มั่วก็ก้าวมาข้างหน้าครึ่งก้าว และเหมือนว่าแขนขาของเธอจะขยับไม่ได้ ทำให้เธอกลัวจนตัวสั่น
หวังเหล่ยถอยหลังไปครึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว เธอก้มหน้าและพูดอย่างไม่มั่นใจ “ใช่……”
อวี้อี่มั่วเห็นสายตาที่ไม่สงบสุขของหวังเหล่ย เขาเคยบอกหร่วนซือซือว่าไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ห้ามถอดแหวนออกอย่างเด็ดขาด แต่ตอนนี้แหวนอยู่บนมือของคนอื่น ซึ่งสามารถอธิบายสถานการณ์นี้ได้ว่า……เกิดเรื่องขึ้นกับเธอ!
ทันใดนั้นสีหน้าของอวี้อี่มั่วก็เยือกเย็น เขาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หรวนซือซืออยู่ที่ไหน?”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ สีหน้าของหวังเหล่ยก็ซีดเซียวทันที เธอก็เงยหน้าขึ้นส่ายหัวและพูดว่า “ฉัน……ฉันไม่รู้…”
เมื่ออวี้อี่มั่วได้ยินอย่างนี้ สีหน้าของเขาก็จริงจังมากขึ้น ตู้เยี่ยที่อยู่ด้านข้างก็เข้าใจและหันกลับมาทันที หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พาบอดี้การ์ดหนุ่มมาสองคน ขนาบข้างซ้ายขวาของหวังเหล่ย
หวังเหล่ยไม่เคยเจอสถานการณ์อย่างนี้ เธอตกใจกลัวอยู่ชั่วขณะ และมองไปที่อวี้อี่มั่วอย่างตื่นตระหนก เธอพูดอ่ำๆอึ้งๆว่า “ฉัน…ฉันบอก ฉันกับพี่ซือซือทานข้าวด้วยกัน เธอไม่ค่อยสบาย ฉันเลยไปส่งเธอพักผ่อนที่ห้องพัก ห้อง 1807…”
เมื่อได้ยินหมายเลขห้องพัก สีหน้าของอวี้อี่มั่วก็เคร่งขรึม เขาเดินตรงไปที่ลิฟต์อย่างไม่ลังเล
เขารู้ดีว่าชั้นที่ 18-20 ของห้องพักโรงแรมนานาชาติเจียงโจว ไม่ใช่ห้องธรรมดาทั่วไป แต่เป็นห้องเซ็กส์สวีททั้งหมด ถ้าเป็นอย่างที่หวังเหล่ยพูดจริงๆ หร่วนซือซือไม่สบายและจำเป็นพักผ่อน ทำไมถึงไม่เลือกห้องธรรมดาทั่วไป!
ความมีเงื่อนงำนี้ คนอื่นไม่เข้าใจ แต่เขาเข้าใจ?
เมื่อนึกถึงคืนนั้นที่ศาสตราจารย์หร่วนยื่นมือของหร่วนซือซือให้เขาในช่วงเวลานั้น อวี้อี่มั่วก็รู้สึกว่ามีไฟเกิดขึ้นในใจของเขาและยากที่จะระงับ
แม้ว่าเขากับหร่วนซือซือจะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่เขาก็รู้อยู่ในใจว่าผู้หญิงคนนี้เป็นเหมือนกระดาษสีขาวบริสุทธิ์ ถ้าเธอต้องเสียหายและบาดเจ็บ แล้วเขาจะอธิบายกับศาตราสตรจารย์หร่วนยังไง!
ห้องพัก 1807
ทันใดนั้นความรู้สึกเย็นยะเยือกก็เข้ามาทำให้หร่วนซือซือได้สติขึ้นมา
เธอลืมตาขึ้นช้าๆ และยังไม่ทันได้เช็ดน้ำออกจากใบหน้า เธอก็เห็นเงาสลัวๆของชายคนหนึ่ง
“แหะๆ ในที่สุดก็ฟื้นแล้ว!” ชายคนนั้นวางแก้วในมือลง แล้วยิ้มจนเห็นฟันเหลือง เขายื่นมือไปจับมือของหร่วนซือซือ และโน้มตัวไปหาเธอ “วันนี้มาเล่นสนุกกับฉันซะดีๆ ถึงตอนนั้นก็จะดีกับเธอเอง!”
เมื่อเห็นคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างชัดเจน หร่วนซือซือก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น และยกมือขึ้นเพื่อผลักเขาออกไป “แก……อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!ไป…ออกไป!”
ความรู้สึกร้อนนั้นยังไม่หายไป แต่ดูเหมือนมันจะยิ่งรุ่นแรงมากขึ้น เรื่องมาจนถึงตอนนี้ เธอก็รู้ว่าตัวเองตกหลุมหลางของหวังเหล่ย แต่ในเวลานี้เธอไม่มีความสามารถที่จะหลบหนีได้
ชายคนนั้นไม่ยอม เขาหัวเราะแหะๆ “น้องสาว จนถึงตอนนี้แล้ว เธอยังคิดว่าเธอจะหนีไปได้หรอ!”
ในขณะที่พูดเขาก็ถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้นๆ และยื่นมือออกมาจับหร่วนซือซือ
หร่วนซือซือสั่นสะท้านไปทั้งตัว ด้วยความตกใจเธอคว้าแก้วบนโต๊ะข้างเตียงมาฟาดที่หัวของชายคนนั้น
“เพล้ง” เสียงดัง ชายคนนั้นถูกตีจนเลือดไหล สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที เขายกมือขึ้นมาแตะเลือดบนหัว จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นมาตบหน้าหร่วนซือซือด้วยความโกรธ
“อีกะหรี่!มึงกล้าตีกู!กูว่ามึงคงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว!”
ในขณะที่พูด เขาก็ยกมือขึ้นจับสองมือของหร่วนซือซือไว้ และใช้อีกมือหนึ่งฉีกเสื้อผ้าของเธอออก
“แก……ปล่อยฉันนะ……”
หร่วนซือซือใบหน้าบวมซีกหนึ่ง เธอเห็นเสื้อผ้าบนร่างกายของเธอกำลังจะถูกฉีกออก เธอพยายามที่จะแยกเศษแก้วอย่างลุกลี้ลุกลน และหยิบมันขึ้นมาจ่อไว้ที่คอของตัวเอง
เธอยื่นคำขาดสุดท้ายด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “ถ้าแกกล้าแตะต้องฉันอีก ฉัน……จะตายให้แกดู!”
“ฮึ!” ชายคนนั้นทำเสียงเย็นชาและเหยียดหยาม เขายังจับเสื้อของเธอไว้ไม่ยอมปล่อย “ฉันอยากเห็นว่าแกจะตายยังไง!”
ในใจของหร่วนซือซือเหน็บหนาว เธอคงไม่มีหวังแล้ว
เธอไม่สามารถเสียความบริสุทธิ์อย่างนี้ได้ เธอเพิ่งจะแต่งงานกับอวี้อี่มั่ว ได้แต่งงานกับผู้ชายที่เพอร์เฟคขนาดนั้น เธอจะไม่ยอมให้ตัวเองต้องแปดเปื้อน!
เธอกัดฟันแล้วใช้มือที่จับเศษแก้วกดเข้าไปที่ผิวหนังจนเลือดที่คอไหลออกมา
เมื่อชายคนนั้นเห็นก็ตกตะลึง เขาไม่คิดว่าหร่วนซือซือจะกล้าทำจริงๆ
ในตอนนี้มีเสียงดังขึ้นที่ประตู “ปัง” มีคนถีบประตูห้องให้เปิดออก!