ดั่งรักบันดาล - ตอนที่ 167
อวี้อี่มั่วหยิบแท็บเล็ตบนโซฟาขึ้นมา เมื่อเปิดออกดูก็พบว่าเป็นเอกสารภาษาต่างประเทศเต็มไปหมด ผ่านไปสองวินาที ก็หันกลับไปสบมองผลไม้ที่ถูกจัดเตรียมมาอย่างดีบนโต๊ะ
เขาเลิกคิ้วเบาๆก่อนจะเอ่ยถามขึ้นว่า "นี่คือความจริงใจของเธองั้นสิ?"
หร่วนซือซือสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเบาว่า "ถ้าหากว่าคุณชอบ สองสามวันนี้ฉันจะนำมาส่งให้คุณทุกวันเลยค่ะ"
เธอรู้อยู่แล้วว่าอวี้อี่มั่วคงไม่ยอมเธอง่ายๆแน่ เมื่อครั้งที่แล้วที่เธอด่าทอเขาว่าเป็นผู้ชายสารเลวไปนั้น เขาก็แปรเปลี่ยนไปสร้างความลำบากใจให้เธอแทน
เมื่ออวี้อี่มั่วได้ยินดังนั้นแล้ว นัยน์ตากระตุกไหววูบไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบขึ้นมาว่า "เอามาให้ฉันชิมสิ"
หร่วนซือซือพลันชะงักนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบตอบรับคำทันที หยิบถ้วยใบเล็กขึ้นมาก่อนจะยื่นไปตรงหน้าเขา
เพื่อให้เขารับประทานได้อย่างสะดวกสบาย เธอก็เลยเตรียมส้อมสำหรับจิ้มผลไม้มาให้เป็นพิเศษด้วย
แต่ใครจะรู้ล่ะว่าเมื่อยื่นไปตรงหน้าเขาแล้ว ชายหนุ่มกลับไม่มีท่าทีที่จะยื่นมือออกมารับไปเลย มือซ้ายของเขาถือแท็บเล็ตอยู่ มือขวาก็ปัดป่ายหน้าจอไปมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบมองไปที่เธอเล็กน้อย เลิกคิ้วก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า "ฉันมือไม่ว่าง"
หร่วนซือซืองุนงง ก็แค่เรื่องยื่นมือออกมารับเท่านั้นเอง เขากลับพูดด้วยท่าทางจริงจัง ทำอย่างกับว่าเป็นเรื่องจริงอย่างไรอย่างนั้น!
ถ้าอย่างนั้นแล้วแบบนี้เขาหมายความว่าอย่างไรกันนะ? จะให้เธอป้อนเขาหรือไง?
ในใจของหร่วนซือซือบังเกิดโทสะขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่สามารถแสดงออกไปได้ เมื่อสบสายตามองอย่างไม่ยอมกันแล้ว ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น เธอจึงเหยียดยิ้มเกร็งออกมาหนึ่งที "ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ ฉันจะป้อนคุณเอง"
พูดไป เธอก็หยิบส้อมขึ้นมาไปพลาง เมื่อออกแรงเล็กน้อย ก็จิ้มสัปปะรดชิ้นเล็กจนทะลุ หลังจากนั้นก็แสร้งทำเป็นอดทนยื่นผลไม้จ่อเข้าที่ด้านข้างริมฝีปากของเขา
อวี้อี่มั่วเปิดริมฝีปากออกแล้วงับมันเข้ามา ริมฝีปากยกยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างพอใจ นัยน์ตาทั้งสองข้างฉายแววขบขันออกมาให้เห็นไวๆครั้งหนึ่ง
เมื่อป้อนเขาให้รับประทานอย่างต่อเนื่องสองสามชิ้นแล้ว ในที่สุดอวี้อี่มั่วก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า "ฉันจะให้ตู้เยี่ยนำช่องทางการติดต่อให้เธอ"
เมื่อฟังเขาพูดดังนั้นแล้ว หร่วนซือซือตื่นเต้นดีใจ น้ำอดน้ำทนที่เดิมแทบจะไม่เหลือแล้วกลับคืนมาอีกครั้ง
เธอสบมองถ้วยใบเล็กในมือ ก่อนจะถามขึ้นอย่างอดทนอีกครั้งว่า "ยังอยากจะทานอีกไหมคะ?"
น้ำเสียงของอวี้อี่มั่วอ่อนโยนลงไปมาก ก่อนจะเอ่ยเรียบๆขึ้นว่า "วางลงเถอะ"
หร่วนซือซือวางถ้วยใบเล็กลง สภาพจิตใจดีกว่าเมื่อครู่นี้ขึ้นมาหน่อย เมื่อหวนนึกถึงคำถามมากมายที่ล้อมรอบตัวเธอไว้เมื่อช่วงเช้าของวันนี้แล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากไถ่ถามออกไปว่า "จริงสิคะ เมื่อช่วงเช้าตอนไปเยี่ยมชมไท่ต๋าคุณก็ไม่อยู่ ถ้าอย่างนั้นแล้วครั้งนี้คุณมาทำอะไรที่ประเทศไทยหรือคะ?"
เมื่อจู่ๆก็ถูกไถ่ถามขึ้นมา ใบหน้าของอวี้อี่มั่วเข้มขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำขึ้นว่า "คำถามที่ไม่ควรจะถามก็ไม่ควรที่จะต้องถามให้มากความนะ"
เมื่อสบมองสีหน้าที่จู่ๆก็แปรเปลี่ยนไปของชายหนุ่มแล้ว หร่วนซือซือก็รู้สึกราวกับว่าถูกน้ำเย็นสาดเข้าให้ก็ไม่ปาน ทันใดนั้นเองก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเต็มตา
ดูท่าแล้ว เธอล้ำเส้นเข้าให้เสียแล้ว ถามอะไรที่ไม่ควรจะถาม
รอยยิ้มบนริมฝีปากแข็งค้างไปชั่วขณะ ในเวลานั้นเองหร่วนซือซือไม่รู้จะวางมือไม้วางไม้ไว้ตรงไหน เมื่อผ่านไปสองวินาทีหลังจากนั้น ก็ตอบรับกลับไปเสียงเบาว่า "ฉัน…ทราบแล้วค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วงั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ"
พูดจบ เธอก็หมุนตัวกลับไปด้วยความรู้สึกหดหู่เล็กน้อย ก่อนจะเดินโซซัดโซเซออกจากห้องไป
เดิมทีเธอคิดแค่ว่าจะถามไถ่ขึ้นไปอย่างนั้นเท่านั้นเอง คิดไม่ถึงเลยว่าอวี้อี่มั่วจะมีปฏิกิริยาตอบกลับมามากขนาดนี้
ความรู้สึกภายในใจรู้สึกตกต่ำลงอย่างน่าประหลาด หร่วนซือซือกลับมายังที่พักของตนเองเรียบร้อยแล้ว
ถึงแม้ว่าจะรับปากเรื่องช่องทางทางติดต่อของหัวหน้าแผนกเฝิงแล้ว แต่ทว่าท่าทีที่จู่ๆก็แปรเปลี่ยนไปอย่างกระทันหันของอวี้อี่มั่วขึ้นนั้นมันคล้ายกับหินก้อนใหญ่ที่กดทับเข้าที่หัวใจของเธอเองไว้ ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะคิดวกไปวนมา อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอยากรู้อยากเห็น
เธอมักจะรู้สึกได้ว่า การเดินทางมาที่ประเทศไทยในครั้งนี้ของอวี้อี่มั่วต้องมีเรื่องอื่นที่ต้องทำด้วยแน่ อีกทั้งยังเป็นเรื่องที่ต้องสำคัญมากๆ
เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว ช่วงเวลาพักผ่อนก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เป็นเพราะว่าเมื่อตอนเที่ยงเกิดเรื่องนั้นขึ้น หร่วนซือซือก็เลยนอนไม่หลับ ลุกขึ้นจากที่นอนพร้อมกับดวงตาที่แสบพร่า เก็บของเล็กน้อยก่อนจะออกจากห้องไป
ตลอดทั้งช่วงบ่าย มีคุณหลัวนำทีมพวกเขาไปที่บริษัทไท่ต๋า ไปสัมผัสและทดลองงานแต่ละแผนกก่อน อีกทั้งยังเปิดประชุมเล็กๆแบบง่ายๆขึ้นด้วย จึงถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้นสำหรับโปรแกรมของวันแรก
หลังจากที่ออกมาจากบริษัทแล้ว คุณหลัวนัดหมายทุกคนให้รวมตัวกัน ก่อนจะอธิบายโปรแกรมต่อไป "คืนนี้ทุกคนไม่ต้องรับประทานอาหารพร้อมกันแล้วนะคะ ฉันจะให้เวลากับพวกคุณ ให้พวกคุณจัดสรรกันเอาเอง เรื่องรับประทานอาการก็ดี ไปเดินเล่นก็ดี แล้วแต่พวกคุณจะสะดวกเลยค่ะ แต่ว่าต้องดูแลรักษาความปลอดภัยของตนเองด้วยนะคะ มีเรื่องอะไรก็ให้ติดต่อโทรศัพท์หาฉัน กลับโรงแรมก่อนสี่ทุ่มจะดีมาก เข้าใจไหมคะ?"
เมื่อเธอพูดมาขนาดนี้แล้ว ทำให้ทุกคนตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะค่อยๆตกปากรับคำกันไป
เสี่ยวหลิวหันศีรษะมาสบมองหร่วนซือซือ ยิ้มก่อนจะเอ่ยถามขึ้นว่า "ซือซือจ๊ะ เธอมีโปรแกรมอะไรหรือ?"
"ฉันก็ยังไม่รู้เลยจ้ะ?"
ก่อนที่หนึ่งในหญิงสาวที่ดูร่าเริงตื่นเต้นที่สุดจะโพล่งเข้ามา แล้วเอ่ยแนะนำขึ้นว่า "นี่ ซือซือ พวกเราไปลองร้านอาหารชื่อดังในอินเทอร์เน็ตกันดีกว่าจ้ะ! ได้ยินมาว่าอาหารที่นั่นอร่อยมาก!"
ชายหนุ่มที่ชื่อเสี่ยวหวังตอบรับจากทางด้านหลังก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า "ถ้าอย่างนั้นแล้วพวกเราไปพร้อมกันเลยดีไหมครับ? ไปด้วยกันทุกคน จะได้ช่วยๆกันดูแลกัน!"
ทุกคนเห็นด้วยไปในทิศทางเดียวกัน หร่วนซือซือก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปฏิเสธ เผอิญเธอก็ไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องทำอยู่พอดี ไม่สู้ไปเที่ยวสนุกกับทุกคนไม่ดีกว่าหรือ
หลังจากที่พูดคุยกันเสร็รสรรพแล้ว พวกเขาก็เตรียมตัวขึ้นรถไปที่ร้านอาหาร การเดินทางครั้งนี้พวกเราไปกันหกเจ็ดคน รถหนึ่งคันนั่งไม่จุ เรียกรถก็เสียเวลาไปอีกครู่หนึ่ง
หร่วนซือซือกับเสี่ยวหลิวยืนอยู่ที่ด้านข้างของถนน กำลังพูดคุยสัพเพเหระ ทันใดนั้นเองก็รู้สึกว่าหน้าท้องบับรัดแน่นจนความเจ็บปวดตีรวนขึ้นมาทันที
สีหน้าของเธอแปรเปลี่ยน พูดคุยได้อยู่พักหนึ่งก็พูดไม่ออกแล้ว เจ็บจนต้องขมวดคิ้วแน่น
เสี่ยวหลิวมองออกว่าท่าทางของเธอไม่เป็นปกติแล้ว ก่อนจะรีบเอ่ยถามขึ้นว่า "ซือซือ เธอเป็นอะไรไปจ๊ะ? หน้าซีดมากเลย"
หร่วนซือซือส่ายหน้าไปมา รู้สึกได้ถึงของเหลวเหนียวข้น ภายในใจก็รับรู้ขึ้นมาได้ทันที
ถ้าหากว่าเธอทายไม่ผิดล่ะก็ คงจะเป็นประจำเดือนที่มาแล้วแน่ๆ
เธอประชิดตัวเข้าใกล้เสี่ยวหลิว ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบาว่า "เสี่ยวหลิวจ๊ะ ประจำเดือนของฉันคงจะมาแล้วแน่ เธอพกไอ้นั่นมาหรือเปล่า?"
ผู้หญิงด้วยกันยังไงๆก็ต้องเข้าใจเรื่องพวกนี้กันอยู่แล้ว เสี่ยงหลิวส่ายหน้าไปมา "ฉันไม่ได้พกมาจ้ะ ฉันจะไปช่วยถามให้เธอนะ"
พูดไป เธอก็รีบวิ่งเข้าไปถามพวกผู้หญิงที่เหลืออยู่ทันที แต่ทว่าทุกคนกลับไม่ได้พกมากันหมดเลย
เสี่ยวหลิวเห็นเธอกุมท้องอยู่ รู้สึกเป็นห่วงเป็นใยขึ้นมานิดหน่อย "ซือซือจ๊ะ เอาแบบนี้ไหมให้ฉันไปซื้อที่ร้านค้าให้เธอก่อนแพ็คหนึ่งเอาไหมจ๊ะ?"
หร่วนซือซือคิดไปคิดมา ก่อนจะส่ายหน้าไปมาแล้วเอ่ยขึ้นว่า "ไม่ต้องหรอกจ้ะ งั้นฉันขอตัวกลับไปที่โรงแรมก่อนดีกว่า"
ครั้งที่แล้วที่ประจำเดือนมาเธอมีอาการเจ็บปวดที่ท้องน้อยอยู่นาน ถ้าหากว่าไปทานอาหารกับทุกคนแบบนี้ ของเย็นของเผ็ดเธอก็รับประทานไม่ได้ ต้องหมดสนุกมากแน่ๆ ไม่สู้กลับไปที่โรงแรมยังจะดีเสียกว่า
เสี่ยวหลิวยังคงไม่อาจวางใจได้ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นอย่างลังเลว่า "ถ้าอย่างนั้น……ให้ฉันไปส่งเธอดีไหมจ๊ะ?"
หร่วนซือซือรู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมาทันที ก่อนจะปฏิเสธอย่างนอบน้อมกลับไปว่า "ไม่เป็นไรจ้ะ เสี่ยวหลิวจ๊ะ เธอไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกนะ โรงแรมอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก ฉันนั่งรถกลับไปเองก็ได้จ้ะ"
ถนนด้านข้างของประเทศไทยมีรถสามล้อมากมาย เธอก็แค่นั่งสักคัน ไม่กี่สิบนาทีก็ถึงโรงแรมแล้ว ไม่ต้องรบกวนให้เสี่ยวหลิวต้องไปส่งเธอกลับด้วยตนเองหรอก
เมื่อฟังเธอพูดมาขนาดนี้แล้ว เสี่ยวหลิวทำได้เพียงแค่พยักหน้าหงึกหงัก "ถ้าอย่างนั้นก็ได้จ้ะ เธอต้องระวังตัวด้วยนะ ถึงโรงแรมแล้วก็ส่งข้อความมาหาฉันด้วยนะ"
หร่วนซือซือยิ้มให้เธอก่อนจะโบกไม้โบกมือให้ "รู้แล้วจ้ะ"
ประจวบเหมาะกับเสี่ยวหวังที่อยู่ด้านข้างเรียกรถมาได้สองคันพอดี ก่อนที่เสี่ยวหลิวจะโบกไม้โบกมือให้เธอเสร็จ แล้วขึ้นรถไป
เมื่อสบมองรถที่ออกตัวจากไป หร่วนซือซือลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ อดทนต่อความเจ็บปวดที่ตีขึ้นมาจากท้องน้อย ก่อนจะค่อยๆเดินไปหารถสามล้อที่อยู่ด้านข้างถนน
เธอยังเดินไปไม่ถึงหน้ารถสามล้อคันนั้น ทันใดนั้นเองก็มีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาจากด้านหลังของเธอ คนคนนั้นทั้งผอมทั้งตัวเล็ก รูปร่างส่วนสูงไม่ต่างอะไรกับหร่วนซือซือมากนัก นัยน์ตากลมโตสอดส่ายไปมา
"คุณครับ คุณจะไปไหนหรือครับ? ต้องการเรียกรถไหมครับ?"
หร่วนซือซือสบมองเขาหนึ่งครั้ง รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เป็นคนจีนนี่เอง
อีกทั้งเขายังเป็นฝ่ายพูดภาษาจีนกับเธอเองก่อนด้วย? ที่ประเทศไทยคนเกาหลีกับคนญี่ปุ่นก็มีไม่น้อยเลย เขารู้ได้อย่างไรว่าตนเองคือคนจีนกันนะ? อีกทั้งเขายังรู้อีกด้วยว่าเธอต้องการเรียกรถด้วย?
ผ่านไปไม่นานนัก ความรู้สึกไม่ปลอดภัยนั้นแล่นขึ้นมาถึงศีรษะ หร่วนซือซือส่ายหน้าไปมา ก่อนจะสาวเท้าเพิ่มความเร็วมากขึ้น แล้วเอ่ยปฏิเสธออกไปตรงๆว่า "ไม่ล่ะค่ะ"
ประโยคพึ่งจะถูกส่งออกไป ทันใดนั้นเองก็มีของบางอย่างสวมเข้าที่ศีรษะของเธอจากทางด้านหลัง บดบังวิสัยทัศน์ของเธอเอาไว้ วินาทีต่อจากนั้นเอง ท้ายทอยสั่นสะเทือน ถูกของบางอย่างโจมตีเข้าอย่างจัง
นัยน์ตาของหร่วนซือซือมืดดับไปทันที หลังจากนั้นก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย