ได้ยินดังนั้น หร่วนซือซือจึงเรียกสติกลับคืนมาได้ เธอส่งรอยยิ้มไปให้ซ่งอวิ้นอันและเคอเจ๋อหลินด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย “ขอโทษทีนะ อาจเป็นเพราะวันนี้ฉันทำงานเหนื่อยเกินไปน่ะ”
เคอเจ๋อหลินฉีกมุมปากขึ้นมา เพื่อเป็นการแสดงว่าเข้าใจ “ไม่เป็นไรหรอกซือซือ รอให้อาหารมาเสิร์ฟครบแล้ว พวกเราทานอาหารเสร็จก็จะส่งคุณกลับบ้าน พรุ่งนี้เช้าคุณจะต้องรีบไปให้ทันเครื่องบินด้วย รีบกลับไปพักผ่อนเร็ว ๆ เถอะ”
หร่วนซือซือพยักหน้า จากนั้นก็เอ่ยตอบรับเสียงเบา “โอเคค่ะ”
ซ่งอวิ้นอันที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ไม่ได้ถูกกลบเกลื่อนได้ง่ายขนาดนั้น เธอเข้าใจในตัวหร่วนซือซือเสียขนาดนั้น จึงมองออกว่าไม่ได้เป็นเพราะเธอเหนื่อยเนื่องจากงาน ทว่าเป็นเรื่องที่อยู่ในจิตใจ และในขณะที่เคอเจ๋อหลินไปเข้าห้องน้ำเธอจึงถือโอกาสสอบถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ซือซือ เธอเป็นอะไรของเธอกันแน่ ?”
“ฉันไม่เป็นอะไร”
ซ่งอวิ้นอันยักคิ้วขึ้นมา ท่าทางฉันรู้อยู่แก่ใจดี “ไม่เป็นไร ? เมื่อกี้บนโต๊ะอาหารเธอเอาแต่นั่งเหม่อลอย บอกมาตามตรงนะ เธอคิดถึงผู้ชายอีกแล้วใช่ไหม ?”
เมื่อได้ยินซ่งอวิ้นอันพูดมาเช่นนี้ หร่วนซือซือจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดังขึ้นมา ทว่าเธอไม่ได้พูดผิดแต่อย่างใด ตนเอาแต่นึกถึงใบหน้าวอนต่อยของอวี้อี่มั่วไม่หยุด ทั้งที่ในใจต่อต้าน ทว่าสมองกลับคล้ายถูกควบคุมอย่างไรอย่างนั้น
หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าลึก ค่อย ๆ โน้มตัวลงมาใกล้ซ่งอวิ้นอัน พร้อมถามขึ้นเสียงเบา “อันอัน เธอคิดว่าทำไมฉันถึงเอาแต่คิดถึงอวี้อี่มั่วนะ ?”
เมื่อซ่งอวิ้นอันได้ยิน ใบหน้าจึงปรากฏเป็นความสอดรู้สอดเห็นทันที พร้อมเอาแต่กระพริบตาให้เธอไม่หยุด “เรื่องนี้จะต้องพูดอีกหรือไง ? มันชัดเจนแจ่มแจ้งมากแล้วไม่ใช่เหรอ ? เธอชอบเขาไง !”
“บ้าบอ !” หร่วนซือซือใบหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันควัน พร้อมปฏิเสธตามสันชาตญาณ “จะเป็นไปได้ยังไง ?”
“จะเป็นไปไม่ได้ได้ยังไง ?” ซ่งอวิ้นอันทำสีหน้าสมเหตุสมผล “เธอลองคิดดูสิ เย็นนี้ทำไมเธอถึงไม่ไปคิดถึงเคอเจ๋อหลิน หรือว่าพี่ชายฉัน ? ทำไมคนที่คิดถึงถึงเป็นเขาอวี้อี่มั่วล่ะ ?”
เพียงประโยคเดียว ราวกับน้ำเย็นสาดเข้าใบหน้า ทำให้หร่วนซือซือตื่นตัวขึ้นมาไม่น้อย และฉลาดขึ้นมาเช่นเดียวกัน
หลังจากหยุดชะงักไปหลายวินาที เธอจึงส่ายหน้าพร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ “มันเป็นไปไม่ได้หรอก ฉันเกลียดเขามาก อาจเป็นเพราะช่วงนี้เจอหน้าเขาบ่อยเกินไปมั้ง”
ผู้ชายที่เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว เห็นผู้หญิงเป็นของเล่นอย่างอวี้อี่มั่ว เธอไม่มีทางพิจารณาอย่างแน่นอน ประกอบกับเมื่อก่อนเธอกับอวี้อี่มั่วเคยมีประสบการณ์การแต่งงานที่ไม่สบอารมณ์ถึงเพียงนั้น เธอจะไปชอบเขาลงได้เช่นไร ?
หลังจากที่มั่นใจในความคิดในจิตใจของตนแล้ว หร่วนซือซือจึงรับประกันกับซ่งอวิ้นอันอีกครั้ง “ฉันไม่มีทางชอบเขาแน่นอน จริง ๆ นะ”
เมื่อซ่งอวิ้นอันได้ยินดังนั้น มุมริมฝีปากก็โค้งเป็นองศาที่สวยงาม ทว่าปากเอ่ยขึ้นมาตามน้ำไป “โอเค ๆ ฉันเชื่อก็ได้เธอไม่ชอบเขาแหละดีที่สุด ไม่งั้นพี่ชายฉันรู้เข้าจะต้องเสียใจแหง ๆ”
เมื่อได้ยินคำพูดหยอกล้อของซ่งอวิ้นอัน หร่วนซือซือจึงยิ้มขึ้นมา เมื่อมองไปเห็นเคอเจ๋อหลินกำลังเดินมุ่งมาทางนี้จึงเงียบเสียงไป
เมื่ออาหารค่ำสิ้นสุดลง เคอเจ๋อหลินได้มาส่งพวกเธอกลับบ้านด้วยตนเอง ระหว่างทางซ่งอวิ้นอันเอาแต่พูดจาไม่หยุดราวกับกำลังไม่ทำให้บรรยากาศอึดอัด
เมื่อมาถึงหน้าทางเข้าชุมชนของหร่วนซือซือแล้ว เธอจึงบอกให้หยุดรถ หลังจากที่กล่าวคำลากับพวกเขาแล้วก็ผลักเปิดประตูรถลงมา
ขณะที่กำลังจะปิดประตู อยู่ ๆ เคอเจ๋อหลินก็เรียกเธอ “ซือซือ”
หร่วนซือซือได้ยินดังนั้น จึงหันหลังไปมองเขาพร้อมถามขึ้นเสียงเบา “คะ มีอะไรเหรอ ?”
เคอเจ๋อหลินกำลังจะพูดขึ้นทว่าก็หยุดลง ราวกับว่ามีคำพูดมากมายต้องการจะพูดกับเธอ ทว่าเนื่องจากในรถมีซ่งอวิ้นอันนั่งอยู่ด้วย เขาจึงหยุดชะงักไปสักพัก จากนั้นก็ชี้ไปยังดอกไม้ที่วางอยู่บนที่นั่งข้างคนขับแล้วเอ่ยขึ้นมา “คุณลืมเอาดอกไม้ไปน่ะ”
หร่วนซือซือมองไปดู เมื่อเห็นดอกไม้ที่ถูกวางอย่างโดดเดี่ยวอยู่ที่นั่นก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย จึงได้รีบเดินเข้าไปแล้วหยิบดอกไม้ขึ้นมา พร้อมส่งยิ้มให้เขาแล้วเอ่ยขอโทษ “ขอโทษทีนะคะ เมื่อกี้ฉันไม่เห็น”
เคอเจ๋อหลินมองหน้าหร่วนซือซือ นัยน์ตาแวววาวราวกับหยดน้ำ เขาเอ่ยขึ้นเสียงเบาว่า “ไม่เป็นไร กลับไปพักผ่อนเร็ว ๆ เถอะครับ”
หร่วนซือซือพยักหน้าให้เขา จากนั้นก็โบกไม้โบกมือให้กับซ่งอวิ้นอันอีกคราค่อยหันหลังเดินเข้าไปยังชุมชน
เพิ่งจะเดินเข้าประตูใหญ่ชุมชนมา ใครจะไปทราบว่าอยู่ ๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา “ตี๊ด ๆ” เธอจึงหยิบขึ้นมาดู พบว่าเป็นข้อความจากซ่งอวิ้นอัน “จึ๊ จึ๊ จึ๊ เคอเจ๋อหลินลุ่มหลงจริง ๆ ”
จากนั้นโทรศัพท์ก็สั่นขึ้นมาหนึ่งครั้ง เป็นภาพอีโมจิส่งมา
หร่วนซือซือมองข้อความสองข้อความนี้ ราวกับสามารถจินตนาการออกถึงน้ำเสียงขณะที่ซ่งอวิ้นอันพูดประโยคนี้ออกมาจากปาก
มุมปากของเธอยกขึ้นมา ไม่ได้ตอบกลับอันใด
เธอชัดเจนแจ่มแจ้งในใจอยู่แล้วว่าเธอไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับเคอเจ๋อหลินเลยแม้แต่น้อย เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเวลาแต่อย่างใด เมื่อสองปีก่อนเป็นอย่างไร ปัจจุบันก็เป็นอย่างนั้น
สำหรับเธอแล้ว เมื่อเทียบกับให้ความสำคัญกับความรักหนุ่มสาว ไม่สู้ไปคิดถึงเรื่องงานเยอะ ๆ อีกทั้งพ่อแม่ตนก็ยังต้องทำการผ่าตัดรักษาด้วย เธอจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมไว้อย่างดี
หร่วนซือซือมุ่งมั่นตั้งใจในความคิดของตน พร้อมสาวเท้าเดินเร็วขึ้น เมื่อกลับมายังคอนโดแล้วก็ทำการตรวจสอบข้าวของที่จัดเตรียมเรียบร้อยแล้วอีกครั้ง จัดเตรียมพร้อมเพื่อที่จะได้เร่งไปยังสนามบินตั้งแต่เช้าตรู่วันพรุ่งนี้ และตื่นแต่เช้า
เช้ามืดวันรุ่งขึ้น นาฬิกาปลุกของหร่วนซือซือยังไม่ดังขึ้นเธอก็ตื่นก่อนแล้ว หลังจากจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยเธอจึงลากกระเป๋าเดินทางออกจากบ้านไป จากนั้นก็นั่งรถไปยังสนามบินทันที
สี่ชั่วโมงต่อมา เครื่องบินบินมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ
กลุ่มคนที่ออกเดินทางพร้อมกันทยอยกันลงเครื่องมา หร่วนซือซือรู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวกระทบเข้ามาอย่างเห็นได้ชัด เธอนั่งรถข้ามฟากเพื่อมายังห้องโถงใหญ่ เพียงแค่เส้นทางสั้น ๆ เธอก็เหงื่อออกเต็มตัวแล้ว
ยังดีที่มีตัวแทนของบริษัทคู่ค้ามารับที่สนามบิน คนกลุ่มหนึ่งโดยสารรถยนต์ที่จัดเตรียมไว้แล้วล่วงหน้า มุ่งไปยังโรงแรมที่ได้จองไว้เรียบร้อยแล้ว
หลังจากถึงโรงแรม ทำการเช็คอินเรียบร้อยแล้ว พี่หลัวก็จัดการแบ่งห้องพักเรียบร้อย ทุกคนได้นอนห้องเตียงใหญ่คนละห้อง สภาพถือว่าไม่เลว ทุกคนต่างก็ตื่นเต้นดีใจกันยกใหญ่ เอาแต่สนทนากันเสียงดังเจื้อยแจ้วไม่หยุด
“ซือซือ รีบเดินตามมาให้ทัน ห้องของเราสองคนอยู่ตรงข้ามกันพอดีเลย !”
เสี่ยวหลิวแผนกการตลาดจูงมือเธออย่างตื่นเต้น และขึ้นไปบนลิฟต์พร้อมกัน
หลังจากเข้ามาในลิฟต์แล้ว ก็มีคนถามขึ้นทันที “พี่หลัว บ่ายและเย็นนี้พวกเรามีอะไรต้องทำเหรอ ?”
“ตอนบ่ายทุกคนพักผ่อน ตอนเย็นบริษัทคู่ค้าจะมาต้อนรับพวกเราไปทานข้าวด้วยกัน ไม่ต้องใส่ชุดเป็นทางการมากนะ ทุ่มหนึ่งให้มารวมตัวกันที่ห้องโถงใหญ่”
“โอเค !”
“อาหมิง ตอนบ่ายออกไปเดินชอปปิงด้วยกันไหม ?”
“ดีเลย เจินเจิน เธอไปไหม ?”
“……”
เมื่อทุกคนได้ยินว่าช่วงบ่ายพักผ่อน ต่างก็วางแผนกิจกรรมกันอย่างตื่นเต้นขึ้นมาทันที หร่วนซือซือมองดูผู้คนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศคึกคักมีความสุข ก็ฉีกยิ้มขึ้นมาด้วย
เสี่ยวหลิวที่อยู่ข้าง ๆ หันหน้ามามองหร่วนซือซือ จากนั้นก็ถามว่า “ซือซือ เธอจะไปไหม ?”
หร่วนซือซือส่ายหน้า จากนั้นก็เอ่ยขึ้นเสียงนิ่งเรียบ “ฉันไม่ไปหรอก ฉันอยากพักผ่อนสักหน่อยน่ะ”
หลังจากกลับห้องมาแล้ว ในที่สุดก็เงียบสงบลงเสียที หร่วนซือซือไปอาบน้ำก่อนเป็นอันดับแรกจากนั้นก็เลื่อนผ้าม่านมาปิด เริ่มนอนพักผ่อน ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เป็นเวลาหกโมงเย็นแล้ว เธอทำการเก็บข้าวของง่าย ๆ จากนั้นก็ลงไปรวมตัวที่ห้องโถงใหญ่
มื้ออาหารเย็นเป็นการเลี้ยงต้อนรับขวัญจากบริษัทคู่ค้า เนื่องจากต่างก็เป็นคนประเทศจีนกันทั้งนั้น ทุกคนจึงสนทนากันได้อย่างไม่มีปัญหา บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่าก็สิ้นสุดลง
หลังจากเดินออกมาจากร้านอาหารแล้ว ทุกคนก็รวมตัวกันเป็นกลุ่มย่อยทำตัวตามอัธยาศัย เสี่ยวหลินจับมือหร่วนซือซือแล้วถามว่า “ซือซือเธอจะกลับโรงแรมไหม ?”
หร่วนซือซือยิ้มให้เธอ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นเสียงเบา “เธอกลับไปก่อนเถอะ ฉันขอไปซือซิมโทรศัพท์ก่อน”
แม้ว่าจะอยู่ที่ประเทศไทยไม่กี่วัน ทว่าเธอก็ยังคงคิดถึงศาสตราจารย์หร่วนและคุณนายหลิวอยู่ดี อยากที่จะโทรศัพท์สนทนากับพวกท่าน
หลังจากแยกกันกับเสี่ยวหลิว หร่วนซือซือก็ค้นหาร้านที่ขายซิมโทรศัพท์บนแผนที่ เธอโบกรถแท็กซี่และบอกให้คนขับรถพาเธอไป
ไปกลับไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
รถแท็กซี่เข้ามาจอดอยู่หน้าประตูใหญ่ของโรงแรม ก่อนลงรถหร่วนซือซือสอบถามค่าโดยสาร “โชเฟอร์คะ เท่าไหร่คะ ?”
คนขับรถแท็กซี่พูดภาษาจีนเป็นเล็กน้อยจึงทำมือให้เธอแล้วพูดว่า “400 บาท”
หร่วนซือซือได้ยินดังนั้นก็อึ้งไปในทันที
400 บาท เกือบจะ 100 หยวนเชียวนะ แค่เธอไปกลับนี้ล้วนเป็นเส้นทางระยะสั้นในเมือง จะไปแพงขนาดนั้นได้อย่างไร ?
อีกทั้ง ตัวเธอเองก็ไม่ได้นำเงินบาทมามากเท่าไร เมื่อสักครู่ที่ซื้อซิมโทรศัพท์ก็ใช้จ่ายไปแล้วส่วนหนึ่ง ตอนนี้เหลืออยู่เพียงไม่ถึง 200 บาทเท่านั้นแล้ว
หรือว่าคนขับรถเห็นว่าเธอเป็นคนจีน จึงจงใจเพิ่มราคาสูงขึ้น ?
MANGA DISCUSSION