ดั่งรักบันดาล - ตอนที่ 157
เมื่อเห็นถึงการแสดงออกทางสีหน้าของหญิงสาว ตู้เยี่ยก็อดขำไม่ได้ เขายักคิ้วและถามเธอกลับไปว่า " คุณคิดว่าผมจะทำอะไรคุณอย่างนั้นหรอ? "
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ซ่งอวิ้นอันก็ยกมือมาบังไว้ที่หน้าอกของเธอ " คุณคิดจะทำอะไรฉัน? "
ตู้เยี่ยหุบยิ้ม เขาขมวดคิ้ว แต่รูปทรงคิ้วเขาก็ยังคงโก่งงออย่างสวยงามเช่นเดิม " วางใจได้ ผมแค่ไปส่งคุณเฉยๆ ไม่ทำอะไรคุณหรอกหน่า "
เมื่อได้ยินคำพูดที่หนักแน่นของเขาแบบนั้น ซ่งอวิ้นก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย และพูดขึ้นว่า " งั้นก็ได้! คุณส่งฉันถึงหน้าประตูบ้านก็พอ! "
ตู้เยี่ยรีบตอบตกลง ประคองตัวเธอและเตรียมจะเดินไปข้างหน้า ดูเหมือนว่าซ่งอวิ้นอันจะขาพลิกค่อนข้างรุนแรง เธอเดินไปไม่กี่ก้าวเธอก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ราวกับว่าจะเดินต่อไปไม่ไหว
พอเห็นสีหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด และเหมือนเธอจะไม่ได้แกล้งสะด้วย ตู้เยี่ยก็สูดหายใจเข้า และรวบรวมความกล้าเล็กน้อย และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง " เดี๋ยวผมอุ้มคุณขึ้นไปเอง "
" หะ? "
ซ่งอวิ้นอันสะดุ้งเล็กน้อย เธอยังไม่ทันได้ตั้งตัวเขาก็อุ้มเธอขึ้นเรียบร้อยแล้ว เธอใช้มือพาดไว้ที่ไหล่เขา มองดูด้านข้างของผู้ชายตรงหน้า หัวใจเธอก็เค้นแรงอย่างบ้าคลั่ง
ซ่งอวิ้นอันหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ และเธอก็ยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะแรงเยอะขนาดนี้……
สิบนาทีหลังจากนั้น พอตู้เยี่ยส่งซ่งอวิ้นอันถึงบ้านแล้ว เขาก็ไม่ได้อยู่ต่อ เขาออกจากอพาร์ทเมนต์เธอไปในทันที และหลังจากนั้นเขาก็รับโทรศัพท์ที่กำลังสั่นในกระเป๋าตอนนี้
คนที่โทรมาคืออวี้อี่มั่วนั่นเอง เขารีบรับสายอย่างไม่รอช้า
" ฮัลโหลครับ ประธานอวี้ "
" มาเจอกันที่ทางแยกถนนเหิงปิง ฉันจะรอนายอยู่ที่นั่น "
ตู้เยี่ยตอบกลับอย่างไม่ลังเล " ครับ "
พอมาถึงถนนเหิงปิง เขาอันรถคนนั้นจอดเทียบอยู่ข้างถนน เขาก็มุ่งหน้าเข้าไปทันที อวี้อี่มั่วนั่งรอเขาอยู่แถวหลังของรถอยู่แล้วเพื่อรอให้เขาไปขับรถ
" ประธานอวี้ครับ สำหรับเรื่องที่อวี้กู้เป่ยปรากฏตัวที่ไนท์คลับเวสเกอร์ผมได้ให้สายสืบตามสืบอย่างละเอียดเรียบร้อยแล้วครับ "
" อือ ได้เรื่องยังไงว่ามา "
" วันนี้เขานัดพบกับคนๆหนึ่งที่เวสเกอร์ แต่ว่าคนนั้นเป็นใครนั่นยังไม่ทราบชื่อครับ เขาถึงเวสเกอร์ในเวลาหนึ่งทุ่มสิบนาที จนกระทั่งตอนที่เราออกจากที่นั่น เขาก็ตามออกมาด้วยเช่นกัน ตลอดเวลาที่อยู่ที่นั่นเขามีคนติดตามเพียงแค่คนเดียว "
ภายในรถที่มืดสลัว ใบหน้าของอวี้อี่มั่วนั้นก็มืดหม่น เขาหยิบไฟแช็คขึ้นมาและก็มีแสงของเปลวไฟสว่างขึ้น
แสงสว่างจากเปลวไฟนั่นสะท้อนให้เห็นถึงใบหน้าของชายหนุ่ม เขาเม้มปาก " ให้สายสืบตามสืบต่อไป ต้องสืบให้รู้ตัวตนของอีกฝ่ายให้ได้ "
ในช่วงเวลาที่ผ่านนี้ ในตัวของอวี้กู้เป่ยมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหลายอย่าง ไม่เพียงแค่เรื่องที่เขานัดเจอกับคนที่ตัวตนลึกลับคนนี้ แต่คืนนี้ที่เขาออกหน้าแทนตัวเองแบบนั้น แน่นอนว่ามันไม่ใช่สัญญาณเตือนที่ดี
ถึงจะแสดงออกเหมือนปกป้องเขา แต่เขารู้ดี เขาต้องมาพร้อมแผนบางอย่างแน่ๆ ซ่งฉีเป็นลูกสาวของซ่งเซียวเทียน เขาและซ่งฉีมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันขนาดนั้น แสดงว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและซ่งเซียวเทียนก็คงไม่ธรรมดา
หลักการนี้ เขาเองก็พอรู้อยู่บ้าง
ทุกคนย่อมรู้ดี ว่าอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่นั้นแสนสบาย การที่อวี้กู้เป่ยติดจ่อกับตระกูลซ่งได้แบบนี้ก็คงจะยอมลงทุนลงแรงไปไม่น้อยเลยทีเดียว
ตู้เยี่ยที่นั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับเงยหน้าขึ้นมอง มองอวี้อี่มั่วผ่านกระจกหลัง เขาลังเลเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามขึ้น " ประธานอวี้ครับ ช่วงนี้เขาลงมือทำบางอย่างลับหลังเยอะมากๆ ผมได้ยินมาว่า ช่วงนี้เขากำลังพัฒนาเครื่องมือบำบัดขาอีกทั้งเขายังเชิญผู้เชี่ยวชาญมาจากต่างประเทศโดยเฉพาะอีกด้วย คุณคิดว่าควรจะ……"
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้ว และชะงักไปสองวิ และพูดนิ่งๆว่า " ไม่จำเป็นหรอก ปล่อยเขาไปเถอะ อยากทำอะไรก็ให้เขาทำไป "
สำหรับขาคู่นั้นของอวี้กู้เป่ยนั้น ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขาอีกแล้ว ต่อให้เขาจะเชิญผู้เชี่ยวชาญที่เก่งมากแค่ไหน ต่อให้เขาจะใช้วิธีการรักษาที่ดีเยี่ยมแค่ไหน ขาของเขาก็ไม่มีทางดีขึ้นในเร็วๆนี้แน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับการรับมือกับอวี้กู้เป่ยนั้น เขาไม่จำเป็นต้องใช้วิธีสกปรกพวกนั้นหรอก อนาคตยังอีกยาวไกล เขาจะรอดูว่าต่อไปเขาจะวางแผนทำอะไรอีก
" จริงด้วย " อวี้อี่มั่วเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แววตาของเขามีประกายบางอย่าง " เรื่องประเทศไทย จัดตารางการเดินทางได้เลย "
ตู้เยี่ยรีบตอบทันทีว่า " ครับ "
เช้าวันรุ่งขึ้น หร่วนซือซือพึ่งมาถึงบริษัทก็ได้รับข่าวดี เรื่องโบนัสประจำไตรมาสนี้จะออกในวันนี้และแจกจ่ายให้กับพนักงานทุกคน
เมื่อมองเพื่อนร่วมงานในแผนกที่มีความสุขมากในตอนนี้ หร่วนซือซือก็ผ่อนคลายไปด้วย และรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาทันทีทันใด
และวันนี้คุณหลานก็กลับมาจากทำงานต่างจังหวัดพอดี ถ้าอย่างนั้นเธอก็จะได้ทำงานอย่างสบายใจขึ้นมาบ้าง
เวลาพึ่งผ่านไปหนึ่งชั่วโมง หร่วนซือซือที่นั่งอยู่ในโต๊ะทำงาน ก็ได้ยินเสียงต้อนรับดังมาจากข้างนอก เธอเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารบนโต๊ะ ไม่ต้องคิดก็รู้ คงจะได้รับโบนัสกันแล้วหรือไม่ก็คงจะเป็นคุณหลานกลับมาแล้ว
เธอลุกออกจากที่นั่ง และเดินออกจากห้องทำงานไป ทันทีที่ออกไปก็เห็นคุณหลานถือกล่องเอกสารไว้ เธอกำลังพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานในแผนกนี้
พอเสี่ยวหานเห็นเธอเดินออกมา เธอก็กวักมือให้เธอ " หร่วนซือซือมาเร็ว คุณหลานกำลังจะแจกโบนัสแล้ว! "
ทันทีที่เธอได้ยินเธอพูดแบบนี้ หร่วนซือซือก็เข้าใจทันที ไม่น่าล่ะทุกคนถึงได้ดีใจมากขนาดนี้ ที่แท้ก็เพราะคุณหลานและโบนัสมาพร้อมกันนั่นเอง
เธอรีบเดินเข้าไปและทักทายคุณหลาน " คุณหลานกลับมาแล้วหรอคะ ไปทำงานนอกพื้นที่ราบรื่นดีไหมคะ?"
พอคุณหลานเห็นหร่วนซือซือ เธอยิ้มออกมาอย่างมีความสุข และพยักหน้าให้เธอ " ทุกอย่างราบรื่นดี หลายวันมานี้เธอคงลำบากแย่! นี่คือโบนัสของเธอ "
ในขณะที่พูดเธอก็พลางหยิบซองหนึ่งที่เขียนชื่อเธอไว้หน้าซองยื่นให้กับหร่วนซือซือ
หร่วนซือซือยื่นมือรับไว้ และยิ้มหวานให้เธอ " ขอบคุณค่ะพี่หลาน"
เธอสัมผัสได้ถึงความหนาของซอง หร่วนซือซือดีใจดั่งดอกไม้บาน หลังจากเรียนจบเธอก็มุ่งมั่นที่จะเก็บเงินมาโดยตลอด สองปีมานี้เธอก็รักษานิสัยเก็บออมมาเป็นอย่างดี ตอนนี้ที่ได้รับเงินก้อนนี้มา เธอมีความสุขราวกับว่านี่เป็นโชคลาภครั้งใหญ่ของเธอ และเธอก็ยิ้มอย่างมีความสุข
คุณหนานพยักหน้าให้เธอ " ไม่ต้องขอบคุณหรอก นี่เป็นสิ่งที่เธอควรจะได้รับ "
เธอพูดพร้อมๆกับแจกซองโบนัสในมือให้ทุกคนได้รับอย่างทั่งถึง พอแจกเรียบร้อยแล้ว เธอก็พูดขึ้นอย่างตื่นเต้น " หลายเดือนที่ผ่านมานี้ทุกคนทำงานหนักกันมามาก ในอนาคตแผนกบริหารของพวกเราก็ต้องตั้งใจทำงานแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ มุ่งมั่นในการทำงานมากเพื่อเพื่อโบนัสสองสามเท่าในครั้งต่อไป! "
" ได้ เราจะพยายามไปด้วยกัน! "
" ใช่ สู้ๆ!
"……"
เพื่อนร่วมงานต่างตอบรับออกมาพร้อมๆกัน บรรยากาศทั้งครึกครื้นและมีความสุข
พอคุณหลานเห็นว่ามีความสุขกันมาพอสมควรแล้ว เธอก็ปรบมือและพูดเตือนทุกคนว่า " ในเมื่อโบนัสก็แจกไปแล้ว ต่อจากนี้ทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำงานต่อได้ เพื่อเป้าหมายของเราในอนาคต! "
พอทุกคนได้ยินแบบนั้น ต่างก็แยกย้ายกันไปทำงาน
หร่วนซือซือก็กำลังจะกลับไปทำงานเช่นกัน แต่ว่าคุณหลานกลับเรียกตัวเธอไว้สะก่อน " ซือซือ เธอตามฉันมาที่ห้องทำงานหน่อย "
หร่วนซือซือชะงักไปชั่วครู่ และเธอก็ดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็วพร้อมกับพยักหน้าทันที " ได้ค่ะคุณหลาน "
เธอเดินตามผู้จัดการหลานเข้าไปที่ห้องทำงาน เธอปิดประตูห้อง และทันใดนั้นเอง ในห้องก็มีเพียงเธอและคุณหลานสองคน
หร่วนซือซือรู้สึกกังวลเล็กน้อย เธอมองไปทางคุณหลานด้วยความอ่อนน้อม และถามขึ้นว่า " คุณหลาน……"
คุณหลานเองก็ไม่รอช้า เขาพูดขึ้นทันทีว่า " ที่ฉันเรียกเธอมาพอก็เพราะว่าฉันรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงที่ฉันไม่อยู่แล้ว รวมถึงเรื่องของฝ่ายการเงินด้วย "
พอได้ยินคุณหลานพูดแบบนี้ หร่วนซือซือก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย
หรือว่าเธอทำตรงไหนผิดพลาดไปรึเปล่า?
แต่ว่าคุณหลานกลับพูดในสิ่งที่เขาไม่คาดคิดว่า " เธอทำหน้าที่ได้ดีมาก ความสามารถของเธอสูงขึ้นเรื่อยๆแล้วนะ "
เมื่อหร่วนซือซือได้ยินแบบนั้น เธอก็รู้สึกโล่งอก
เมื่อกี้ดูท่าทีของคุณหลานจริงจังมาก เธอก็คิดว่าเธอทำอะไรผิดพลาด?
คุณหลานมองหน้าเธอและพูดต่อว่า " เมื่อกี้ตอนที่ฉันพึ่งกลับมา หลังจากที่ได้รับเงินโบนัสมาแล้ว ฉันยังได้รับจดหมายจากหัวหน้าอีกด้วย ตอนนี้แผนกของเรามีโควต้าสำหรับไปศึกษาดูงานนอกพื้นที่ ฉันคิดว่าจะให้โอกาสนี้กับเธอ "
พอได้ยินเธอพูดแบบนี้ หร่วนซือซือก็ตกใจเล็กน้อย " ศึกษาดูงานนอกพื้นที่งั้นหรอ?
แต่ละแผนกมีเพียงโควต้าเดียวเท่านั้น ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าโอกาสดีๆแบบนี้จะตกเป็นของเธอ? "