ดั่งรักบันดาล - ตอนที่ 153
ณ เวสเกอร์ชั้นหนึ่ง ตรงมุมโซฟารูปวงแหวน คนกลุ่มหนึ่งกำลังคุมเชิงอย่างเงียบๆ
สถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งในร้านกลางคืน ช่วงที่ไม่ได้ก่อเรื่องอะไรใหญ่โต แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความสนุกที่จะดื่มเหล้าต่อของคนอื่นๆ
ซ่งฉีจ้องนาฬิกาบนข้อมือของตัวเอง เห็นว่าเวลาผ่านไปแล้วยี่สิบนาที เลยยิ้มอย่างเย็นชา เหลือบตามองไปยังหร่วนซือซือกับซ่งอวิ้นอันที่ถูกบอดี้การ์ดควบคุมตัวไว้อยู่
“ครบยี่สิบนาทีแล้ว เกมเริ่มได้”
ซ่งอวิ้นอันถูกบอดี้การ์ดคนหนึ่งกั้นให้นั่งลงบนโซฟา เห็นรอยยิ้มโอหังอยู่บนใบหน้าของซ่งฉี ทำให้เธอโกรธจนแทบจะบ้าอยู่แล้ว
ทั้งๆที่ตู้เยี่ยรับปากเธอไว้ว่าจะทำตามเงื่อนไขอะไรก็ได้สามข้อ ตอนนี้เงื่อนไขข้อที่สอง เขากลับไม่รีบมา!ผิดหวังจริงๆที่เธอตั้งความหวังไว้ที่เขา!
หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าลึกๆ มองซ่งอวิ้นอันข้างๆเธอที่คับแค้นใจ กดเสียงต่ำเรียกเธอ “อันอัน……”
พอเห็นว่าซ่งอวิ้นอันหันหน้ามา เธอก็รีบใช้สายตาส่งสัญญาณให้รู้
เวลานี้ ผู้ช่วยชีวิตก็ไม่มาสักที พวกเขาทำได้แค่ต้องคิดหาวิธีเอาเองแล้ว ในเมื่อไม่มีแรงต่อต้าน งั้นก็ใช้วิธีหนีแล้วกัน ต่อให้เป็นการหลบหนีที่เสียหน้าที่สุด พวกเขาก็ต้องลองดูสักตั้ง
ความรู้ใจที่ทั้งสองคนรู้จักกันมาหลายปีนั้น แค่ขยิบตา ก็รู้เจตนาของอีกฝ่าย
เวลานี้ ไม่สนใจแล้วว่าอะไรจะเสียหน้าไม่เสียหน้า ขอแค่หนีไปได้ก็พอ จะชำระแค้น สิบปีก็ไม่สาย
ซ่งอวิ้นอันพยักหน้าให้หร่วนซือซือเล็กน้อย ทั้งสองคนตกลงพร้อมกัน หันหน้ากลับไปอย่างพร้อมกัน แล้วคอยหาจังหวะเพื่อหาทางหนี
แต่เหมือนว่าพวกเขาจะประเมินบอดี้การ์ดของซ่งฉีต่ำไป พวกเขาทั้งสองคนจะลุกขึ้นยืน ร่างกายไม่ทันได้ยืน ไหล่ก็ถูกมือใหญ่กดไว้ ทั้งตัวถูกผลักล้มกลับเข้าไปบนโซฟา
ศีรษะของหร่วนซือซือไปชนกับพนักพิงโซฟาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เสียงดัง“ปั้ก” ทำให้รู้สึกเจ็บนิดหน่อย
ไม่รอให้เธอได้สติกลับมา ซ่งฉีที่ยืนอยู่ข้างๆยิ้มเยาะ “ยังคิดจะหนีอีกเหรอ? ไม่ดูกำลังตัวเองซะเลยนะ!”
พูดจบ สายตาเธอก็เผยให้เห็นความเย็นชา ยื่นมือมาชี้หร่วนซือซือ แล้วหันไปสั่งการบอดี้การ์ด “ลงมือ ฉีกเสื้อของเธอออกให้หมด!”
เธออุตส่าห์อดทนรอยี่สิบนาทีก็เพื่อเวลานี้ ตอนนี้ไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปแน่!
พอได้ยินประโยคนั้น ในใจหร่วนซือซือก็ตกใจ ไม่ทันได้ตอบโต้อะไร ทั้งตัวเธอก็เหมือนกับนกน้อยถูกคนหิ้วขึ้นมา มองเห็นมือที่สากและใหญ่ของบอดี้การ์ดยื่นเข้ามาหาเธอ ทั้งตัวเธอก็สะดุ้ง หลังจากนั้นก็ยื่นมือผลักออกไปตามที่จิตใจนึกคิด
แต่พละกำลังของผู้ชายกับผู้หญิงมันต่างกัน เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของบอดี้การ์ดเลย ข้อมือทั้งสองข้างถูกจับกุมไว้ บิดไปทางด้านหลัง แล้วตรึงไว้ที่ข้างหลัง
สายตามองมือของบอดี้การ์ดที่จะฉีกเสื้อผ้าเธอ หร่วนซือซือกัดฟัน เธอไม่สนอะไรแล้ว อ้าปากกัดไปที่มือของคนๆนั้น
พอเธอออกแรง สีหน้าของบอดี้การ์ดก็ซีดเผือด มือที่จับกุมข้อมือของเธอไว้ก็ปล่อยออกมา
อีกด้าน ซ่งอวิ้นอันก็ตบตีกับบอดี้การ์ดอีกคนเหมือนกัน ทั้งหยิกทั้งดึง ใช้กลยุทธิ์ป้องกันทุกอย่างที่ผู้หญิงมี
ตอนที่อวี้อี่มั่วกับตู้เยี่ยเดินเข้ามาถึงโถงทางเดินของเวสเกอร์ สิ่งที่พวกเขาเห็นคือฉากนี้
เห็นผู้หญิงที่แต่ไหนแต่ไรมาทั้งขี้กลัวทั้งขี้ขลาดตอนนี้กลับลงมือกับผู้ชายร่างใหญ่อย่างโหดเหี้ยม ในใจของอวี้อี่มั่วเป็นกังวล ไม่รอให้เว้นช่วงอะไร ก็รีบเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ตอนที่เขาเดินเข้าใกล้ พอดีกับที่หร่วนซือซือถูกบอดี้การ์ดจับเอาไว้อีกครั้ง เพราะช่วงต่อสู้ดิ้นรนเมื่อสักครู่ ทำให้ผมของเธอที่ยุ่งเหยิงตกลงมาที่ข้างแก้มทั้งสองข้าง และเสื้อของเธอที่เป็นคอวีก็เอียงไปด้านข้างเช่นกัน เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าครึ่งหนึ่งที่ดึงดูดสายตาผู้คน
เหมือนกับแมวป่าตัวน้อยที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
พอเห็นว่าบอดี้การ์ดใช้แรงบีบข้อมือของหร่วนซือซือทั้งสองข้าง สีหน้าของอวี้อี่มั่วก็อึมครึมขึ้นทันใด นัยน์ตาลึกทั้งสองข้างเต็มไปด้วยความโมโห แต่บนใบหน้าเขา นอกจากปากที่เม้มเบาๆ สีหน้าก็ยังคงเรียบตึงเหมือนก่อนหน้านี้ไม่มีผิด
เขาเดินเข้าไป ตรงไปทางที่พวกเขาอยู่
บอดี้การ์ดรับรู้ได้ถึงความผิดปกติก่อน พอเงยหน้า ก็มองเห็นผู้ชายคนหนึ่งร่างกายสูงใหญ่ หน้าตาดูฉลาดและมีความสามารถ อดไม่ได้ที่จะนิ่งอึ้งไป
เขาเป็นบอดี้การ์ดตระกูลซ่ง ปกติไม่ค่อยได้เห็นคนที่มีความสามารถสักเท่าไหร่ และก็เห็นฉากแบบนี้มานักต่อนักแล้ว ได้เห็นผู้ชายคนนี้ เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นและเผด็จการที่ส่งผ่านมาจากตัวเขา ทำให้เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองให้ไม่ใจฝ่อได้
หร่วนซือซือเงยหน้าขึ้น มองเห็นอวี้อี่มั่ว ทั้งตกใจทั้งดีใจ หลุดปากพูดออกมาอย่างไม่รู้ตัว “อวี้อี่มั่ว……”
เขามาได้ยังไง?
อวี้อี่มั่วกวาดสายตามองเธอ และก็หันไปมองบอดี้การ์ดคนนั้นทันที ด้วยสายที่เด็ดเดี่ยวและเฉียบคม และส่งสายตาเย็นชา ที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัว เขาเอ่ยปาก เสียงกดต่ำ “ปล่อยเธอซะ”
บอดี้การ์ดลังเลอยู่สักพัก แล้วหันหน้าไปมองซ่งฉีที่อยู่ข้างๆ รอให้เธอออกคำสั่ง แต่ใครจะไปรู้ ไม่รอให้ซ่งฉีเอ่ยปาก เขาก็รับรู้ได้ถึงข้อมือของตัวเองที่ถูกแรงมหาศาลจับกุมไว้ กระดูกราวกับถูกคนบีบจนแตกละเอียด
เขาเจ็บจนร้องออกมา แล้วรีบปล่อยหร่วนซือซือ หลังจากนั้นก็ถอยไปด้านหลัง เพื่อให้หลุดออกจากมือเหล็กที่แรงเยอะนั่น
คิดไม่ถึงว่าผู้ชายคนนี้กลับมีแรงเยอะขนาดนี้ ถึงกับทำให้บอดี้การ์ดคนนี้ที่มีฝีมือทนไม่ไหว!
อวี้อี่มั่วจ้องเขาด้วยสายตาเย็นชา เดินเข้าไป ไม่พูดอะไรให้มากความแล้วดึงหร่วนซือซือมาที่ข้างๆตัวเอง
เขาก้มหน้า กวาดสายตามองบนร่างหร่วนซือซืออย่างรวดเร็ว พอเห็นว่าข้อมือเธอมีรอยแดง เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที “บาดเจ็บเหรอ?”
หร่วนซือซือยังไม่ทันได้สติจากเหตุการณ์ตกตะลึงเมื่อครู่ พอถูกเขามองแบบนี้ ก็รีบเอามือทั้งสองข้างไปไว้ด้านหลัง พูดติดๆขัด “ไม่ ไม่มีอะไร”
พูดจบ จู่ๆเธอก็นึกถึงซ่งอวิ้นอันเพื่อนสนิทของเธอ เลยเงยหน้าขึ้นไปมอง พบว่าเธอถูกตู้เยี่ยปกป้องไว้ด้านหลัง
ซ่งฉีคิดไม่ถึงเลยสักนิดว่าสุดท้ายจะมีคนโผล่มาช่วยสองคนนี้ เธอกัดฟันด้วยความโกรธ ใบหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย
เธอเดินเข้ามาด้วยความโกรธ มาที่อวี้อี่มั่ว “นายเป็นใคร? เข้าใจสถานการณ์บ้างหรือเปล่า!”
อวี้อี่มั่วกวาดสายตามองเธออย่างเรียบๆ ราวกับเธอไม่ได้อยู่ในสายตาเขาแม้แต่นิดเดียว
เวลานี้ จู่ๆตู้เยี่ยก็จูงซ่งอวิ้นอันมา ดันเธอมาที่ข้างๆหร่วนซือซือ หลังจากนั้นก็เข้าไปพูดใกล้ๆที่ข้างหูอวี้อี่มั่ว “ประธานอวี้ คุณหนูตระกูลซ่งคนนี้เป็นลูกสาวของซ่งเซียวเทียนครับ”
ประโยคเตือนนี้ ทำให้สายตาของอวี้อี่มั่วหยุดการเคลื่อนไหวไปเล็กน้อย วินาทีต่อมา สีหน้าเรียบๆของเขามองไปยังซ่งฉี แล้วพูดปกติ “ผมต้องการพาสองคนนี้ไป”
เขาไม่อยากจะเสวนากับเธอ และไม่อยากจะเสียเวลากับเรื่องแบบนี้
พอพูดประโยคนี้ไป ไม่รอคำตอบจากซ่งฉี เขาก็หันหลังแล้วเดินออกไป
“กล้าเหรอ!”
เสียงท้าทายของซ่งฉีดังขึ้นมา เธอเดินเข้ามาด้วยท่าทางน่ากลัว มาบังทางที่พวกเขาจะเดินไป “นายเป็นใคร มีสิทธ์อะไรมาพาพวกเธอไป?”
ถ้าอยากจะรู้ ว่ากันเรื่องฐานะของเธอ มีใครกี่คนที่พยายามประจบเธอยังไม่มีเวลาพอเลยด้วยซ้ำ แต่เขากลับไม่สนใจเธอเลยสักนิด จะให้เธอกลืนน้ำลายตัวเองไปอีกได้ยังไง?
หร่วนซือซือถูกคนบังไว้ด้านหลัง มองซ่งฉีที่กัดพวกเธอไม่ยอมปล่อย ในใจก็รู้สึกร้อนรน
แต่พอเห็นว่าอวี้อี่มั่วหมุนร่าง เดินตรงไปที่ซ่งฉี แล้วพูดเสียงขรึม “คุณซ่งจะเอายังไง? ให้บอดี้การ์ดสองคนนั่นจับผู้หญิงสองคนนี้ไว้แล้วลงมือทำร้ายงั้นเหรอ?”
ประโยคนี้ ทำให้แก้มของซ่งฉีร้อนขึ้นมา เธอกัดฟันโกรธ “ทางที่ดีนายไปทำความเข้าใจมาก่อนดีกว่านะ ว่าพวกเขาทำอะไรกับฉันไว้บ้าง!”
ซ่งอวิ้นอันที่อยู่ข้างๆพอได้ยินเธอพูดแบบนี้ ก็รีบพูดออกมา “ก็แค่ไม่ทันระวังเลยฉีกเสื้อของเธอเองไม่ใช่หรือไง? ไม่ใช่ว่าไม่ขอโทษเธอสักหน่อย เธอจะเอายังไง?”
พอได้ยินเพื่อนสนิทข้างๆที่เลือดร้อนพูดแบบนี้ หร่วนซือซือก็รีบยื่นมือออกไปดึงเธอไว้ แล้วใช้สายตาบอกเป็นนัย ให้เธอเงียบ
สถานการณ์ตอนนี้มันแย่มากพอแล้ว ถ้ายังยั่วโมโหซ่งฉีต่อละก็ เกรงว่าจะจบเรื่องราวยากเข้าไปอีก