ดั่งรักบันดาล - ตอนที่ 152
เพื่อนนักเรียนต่างก็รู้สึกว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก เลยพูดแนะนำซ่งอวิ้นอันกับหร่วนซือซือ “อันอัน เธอพาหร่วนซือซือไปฝั่งนู้นก่อน เดี๋ยวพวกเราจะพูดไกล่เกลี่ยกับเสี่ยวฉีเอง”
ซ่งอวิ้นอันได้ยิน ก็รีบพยักหน้าแล้วตอบรับ หลังจากนั้นก็ลากหร่วนซือซือเดินไปยังโซฟาอีกฝั่ง
ฝ่ามือของหร่วนซือซือเต็มไปด้วยเหงื่อ ในใจก็กังวล “อันอัน ฉันก่อเรื่องใหญ่โตไปแล้วใช่ไหม?”
“ถ้าว่าตามนิสัยของซ่งฉี เขาไม่มีทางปล่อยไปอย่างง่ายๆแน่ๆ แต่ว่าไม่ต้องกลัวนะ ไม่ว่าเขาจะทำยังไง ฉันจะยืนอยู่ข้างเธอเอง!”
พอได้ยินเธอพูดแบบนี้ หร่วนซือซือก็อุ่นใจขึ้นมาหน่อย แต่ตอนนี้เธอมีลางสังหรณ์ว่าเรื่องนี้ไม่มีทางปล่อยผ่านไปเฉยๆแน่
พอกลับมาที่โซฟา หร่วนซือซือก็มองตรงกลุ่มคนอีกฝั่งที่ล้อมกันอย่างไกลๆ ในใจเป็นกังวลและกระสับกระส่ายอยู่ไม่น้อย
หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที ไม่รู้ว่าฝั่งนั้นเขาคุยอะไรกัน จู่ๆทุกคนก็แยกย้ายกัน แล้วซ่งฉีก็หันร่าง เดินออกไปทางประตูด้วยความโกรธ
หร่วนซือซือนิ่งอึ้งไป ซ่งฉีไปทั้งแบบนี้เนี่ยนะ?
เธอกำลังสงสัย จู่ๆเคอเจ๋อหลินก็เดินมาหาเธออย่างรวดเร็ว สีหน้าค่อนข้างจริงจัง “ซือซือ คุณรีบไปเถอะ เมื่อกี้ซ่งฉีบอกว่าไม่มีทางปล่อยคุณไปแน่!”
หร่วนซือซือไม่ทันได้เอ่ยปาก ซ่งอวิ้นอันก็ถามขึ้นมา “เขาจะทำอะไร?”
เคอเจ๋อหลินขมวดคิ้ว “เขาไปเรียกบอดี้การ์ด”
หร่วนซือซือนิ่งอึ้งเล็กน้อย ขณะที่เงยหน้าขึ้นนั้น ก็พบว่าซ่งฉีกลับมาแล้ว เธอเดินมาทางนี้ด้วยท่าทางดูน่ากลัว ด้านหลังมีบอดี้การ์ดที่สูงล่ำเดินตามมาสองคน
ซ่งอวิ้นอันโกรธจนพูดโพล่งออกมา “ให้ตายเถอะ!เขาจะทำอะไรกันแน่!”
ไม่รอให้พวกเขามีท่าทีตอบสนอง ซ่งฉีพาคนเข้ามา เธอกัดฟันจ้องไปที่หร่วนซือซือ แล้วบอกกับบอดี้การ์ดทั้งสองคน “เขานี่แหละ!”
บอดี้การ์ดเดินมาข้างหน้า ยกมือขึ้นมาจะจับหร่วนซือซือ
เคอเจ๋อหลินรีบมาบังไว้ข้างหน้า “พวกคุณจะทำอะไร!”
ซ่งอวิ้นอันก็รีบมาปกป้องหร่วนซือซือเหมือนกัน จ้องซ่งฉีแล้วพูด “ซ่งฉี เธอต้องขนาดนี้เลยเหรอ? ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยใส่บีกีนี่สักหน่อย อีกอย่างเรื่องเมื่อกี้พวกเราก็ไม่ได้ตั้งใจด้วย!”
ซ่งฉีจ้องตา “หุบปากไปเลยซ่งอวิ้นอัน!ระวังฉันจะจับเธอไปด้วย!”
หร่วนซือซือเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี เลยสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วมองซ่งฉี “ซ่งฉี เรื่องเมื่อกี้ฉันผิดเอง ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ฉันขอโทษเธอจากใจจริง ขอโทษนะ”
พูดจบ เธอก็โค้งคำนับให้ซ่งฉี
เธอขอโทษด้วยความเต็มใจ เรื่องใหญ่จะได้กลายเป็นเรื่องเล็ก เรื่องเล็กจะได้กลายเป็นหมดเรื่องหมดราวกันไปสักที
แต่ใครจะไปรู้ว่าซ่งฉีไม่ฟังคำอธิบายอะไรเลย เธอเดินไปข้างๆบอดี้การ์ดทั้งสองคนแล้วส่งซิก บอดี้การ์ดเห็นสถานการณ์ก็เดินมาข้างหน้า ไม่ได้อธิบายอะไรก็ผลักเคอเจ๋อหลินกับซ่งอวิ้นอันออก แล้วจับหร่วนซือซือเอาไว้
ซ่งอวิ้นอันเห็นสถานการณ์เป็นอย่างนี้ เธอก็ตาแดงขึ้นมา ตะโกนไปยังบอดี้การ์ด “ปล่อยเดี๋ยวนี้!ฉันบอกให้ปล่อย!”
แต่ยังไงซะเธอก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง พอมือใหญ่ๆของบอดี้การ์ดสะบัดออก ก็เท่ากับผลักเธอออกไปด้านข้าง
ซ่งอวิ้นอันกัดฟัน มองเพื่อนนักเรียนที่ยืนมุงดูสถานการณ์รอบข้าง แล้วตะโกนลั่นไปทางพวกเขา “ทุกคนเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน ช่วยกันหน่อยไม่ได้หรือไง!”
เมื่อกี้เพื่อนผู้ชายพวกนั้นยังทำเป็นเอาใจพวกเธออยู่เลย คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ทุกคนต่างหัวหดไม่กล้าโผล่หน้าออกมาสักคน
ใครๆต่างก็รู้ว่าพ่อของซ่งฉีเป็นข้าราชการ อำนาจไม่ใช่น้อยๆเลย เป็นธรรมดาที่ตอนนี้ก็ไม่กล้าทำอะไรกับเธอในที่โจ่งแจ้ง
เวลานี้ จู่ๆเคอเจ๋อหลินก็เดินเข้ามา มองซ่งฉีด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วพูดออกมา “ซ่งฉี ทุกคนต่างก็เป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องให้มันลำบากขนาดนั้น พวกเรากับซือซือต่างก็เต็มใจที่จะขอโทษคุณ เรื่องครั้งนี้ก็ปล่อยไปเถอะ”
ซ่งฉีฮึดฮัดไม่พอใจ ไม่ยอมถอยให้สักนิด “มีสิทธิ์อะไรให้ปล่อยไป? คนที่ถูกฉีกเสื้อไม่ใช่นายสักหน่อย!ฉันเป็นถึงสาวบริสุทธิ์เลยนะ!”
เห็นสถานการณ์แบบนี้ หร่วนซือซือเข้าใจดี วันนี้ซ่งฉีไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่ เธอกัดฟัน มองซ่งอวิ้นอันที่กำมือแน่น แล้วรีบพูด “อันอัน อย่าพึ่งวู่วาม”
เวลานี้ ถ้าอันอันอยากจะพึ่งตัวเองเพื่อช่วยเธอล่ะก็ คงเป็นไปไม่ได้
เธอพูด แล้วหันไปมองซ่งฉี กัดฟันแล้วพูด “ซ่งฉี เธอจะเอายังไง ว่ามาเถอะ”
ซ่งฉีเลิกคิ้ว แล้วชำเลืองมองเธออย่างเย็นชา “ฉีกเสื้อของเธอลงมาสิ!”
พอซ่งอวิ้นอันได้ยิน ก็อดกลั้นไว้ไม่ไหว “อะไรนะ!ซ่งฉีเธอทำเกินไปหรือเปล่า!”
บนตัวหร่วนซือซือใส่เป็นชุดกระโปรง ถ้าฉีกลงมาล่ะก็คงโป๊แน่ๆ นี่มันไม่ต่างอะไรกับเปลือยกายล่อนจ้อนเลย!
สีหน้าของหร่วนซือซือซีดเผือด ยังไม่ทันได้พูดอะไร ด้านข้างก็มีเงาของคนๆหนึ่งพุ่งเข้ามา
เคอเจ๋อหลินพุ่งมาที่ด้านหน้าเธอ จ้องซ่งฉีแล้วพูด “ผมไม่อนุญาตให้คุณแตะต้องเธอ!”
“ไม่ดูกำลังตัวเองเลยนะ!” บนใบหน้าของซ่งฉีเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ดูถูกเยาะเย้ย “ตัวนายเองยังปกป้องตัวเองไม่ได้ ยังจะคิดปกป้องคนอื่นอีก!”
พูดจบ เธอก็ยื่นคางส่งซิกให้บอดี้การ์ดคนหนึ่ง บอดี้การ์ดคนนั้นก็รู้ได้ในทันที ยกเท้าขึ้นมาแล้วถีบไปที่ขาของเคอเจ๋อหลินจากด้านหลัง
เคอเจ๋อหลินถูกถีบล้มลงบนพื้น เขายังไม่ทันได้ตอบโต้ กำปั้นที่เหมือนกับเหล็กก็ทุบเข้ามาบนตัวเขาอย่างกระหน่ำ
พอเห็นฉากตรงหน้า หร่วนซือซือก็นิ่งอึ้งไป แล้วรีบพูด “หยุด……หยุดต่อยได้แล้ว!”
เคอเจ๋อหลินทำไปก็เพื่อปกป้องเธอ แต่เธอในตอนนี้ถูกบอดี้การ์ดอีกคนคุมตัวไว้อยู่ แทบจะขัดขวางไว้ไม่ได้เลย
ซ่งอวิ้นอันโมโหจนสีหน้าเปลี่ยนไป ใครเดินเข้ามาต่างก็ถูกผลักออกหมด สายตามองไปที่เคอเจ๋อหลินที่ถูกต่อยจนไม่มีแม้แต่แรงที่จะตอบโต้ บนใบหน้าก็เต็มไปด้วยบาดแผล เธอตะโกนลั่นไปทางซ่งฉี “ซ่งฉีเธอเอาคนของเธอมารังแกพวกเราจะไปนับอะไรได้!ถ้ามีความสามารถพอพวกเราก็มาวัดกันตัวต่อตัวนี่!”
ซ่งฉียิ้มอย่างโอหัง แล้วเลิกคิ้ว “มีความสามารถเธอก็เรียกคนมาช่วยสิ?”
“ให้ตายเถอะ!”
ซ่งอวิ้นอันสบถออกมา สถานการณ์เมื่อครู่เธอคิดไม่ถึงว่าเพื่อนร่วมชั้นพวกนั้นต่างก็พึ่งพาไม่ได้ และก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าโทรเรียกคนมาช่วยได้
เธอควานหามือถือออกมา แล้วเปิดไปหน้ารายชื่อ ชื่อแรกที่ผ่านเข้ามาในสมองคือซ่งเย้อัน แต่ถ้าให้พี่ชายเธอรู้เรื่องเธอพาซือซือมาที่แบบนี้ คงต้องถูกด่าชุดใหญ่แล้วค่อยกักบริเวณเป็นแน่
ผ่านไปสักพัก ก็มีใบหน้าของใครคนหนึ่งแวบขึ้นมาในสมอง เธอเปิดหาเบอร์โทร แล้วรีบกดโทรออก
พออีกฝั่งรับ เธอก็รีบพูด “เงื่อนไขข้อที่สอง รีบมาที่เวสเกอร์!ฉันกับซือซือเกิดเรื่องแล้ว!”
เธอพึ่งจะพูดจบ มือถือในมือก็ถูกคนข้างๆแย่งไป เธอหันหน้าไปมอง เห็นว่าซ่งฉีถือมือถืออยู่ แล้วกดตัดสายโทรศัพท์
ซ่งฉีกวาดสายตามองเธอ แล้วยิ้มอย่างเย็นชา “โทรได้แค่คนเดียว พูดได้แค่ประโยคเดียว ถ้ายี่สิบนาทีไม่มีคนมา พวกเราก็ต่อเลยละกัน”
ตอนนี้เธอมองหร่วนซือซือกับซ่งอวิ้นอันอย่างช่วยอะไรไม่ได้ ท่าทางรออย่างทรมาน มันช่างน่าสนใจกว่าการลงมือไปเลยจริงๆ
“เธอ!”
เมื่อครู่ซ่งอวิ้นอันอยากจะพูดออกมา บอดี้การ์ดคนหนึ่งเดินเข้ามา บีบเข้าใกล้เธอ บีบจนเธอต้องกลืนประโยควรรคสุดท้ายเข้าไป
อีกฝั่ง ตู้เยี่ยกำมือถือเอาไว้ มองมือถือที่ถูกตัดสายไปแปลกๆ สับสนเล็กน้อย
อวี้อี่มั่วที่นั่งอยู่ด้านหลังเหลือบตามอง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย แล้วเอ่ยออกมา “แฟน?”
พอตู้เยี่ยถูกถามแบบนี้ ท่าทางก็แข็งทื่อขึ้นมา “ไม่…ไม่ใช่ เพื่อนสนิทของเลขาหร่วนโทรมา คุณเคยเจอเธอนะ”
พอได้ยิน อวี้อี่มั่วก็เม้มปาก แล้วถาม “เธอพูดว่าอะไร?”
ตู้เยี่ยตอบไปตามความจริง “เธอพูดว่าเธอกับเลขาหร่วนเกิดเรื่องแล้ว ให้ผมไปที่เวสเกอร์”
อวี้อี่มั่วนิ่งไป ความเคลื่อนไหวที่ปรากฏไม่ชัดแวบขึ้นมาในสายตา
หร่วนซือซือ? เวสเกอร์?
เธอกล้าไปสถานที่แบบนั้นงั้นเหรอ? เธอไปเอาความกล้ามาจากไหน?
อวี้อี่มั่วสีหน้าอึมครึม เหลือบตาขึ้นมองตู้เยี่ยด้วยความเยือกเย็น แล้วออกคำสั่งเสียงขรึม “ออกรถ ไปเวสเกอร์”