พออวี้อี่มั่วได้ยินแบบนั้น มือที่ลูบหลังเธออยู่ของหยุดชะงัก และมีหน้าผู้หญิงคนหนึ่งวนเวียนอยู่ในสมองของเขา
หร่วนซือซือ?
ทำไมเขาถึงได้คิดถึงหน้าเธอในเวลาแบบนี้?
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้ว ก้มลงปลอบเย่หว่านเอ๋อต่อ " ไม่หรอก เรื่องที่พี่เคยรับปากเธอไว้ พี่ต้องทำให้ได้ "
" จริงหรอคะ? " เย่หว่านเอ๋อเงยหน้าขึ้นมอง แววตาของเธอเป็นประกาย " พี่จะแต่งงานกับฉันใช่ไหม? "
" อือ "
อวี้อี่มั่วตอบรับสั้นๆ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมการตอบรับครั้งนี้เขาไม่ได้มั่นใจเหมือนเมื่อก่อน
เขารู้สึกสับสนและวุ่นวายใจ แต่อวี้อี่มั่วก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก หลังจากที่เย่หว่านเอ๋อสงบลง เขาก็ให้พยาบาลนำโจ๊กเข้ามาและเกลี้ยกล่อมให้เธอกิน
ท้ายที่สุดพอเขามองหน้าผู้หญิงที่หลับปุ๋ยบนเตียง เขาจึงรู้สึกโล่งอก
ตั้งแต่ที่เย่หว่านเอ๋อป่วย เขาคอยดูแลเธอแบบนี้ไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง แต่ทั้งหมดนี้มันก็เป็นเพราะว่าเขาติดค้างเธอจริงๆ
เขาเอามือออกจากเธอและขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็ค่อยๆก้าวเท้าออกจากห้องไปพร้อมกับปอดประตูห้องเบาๆ พอหันกลับมาก็เห็นมีคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆ
ผู้ชายร่างสูงใหญ่ สวมชุดสูทสีเทา แขนขาเรียวยาว ใบหน้าของเขาหล่อเหล่า แต่สีหน้าของเขาซีดเซียวราวกับคนป่วย
ชายคนนั้นยักคิ้วให้อวี้อี่มั่ว การแสดงออกทางสีหน้าของเขาดูเล่ห์เหลี่ยมเล็กน้อย " ประธานอวี้ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ "
อวี้อี่มั่วหรี่ตามอง พอจำชายตรงหน้าได้เขาก็ยิ้มให้เขา
ที่แท้ก็คือเขานี่เอง เย่เจ๋ออวี่——พี่ชายแท้ๆของเย่หว่านเอ๋อ
เย่เจ๋ออวี่ยิ้ม แต่สายตาเขายังคงเยือกเย็น เขาเดินเข้าไปข้างหน้า มองไปที่อวี้อี่มั่วและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา " อวี้อี่มั่ว นายทำแบบนี้กับน้องฉันหรอ? "
ความเย็นชาปรากฏขึ้นในสายตาเขา และเขาก็ขบกรามแน่น จากนั้นก็พูดอย่างเย็นชา " มีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรอ? "
ถ้าเทียบกับพี่ชายแท้ๆอย่างเขา เขาปฏิบัติต่อเย่หว่านเอ๋อได้ดีกว่าไม่รู้กี่เท่า
เย่เจ๋ออวี่ส่งเสียง " หึ " ออกมา และเดินเข้าไปใกล้เขา เขาหรี่ตามองไปที่อวี้อี่มั่วอยู่นานมาก ก่อนที่จะยิ้มมุมปากอย่างเยาะเย้ย
" ที่น้องฉันไม่ยอมกินมาทั้งวัน เป็นเพราะใครนายไม่รู้งั้นหรอ? ถึงแม้พวกเราตระกูลเย่จะไว้ใจนายและให้นายดูแลน้องสาวฉัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ใส่เธอเลยสักนิด ไม่ว่าจะยังไง เธอก็เป็นคนของตระกูลเย่! ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ พวกเราตระกูลเย่ไม่เอานายไว้แน่! "
" จริงหรอ? "อวี้อี่มั่วถามขึ้นพร้อมกับยิ้มมุมปาก จากนั้นก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชา " เท่าที่ฉันรู้มา สามเดือนที่ผ่านมานี้นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่นายมาเยี่ยมน้องสาว "
เย่เจ๋ออวี่กับเย่เฟิงเผิงผู้เป็นพ่อนั้นเป็นคนประเภทเดียวกันจริงๆ ตั้งแต่ที่เย่หว่านเอ๋อป่วยหนัก ตระกูลเย่ของพวกเขาไม่มีความสามารถที่จะทำอะไรเลย และโยนเธอมาให้เขา โดยไม่ถามไถ่เลยแม้แต่น้อย พอตอนนี้รู้ว่าการผ่าตัดของเย่หว่านเอ๋อสำเร็จไปได้ด้วยดี กลับโผล่หัวขึ้นมาทีละคนสองคน
" นายอย่ามาพูดมาก ไม่ว่ายังไง เธอก็เป็นคนของตระกูลเย่ ถึงจะให้นายดูแลเธอ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะให้นายทิ้งๆขว้างๆเธอแบบนี้ ที่ฉันมาในครั้งนี้ ไม่ได้มาบอกแต่เป็นการมาเตือน! "
เย่เจ๋ออวี่ใช้สายตาเย็นชาเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ทิ้งประโยคนี้ไว้ให้เขาแล้วเดินออกไปเลย
ตู้เยี่ยที่ยืนอยู่ข้างๆถึงกับทนดูไม่ไหว เขาขมวดคิ้วและมองไปที่อวี้อี่มั่ว รอคำสั่งจากเขา " ประธานอวี้……"
อวี้อี่มั่วเหลือบมองเขานิ่งๆแวบหนึ่ง เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
พอเห็นเย่เจ๋ออวี่เดินออกไปไกลแล้ว อวี้อี่มั่วถึงค่อยๆละสายตาจากเขา
ตู้เยี่ยอารมณ์ไม่ดี " ประธานอวี้ คนตระกูลเย่ทำไมถึงได้อวดเก่งแบบนี้ ทำไมคุณถึง……"
อวี้อี่มั่วเม้มปาก และพูดนิ่งๆออกมาสองคำ " ไม่รีบ "
นานกว่านี้เขายังทนมาแล้วเลย แล้วทำไมแค่นี้เขาจะทนไม่ได้?
สำหรับเขาแล้ว เย่หว่านเอ๋อก็คือเย่หว่านเอ๋อ ส่วนคนตระกูลเย่ก็คือคนตระกูลเย่ มันไม่เหมือนกันและต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ศูนย์โรงพยาบาล2 ณ ห้องผู้ป่วย
หร่วนซือซือนั่งอยู่เก้าอี้ข้างๆเตียงผู้ป่วย เธอรู้สึกหดหู่ใจมาก
ศาสตราจารย์หร่วนที่มองดูเธออยู่บนเตียง เขาเงียบอยู่นานมาก แต่สุดท้ายเขาก็เอื้อมมือลูบไปที่ผมเธอเบาๆ " เอาเถอะซือซือ อย่าเสียใจไปเลย เดี๋ยวเรื่องทุกอย่างมันก็ผ่านไปนะ "
หร่วนซือซือได้ยินแบบนั้น ก็รู้สึกเศร้าและน้ำตาก็ค่อยๆไหลออกมา
ครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ เธอพึ่งรู้ว่าครั้งนี้พ่อของเธอจะต้องผ่าตัดหัวใจ และแน่นอนว่ามีความเสี่ยงอย่างมาก
ข่าวนี้สำหรับเธอ เธอทำใจยอมรับในเวลาที่รวดเร็วแบบนี้ไม่ได้จริงๆ
พอเห็นลูกสาวเป็นแบบนี้ ศาสตราจารย์หร่วนก็รู้สึกไม่สบายใจ เขาแตะไปที่ไหล่ของเธอและพูดปลอบเธอว่า " ลูกสบายใจได้ อี่มั่วบอกแล้วว่าการผ่าตัดในครั้งนี้เขาจะติดต่อหมอจากเมืองหลวงที่เป็นแพทย์ที่เก่งที่สุดและใช้วิธีการที่ปลอดภัยที่สุด ถ้าเป็นแบบนั้นโอกาสที่จะผ่าตัดสำเร็จก็สูงมากเลยนะ "
พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ หร่วนซือซืออึ้งไป ต่อมาเธอเงยหน้ามองศาสตราจารย์หร่วนแล้วถามขึ้นว่า " พ่อคะ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงใช่ไหม? "
พอเห็นศาสตราจารย์หร่วนพยักหน้าอย่างมั่นใจและแน่วแน่ เธอก็ค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย
ไม่รู้ว่าทำไมขอแค่มีอวี้อี่มั่ว เรื่องทั้งหมดที่เลวร้ายมันกลับดีขึ้น
" ซือซือ ถึงแม้ลูกกับอี่มั่วจะไม่ได้เดินคู่กันต่อไป แต่ถึงยังไงก็เป็นเพื่อนกัน เพื่อเห็นแก่หน้าพ่อ อย่าทะเลาะกันรุนแรงได้ไหมลูก? "
เมื่อได้ยินคำพูดที่สุดแสนเป็นห่วงของศาสตราจารย์หร่วน หร่วนซือซือก็เงยหน้าขึ้น เธอลังเลเล็กน้อย แต่ในที่สุดเธอก็พยักหน้า
ไม่ว่ายังไง แต่ก่อนอวี้อี่มั่วถือเป็นนักเรียนที่ศาสตราจารย์หร่วนภาคภูมิใจ ด้วยความสัมพันธ์นี้ของพวกเขา เธอก็ไม่จำเป็นต้องมีปัญหาอะไรกับเขาถ้าไม่จำเป็น
ในระหว่างทางที่กลับจากโรงพยาบาล หร่วนซือซือนึกถึงคำพูดพวกนั้นของผู้เป็นพ่อ เธอก็รู้สึกขอบคุณอวี้อี่มั่วมากๆ
ถ้าการผ่าตัดในครั้งนี้สำเร็จไปได้ด้วยดี พวกเขาทั้งบ้านต้องตอบแทนอวี้อี่มั่วให้ได้มากที่สุด
ความรู้สึกแบบนี้อยู่กับเธอจนถึงวันรุ่งขึ้น นานๆทีที่หร่วนซือซือจะตื่นเช้า เธอตั้งใจเปิดดูขั้นตอนการทำอาหารในโทรศัพท์ และจัดเตรียมอาหารที่หลากหลายแบ่งใส่ในกล่องอาหารสไตล์ญี่ปุ่นหรือที่เรียกว่ากล่องอาหารเบนโตะสองชุด
สุดท้าย เธอมองไปที่กล่องอาหารเบนโตะแสนอร่อย หร่วนซือซือรู้สึกเหมือนยังขาดบางอย่าง คิดไปคิดมา สุดท้ายเธอก็หยิบซอสมะเขือเทศออกมา และบีบเป็นรูปยิ้มบนไข่ดาว
"ทำได้สมบูรณ์แบบสุดสุด! "
เธอปิดฝากล่องอย่างพึงพอใจ และเอากล่องอาหารเบนโตะใส่กระเป๋า พอเก็บของเสร็จเธอก็มุ่งหน้าไปที่บริษัท
กล่องอาหารเบนโตะนี้แน่นอนว่าเธอเตรียมให้อวี้อี่มั่วเพื่อแสดงความขอบคุณเขา
ในวันปกติ น้อยมากที่เธอจะลงมือทำอาหารด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้เธอยอมเสียสละเวลานอนช่วงเช้าของเธอ เพื่อจัดเตรียมกล่องอาหารเบนโตะแสนอร่อยนี้ เธอหวังว่ามันคงเพียงพอที่จะเห็นความจริงใจของเธอนะ
พอถึงตอนเที่ยง รอให้เพื่อนร่วมงานในแผนกต่างก็ออกไปทานข้าวกลาวัน หร่วนซือซือถึงค่อยเอากล่องอาหารเบนโตะออกมา และเอาไปอุ่นในไมโครเวฟในโซนน้ำชา เธอวางแผนว่าอีกเดี๋ยวจะเอาไปให้อวี้อี่มั่ว
เธอพึ่งออกจากลิฟต์และยังไม่ได้เดินไปไหนไกล ก็ได้ยินผู้หญิงสองคนคุยกันอยู่ไม่ไกลข้างหน้า
" เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ใครจะไปรู้ว่าจะจัดการกันยังไง ที่เรียกประชุมผู้บริหารวันนี้ก็เพื่อปรึกษาหารือกันเรื่องนี้โดยเฉพาะ "
" ฉันคิดว่ารองประธานสวี่ต้องโดนทำโทษแน่ๆ เธอลองคิดดูสิทำให้เกิดผลกระทบมากมายขนาดนี้ ทำให้บริษัทเสื่อมเสียชื่อเสียง ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทจะอยู่นิ่งได้ยังไงกัน? "
" ที่พูดมาก็ถูกนะ อีกทั้งฉันได้ยินมาว่าเฉิงเหยียนเป็นลุงของเฉิงลู่ด้วยนะ คนหนึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัท อีกคนหนึ่งก็เป็นถึงรองประธานบริษัท ไม่แน่เขาอาจจะสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายก็ได้! "
" ……"
พวกเธอสลับกันพูดไปมา หร่วนซือซือที่ยืนฟังอยู่ข้างหลัง แน่นอนว่าเธอรู้ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ก่อนหน้านี้เธอเองก็ยังไม่รู้ว่าเฉิงลู่และเฉิงเหยียนผู้จัดการแผนกการเงินของบริษัทมีความสัมพันธ์เป็นลุงหลานกัน ไม่น่าล่ะเธอถึงได้อวดเก่งในบริษัทมากขนาดนี้ ที่แท้ก็มีคนหนุนหลังเธออยู่นี่เอง
เธอเดินมาเรื่อยๆจนถึงห้องประธานบริษัท หร่วนซือซือดึงสติกลับมาได้ พอเห็นว่ารอบๆห้องทำงานของท่านประธานไม่มีคน เธอเดินไปที่หน้าประตูและเคาะประตูเบาๆ
เวลานี่้ เป็นช่วงเวลาที่บริษัทคนน้อยที่สุด เธอก็เลยอยากใช้โอกาสนี้ไปที่ห้องทำงานของเขา วางของไว้แล้วเธอก็จะรีบออกไปทันที
หร่วนซือวือเปิดประตู และรีบสับขาเดินเข้าไป เอากล่องอาหารเบนโตะวางลงบนโต๊ะทำงานอวี้อี่มั่ว และจัดวางมันให้เรียบร้อย เธอยังไม่ได้ได้ออกไปก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากหน้าประตูห้อง
เธอรู้สึกประหม่าเลยรีบหันกลับไป พอเจอใบหน้าที่เย็นชาของอวี้อี่มั่วยืนอยู่หน้าประตู ราวกับว่าไปทำเรื่องอะไรผิดมาแล้วถูกจับได้อย่างไรอย่างนั้น ทันใดนั้นเธอก็พูดเหมือนลิ้นพันกัน " คุณ…กลับมาแล้วหรอ? "
MANGA DISCUSSION