ดั่งรักบันดาล - ตอนที่ 145
ราวกับว่ามองความไม่แน่ใจของเธอออกได้ อวี้อี่มั่วเปิดปาก ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "ในเหล้าที่สวี่เฟิงหมิงดื่มไป ถูกเฉิงลู่วางยาเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว"
เมื่อได้ยินดังนั้น ร่างทั้งร่างของหร่วนซือซือแข็งค้างไปชั่วขณะ
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง
ดูท่าแล้ว เฉิงลู่วางกับดักอันนี้ไว้เพื่อเธอ เมื่อรับรู้ถึงรายละเอียดเล็กๆต่างๆนั่นแล้ว รับประกันได้เลยว่าจะไม่มีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน หากว่าเธอไม่ได้รับรู้แผนการจากอวี้อี่มั่วมาก่อนแล้วล่ะก็ เกรงว่าเธอคงจะต้องเสียเปรียบเข้าเต็มเปาแล้วจริงๆแน่
ความเย็นยะเยือกบางอย่างตีขึ้นจากฝ่าเท้าจนขึ้นมาถึงต้นคอด้านหลัง หมัดที่ห้อยลงมาข้างลำตัวกำแน่นขึ้น จนมีเหงื่อเย็นๆผุดขึ้นกลางฝ่ามือโดยไม่รู้ตัว
เมื่อสบมองหร่วนซือซือที่ยืนนิ่งอยู่นาน ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆทั้งสิ้น อีกทั้งสีหน้ายังแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือก เขาพยักหน้าขึ้นลงเบาๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็นขึ้นว่า "แบบนี้เรียกว่าคนเลวที่ไม่สมควรที่จะมีที่ยืน"
เฉิงลู่มีจิตไม่ปกติ วางกับดักนี้เพราะว่าคิดที่จะทำร้ายคนอื่น แต่กลับย้อนกลับไปหาตนเองอีกทั้งกลับแปรเปลี่ยนเป็นคนที่โดนทำร้ายเสียเอง เรื่องราวทั้งหมดนี้ ก็เป็นเพราะว่าเธอให้ทุกแก่ท่านทุกนั้นถึงตัวเองต่างหาก
หร่วนซือซือรู้สึกตัวกลับมา นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา ก่อนจะเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ด้านข้าง ยังรู้สึกหวาดผวาอยู่ในใจ
เมื่อก่อนเธอได้ยินคุณนายหลิวรำพึงรำพันถึงความโหดร้ายของสังคมนี้อยู่ตลอดเวลา เธอไม่เคยรับรู้ถึงความรู้สึกนี้มาก่อนเลย แต่ทว่าตอนนี้ เธอรับรู้ได้ถึงด้านมืดของสังคมนี้จริงๆเข้าให้แล้ว
เมื่อสบมองหญิงสาวที่นั่งตกตะลึงอยู่ทางด้านข้าง อวี้อี่มั่วยื่นมือออกไป ก่อนจะเคาะลงบนโต๊ะอาหารเบาๆ "มื้อเช้าต้องรีบทานตอนมันยังร้อนๆ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันไปก่อนล่ะนะ"
พูดไป เขาก็ลุกขึ้นยืนไปพลาง ก่อนจะหยิบตลับยาขึ้นมาวางไว้บนมุมโต๊ะ หลังจากนั้นก็สาวเท้ายาวก้าวจากไป
เมื่อประตูปิดลงดัง "ปัง" หร่วนซือซือถึงได้มีสติสตางค์กลับคืนมา เธอสบมองยาบนโต๊ะ จิตใจสับสนวุ่นวายไปหมด
เมื่อรับประทานอาหารเช้าเสร็จ หร่วนซือซือก็ทายา นี่ก็สายมากแล้ว ก่อนจะหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วตรงดิ่งเข้าไปที่บริษัททันที
เมื่อถึงหน้าประตูแผนกได้อยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ได้พบกันเพื่อนร่วมงานที่ปกติไม่ค่อยจะได้คุยกันนักสองสามคน และไม่คิดว่าพวกเขาจะเป็นฝ่ายเข้ามาทักทายเธอก่อนด้วย
หร่วนซือซือประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อแสกนนิ้วเข้างานเสร็จ เดินผ่านไปที่โถงส่วนรวม พบว่าสายตาที่ทุกคนมองไปที่เธอล้วนแล้วแต่แปลกไปเล็กน้อย
หร่วนซือซือเดินไปที่ห้องทำงานของตนเองด้วยความรวดเร็ว สบมองกระจก อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจแล้วอุทานออกมา "หน้าฉันก็ไม่ได้มีอะไรสกปรกนี่น่า!"
ทำไมสายตาที่ทุกคนมองมาถึงดูแปลกประหลาดไปนะ?
เมื่อนั่งไปได้อยู่ครู่หนึ่ง ก็มีเสียงเคาะประตูจากนอกห้องทำงานดังเข้ามาให้ได้ยิน เป็นเสี่ยวหานที่เปิดประตูเข้ามา ใบหน้าเต็มไปด้วยเลศนัยอย่างบอกไม่ถูก
หร่วนซือซือรีบเอ่ยถามขึ้นไปทันทีว่า "มีอะไรงั้นหรือ? ทำไมทุกๆคนถึงต้องมองฉันแบบนั้นกันด้วยล่ะ?"
เสี่ยวหานรีบสาวเท้าเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว "เรื่องคราวที่แล้วของเธอกับท่านรองประธานสวี่ถูกล้างมนทินแล้วอย่างไรล่ะ เธอไม่รู้หรือไง?"
หร่วนซือซือพลันชะงักนิ่งไป ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ
เสี่ยวหานรีบสาวเท้าเข้ามาทันที ก่อนจะเปิดข้อความในกลุ่ม แล้วยื่นส่งมาให้เธอดู "นี่ไง มีคนส่งภาพจากกล้องวงจรปิดลงในกลุ่ม บันทึกภาพเหตุการณ์ที่เฉิงลู่แอบถ่ายเธอกับท่านรองประธานสวี่ เธอส่งท่านรองสวี่ขึ้นรถไป ไม่ได้ไปด้วยกันกับเขา ดังนั้นภาพถ่ายพวกนั้นของเฉิงลู่ก็แค่มุมกล้อง จงใจทำให้คนเข้าใจผิด"
"บวกกับเรื่องฉาวของเฉิงลู่กับท่านรองประธานสวี่ถูกเปิดโปงแล้วด้วย ทุกคนก็เลยคาดเดาว่าเฉิงลู่ต้องการที่จะตบตา ก็เลยถ่ายภาพของเธอกับท่านรองประธานสวี่แล้วเผยแพร่ออกไป ดังนั้นแล้วเรื่องก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเลยว่าทั้งหมดเป็นการเข้าใจเธอผิดไป"
เมื่อฟังเสี่ยวหานพูดดังนั้นแล้ว หร่วนซือซือดูคลิปวีดีโอไปมา ก่อนจะเริ่มเข้าใจ
ภาพของกล้องวงจรปิดในช่วงเวลานั้นที่ถูกเผยแพร่ออกมา ก็สามารถเป็นหลักฐานได้ว่าเดิมทีเธอกับสวี่เฟิงหมิงไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนอะไรกัน บวกกับข่าวฉาวของเฉิงลู่และสวี่เฟิงหมิงที่ถูกเปิดโปง ดังนั้นแล้วหวยก็เลยไปลงที่เฉิงลู่แทน ทุกคนเข้าใจกันหมดแล้วว่าเรื่องก่อนหน้านี้เป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ดังนั้นเธอก็ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์แล้ว
เรื่องราวทั้งหมดนี้ เธอไม่ต้องคิดอะไรให้มากความก็สามารถที่จะคาดเดาได้ ต้องเป็นผลงานของอวี้อี่มั่วแน่ๆ
ในตอนแรกที่เธอกับอวี้อี่มั่วตกลงลงเรือลำเดียวกัน เธอช่วยเหลือเขา เขาก็คืนความบริสุทธิ์ให้กับเธอ ก็ถือว่าทำตามข้อตกลงที่ต่างฝ่ายได้ตกลงกันไว้แล้ว ได้รับผลประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่
"ซือซือจ๊ะ เธอคิดอะไรอยู่น่ะ! เรื่องเข้าใจผิดก็ถูกแก้ไขแล้วนี่ เธอยังไม่ดีใจอีกหรือ!"
เสียงของเสี่ยวหานทำให้เธอหลุดออกจากภวังค์ เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะได้สติกลับคืนมา หันไปยิ้มให้เธอแล้วเอ่ยเสียงเบาว่า "ฉันแค่รู้สึกประหลาดใจนิดหน่อยน่ะ"
เสี่ยวหานแทบจะดีใจกว่าเธอแล้ว "นี่ถือเป็นเรื่องดีนะ เธอต้องเลี้ยงข้าวแล้วล่ะ! เอาล่ะ รีบไปทำงานเถอะไป อีกประเดี๋ยวก็จะเริ่มประชุมแล้ว ผลประเมินประจำฤดูออกมาแล้ว คาดว่าอีกไม่นานจะต้องได้โบนัสแน่เลย!"
หร่วนซือซือพยักหน้าหงึกหงัก สอบมองไปยังเธอที่เดินออกจากห้องทำงานไป ถึงจะรู้ได้ว่าทำไมมาที่บริษัทวันนี้ ท่าทีของทุกคนที่มีต่อเธอทั้งหมดแปรเปลี่ยนไปไม่น้อยเลย
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็คงจะต้องขอบคุณอวี้อี่มั่วเสียแล้ว
วุ่นๆไปทั้งวัน ผ่านไปแป๊บเดียวก็ถึงช่วงค่ำแล้ว อวี้อี่มั่วที่พึ่งพูดคุยเรื่องสัญญาสำคัญเสร็จ กลับมาถึงห้องทำงานยังไม่ทันที่จะได้ดื่มน้ำสักอึก ก็ได้รับสายโทรศัพท์มือถือจากโรงพยาบาลจิงหวาเสียก่อน
น้ำเสียงจากพยาบาลปลายสายติดกระวนกระวายดังขึ้นว่า "คุณอวี้คะ คุณรีบมาที่โรงพยาบาลเถอะค่ะ ไม่ว่าพวกเราจะพูดอย่างไรก็แล้ว คุณเย่เธอไม่ยอมทานข้าวเลยค่ะ บอกว่าจะอดอาหาร นี่ก็ทั้งวันแล้วนะคะ แม้กระทั่งน้ำสักอึกยังไม่ยอมดื่มเลยค่ะ"
อวี้อี่มั่วได้ยินดังนั้น หัวคิ้วก็ขมวดติดกันแน่น "เกิดอะไรขึ้นครับ? ใครหาเรื่องอะไรเธออีกหรือครับ?"
ทั้งๆที่เมื่อคืนวานตอนคุยโทรศัพท์กับเขายังดีๆอยู่แท้ๆ ทำไมตอนนี้กลับประท้วงอดอาหารขึ้นมาอีกล่ะ?
"ฉันก็ไม่ทราบค่ะ เมื่อเช้ายังดีๆอยู่เลยค่ะ ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น หลังจากรับโทรศัพท์แล้ว ก็ไม่ดื่มไม่ทานอะไรเลยค่ะ แล้วก็ไม่พูดอะไรด้วย"
ฟังจากน้ำเสียงร้อนรนของปลายสายจากพยาบาลแล้ว อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะกำชับเสียงเข้มว่า "ผมจะรีบไปครับ"
เขาตัดสายไป ไม่พูดไม่จา ก่อนจะเรียกตู้เยี่ย แล้วตรงดิ่งไปยังโรงพยาบาลจิงหวาทันที
ตั้งแต่ที่เย่หว่านเอ๋อป่วยจนต้องนอนโรงพยาบาล สภาพจิตใจของเธอไม่ค่อยจะคงที่หนัก ทำให้คนอื่นไม่สามารถคาดเดาได้ ทุกๆช่วงเวลาแบบนี้ เขาจำเป็นที่จะต้องอยู่เป็นเพื่อนข้างกายเธอ สถานการณ์จึงค่อยดีขึ้นมาหน่อย
เมื่อไปถึงห้องพักผู้ป่วย เย่หว่านเอ๋อกำลังนั่งอยู่บนเตียง แขนทั้งสองข้างโอบกอดเข้าที่หัวเข่า นั่งนิ่งค้างอยู่บนเตียง ใบหน้าซีดเผือก
เมื่อสบมองท่าทางของหญิงสาวแล้ว หัวใจของอวี้อี่มั่วบีบรัดแน่นไปหมด ก่อนจะรีบสาวเท้าเข้าไปใกล้ "หว่านเอ๋อ"
เย่ห่านเอ๋อหันศีรษะกลับมา เมื่อเห็นอวี้อี่มั่วแล้ว นัยน์ตาก่อเกิดหยาดน้ำใสๆขึ้น เธอเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงติดน้อยอกน้อยใจเล็กน้อยขึ้นว่า "พี่มั่ว"
เมื่อสบมองท่าทางน่าสงสารของหญิงสาวแล้ว หัวใจของอวี้อี่มั่วราวกับถูกของอะไรบางอย่างโจมตีเข้าใส่ก็ไม่ปาน ความรู้สึกอึดอัดกลับกดทับลงมา
เขายังคงจำได้ในช่วงเวลาที่ชีวิตของเขามืดมนที่สุด คนที่คอยอยู่ข้างกายเขานั้นก็คือเย่หว่านเอ๋อ หากไม่ใช่เพราะความอบอุ่นอ่อนโยนของเธอ ก็เกรงว่าเขาคงไม่สามารถที่จะเดินออกมาคนเดียวได้
เขาสาวเท้าก้าวเข้าไป โอบกอดเธอเอาไว้อย่างแผ่วเบา นัยน์ตาคู่นั้นสั่นไว้อย่างอดไม่ได้ "หื้ม? ทำไมไม่ทานข้าวล่ะครับ?"
"พี่มั่วคะ พี่ไม่ต้องการฉันแล้วหรือคะ?"
เย่หว่านเอ๋อพูดไป กางแขนออกกว้างก่อนจะสวมก่อนอวี้อี่มั่ว ก้มหน้าลงไปชั่วขณะหนึ่ง นัยน์ตาฉายประกายเย็นชาออกมา
วันนี้ตอนเช้า ลูกน้องที่เธอจัดเตรียมเอาไว้โทรศัพท์เข้ามาหา บอกว่าเห็นอวี้อี่มั่วออกมาจากคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ผ่านไปไม่นานนัก หร่วนซือซือก็ออกมาจากที่นั่นเหมือนกัน!
ถ้าจะให้พูดไปแล้ว เมื่อคืนวานพี่มั่วของเธออยู่กับยายผู้หญิงคนนั้น!
เมื่อตอนที่ได้รับรู้ข้อความนั่น ร่างทั้งร่างของเย่หว่านเอ๋อโกรธจนสั่นไปหมด ทว่ากลับไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้ ใครใช้ให้เธอป่วยโรคนี้กันล่ะ เมื่อป่วยทีก็เล่นปาเข้าไปตั้งนานแบบนี้!
แต่ทว่า เธอป่วยก็ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงคนอื่นจะสามารถถือเอาจังหวะนี้แล้วฉวยโอกาสเข้ามาได้ ครั้งที่แล้วเมื่อเห็นหร่วนซือซือที่ห้องทำงาน สัมผัสที่หกของผู้หญิงมันบอกเธอเอาไว้ เธอเป็นผู้หญิงที่ต้องระวังเอาไว้ก่อน! สุดท้าย เธอกลับกลายเป็นมารหัวใจของเธอเข้าแล้วจริงๆ เป็นคู่ปรับของเธอ!
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้ว ก่อนจะยกมือขึ้นตบปุๆเบาๆเข้าทีแผ่นหลังของเธอ "หว่านเอ๋อครับ อย่าคิดอะไรมากนักสิ"
เย่หว่านเอ๋อซบหน้าเข้ากับอกเขาพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น "พี่มั่วคะ ฉันรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า! เป็นเพราะว่าโรคนี้ที่ทำให้ไม่สามารถอยู่ข้างๆพี่ได้ ตอนนี้ทำการผ่าตัดแล้วก็ยังคงต้องอยู่โรงพยาบาล ฉันทุกข์ทรมานเหลือเกินค่ะ……"
อวี้อี่มั่วก้มศีรษะลง สบมองหญิงสาวในอ้อมแขน จิตใจก็เริ่มเศร้าหมองไปตามกัน
"หว่านเอ๋อครับ อดทนอีกสักวันสองวัน เธอก็จะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วนะ"
เพื่อที่จะเช็กความปลอดภัยของเธอ Peter กำชับมาเป็นพิเศษแล้วว่าหลังจากที่การผ่าตัดเสร็จสิ้นแล้วยังคงต้องพักที่โรงพยาบาลเพื่อเฝ้าดูอาการสักวันสองวัน ดังนั้นเขาจึงไม่รีบร้อนให้เธอต้องออกจากโรงพยาบาลอย่างไรล่ะ
เย่หว่านเอ๋อสะอึกสะอื้นไม่เป็นเสียง เอ่ยต่อด้วยความไม่สบายใจว่า "แต่ว่าฉันรู้สึกว่าใจของพี่ตอนนี้กลับไม่ได้อยู่ที่ฉันแล้วล่ะค่ะ พี่มั่วคะ พี่ชอบผู้หญิงคนอื่นไปแล้วหรือเปล่าคะ?"