เมื่อหร่วนซือซือได้ยินดังนั้นแล้ว ดวงตาตั้งสองข้างเบิกกว้าง สบมองเขาด้วยท่าทีพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
เขาไม่ได้วางแผนที่จะกลับไป หรือว่าคิดที่จะพักอยู่ในที่ของเธอ จะอยู่ฟรีกินฟรีหรือไง?
เมื่อหวนนึกถึงเรื่องที่เขาเคยมาพักค้างแรมที่นี่เมื่อครั้งที่แล้ว ใบหน้าของหร่วนซือซือแดงก่ำ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีงุ่นง่านเล็กน้อยว่า "ฉัน…ที่นี่ไม่มีพื้นที่เหลือแล้วค่ะ ยังไงคุณก็กลับไปเถอะค่ะ"
เมื่อสบมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นของเธอ อวี้อี่มั่วก็อ่านเธอออกได้แทบทั้งหมด
มุมปากของเขากระตุกยิ้มขึ้นเบาๆ ก่อนจะถามกลับไปว่า "กลัวขึ้นมาแล้วงั้นสิ?"
คิดจะยื้อเวลาอีกนานแค่ไหน กลัวว่าเขาจะทำอะไรเธอขึ้นมาหรือไงกัน?
"ฉันมีอะไรจะต้องกลัวที่ไหนกันล่ะค่ะ?" หร่วนซือซือสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะแสร้งทำเป็นไม่สะทกสะท้าน "มีห้องนอนแค่ห้องเดียว ไม่มีที่เหลือแล้วค่ะ"
อวี้อี่มั่วสาวเท้าก้าวเดินเข้าหาครึ่งก้าว ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นทีละคำทีละประโยคว่า "ทำไมถึงไม่มีที่เหลือแล้วล่ะ?"
ครั้งที่แล้วเขาก็มีที่นอนนี่ ทำไมครั้งนี้ถึงไม่มีที่เสียแล้วล่ะ?
หร่วนซือซือก้าวถอยหลังด้วยท่าทางหวาดหวั่นหนึ่งก้าว ดึงระยะห่างของทั้งสองคนให้ห่างออกจากกัน สบมองไปที่เขาอย่างระแวดระวัง
"ก็มีแค่เตียงหลังเดียว หากคุณอยากที่จะอยู่ต่อจริงๆ ก็นอนที่โซฟา"
หร่วนซือซือพูดไป ก่อนจะพยักหน้าไปที่โซฟาไปพลาง
เธอยังคงไม่เชื่อว่าเขาจะอยู่ต่อ แล้วยอมนอนที่โซฟาแน่ๆ
เมื่อเห็นท่าทางไม่แยแสของหญิงสาวดังแล้ว ท่าทางเด็ดเดี่ยวต่อต้านนั่น นัยน์ตาของอวี้อี่มั่วก็ติดประกายเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวออกมาบางเบา
ยายคนนี้นี่นะ ถึงแม้ว่าจะไม่เข้าใจเจตนาดีของเขาเลยแม้แต่น้อย รู้ว่าเธอได้รับบาดเจ็บ ทำอะไรไม่สะดวก เขาอุตส่าห์ยินยอมที่จะอยู่ต่อเองโดยอัตโนมัติ แต่ใครจะรู้ล่ะว่าเธอกลับมีท่าทางต่อต้านเขาตลอดแบบนี้
เขาช้อนสายตาขึ้น ก่อนจะเอ่ยเสียงราบเรียบขึ้นว่า "จะให้ฉันนอนโซฟาจริงๆงั้นหรือ?"
หร่วนซือซือแทบไม่คิดอะไรให้มากความ ก่อนจะรีบพยักหน้าหงึกหงักทันที "อื้อ"
สบมองท่าทีดึงดันของเธอแล้ว อวี้อี่มั่วแทบจะยกยิ้มที่มุมปากขึ้นมาทันที แต่ทว่าใบหน้ายังคงเรียบเฉย ไม่มีท่าทีแสดงอะไรออกมาเลย
เขาพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะสบมองไปที่โซฟาหนึ่งครั้ง แล้วเอ่ยเสียงเบาว่า "ได้สิ ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะนอนที่โซฟา"
พูดไป เขาก็เดินไปที่ด้านข้างของโซฟาไปพลาง ก้มตัวลงไปกดปุ่มบางอย่างที่มองไม่เห็น ก่อนจะเกิดเสียงขึ้นดัง "ปัง" โซฟาอีกชั้นหนึ่งยื่นออกมา เขายื่นมือไปดึงออก เผยให้เห็นชิ้นส่วน ที่แท้กลับกลายเป็นเตียงนอนสำหรับหนึ่งคนนอนไปแล้ว
หร่วนซือซือที่ยืนอยู่ด้านข้าง เรื่องแรกคือคิดไม่ถึงว่าเขาจะยอมนอนโซฟา ก่อนจะโดนการกระทำนั้นของเขาทำให้ตกตะลึง
"คุณ…คุณ!"
เธอเช่าห้องนี้อยู่นะ เธอยังไม่รู้เลยว่าโซฟาหลังนี้มีกลไกลึกลับอะไรซ่อนอยู่ด้วย สามารถแปรเปลี่ยนเป็นเตียงหนึ่งคนนอนได้ แต่ทว่าอวี้อี่มั่วกลับรู้!
อวี้อี่มั่วหยักคิ้วลิ่วตา แต่ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
ตอนแรกเป็นเพราะว่างานที่ยุ่งมากๆ มีบางครั้งที่ไม่สะดวกจะกลับคฤหาสน์ เขาจึงซื้อคอนโดมิเนียมเล็กๆใกล้ๆกับบริษัทนี่แหละ เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ทั้งหมดในนี้เขาเป็นคนไปเลือกซื้อเองกับมือ ยังไงๆก็ต้องรู้อยู่แล้ว
หร่วนซือซือยังไม่หลุดออกจากภวังค์ที่ตกตะลึง "อวี้อี่มั่ว คุณรู้ได้อย่างไรคะว่าโซฟานี้มันสามารถเปลี่ยนเป็นเตียงนอนได้? ขนาดฉันยังไม่รู้เลยนะ…"
สีหน้าของอวี้อี่มั่วยังคงเรียบนิ่งดังเดิม ก่อนจะตอบกลับไปแบบสบายๆว่า "เป็นเพราะว่าเธอไม่เคยใส่ใจสิ่งรอบตัวต่างหากล่ะ"
ประโยคง่ายๆนั่น ทำให้ใบหน้าของหร่วนซือซือขึ้นสีขึ้นมาทันที
เขาพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไรกันนะ กำลังจะบอกว่าเธอสะเพร่าอย่างนั้นหรือ?
ฟันถูกขบกันจนแน่น หร่วนซือซือมีโทสะขึ้นมานิดหน่อย สบมองท่าทางที่เป็นธรรมชาติของอวี้อี่มั่วที่หยิบหมอนอิงขึ้นมาเป็นหมอนหนุนแทน โกรธจนพูดอะไรไม่ออก
เธอคิดไม่ถึงจริงๆ เพื่อที่จะได้อยู่ที่นี่ต่อ อวี้อี่มั่วถึงกับขั้นยอมนอนโซฟา
ตอนนี้หากเธอจะฝืนไล่ต่อไป ก็เกรงว่าจะไล่อย่างไรเขาก็ไม่ไปไหนเสียแล้วล่ะ
"เอาเถอะค่ะ ถ้าคุณยอมที่จะนอนแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ตอนที่นี่ไปเถอะค่ะ"
หร่วนซือซืออับจนหนทางจริงๆแล้ว ทำได้เพียงแค่ทิ้งท้ายประโยคเอาไว้ ก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินกลับห้องนอนไป
เธอปิดประตูลงกลอน หลังจากที่ขึ้นไปเอนหลังนอนลงบนเตียงแล้ว กลับพลิกไปพลิกมานอนไม่หลับเสียที
ความรู้สึกที่ได้นอนคนเดียวอีกด้านหนึ่ง มันรู้สึกแปลกไปจริงๆ อีกทั้งคนคนนั้นยังเป็นอวี้อี่มั่วอีก
พลิกไปพลิกมาอยู่หลายสิบนาที จู่ๆหร่วนซือซือกลับหวนนึกถึงอวี้อี่มั่วที่นอนอยู่บนโซฟาคนเดียวขึ้นมาได้ ก็มีหมอนอิงแทนหมอนแล้ว แต่ทว่าเขายังขาดผ้าห่มนี่
ในฤดูนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่หนาว แต่ทว่าในตอนกลางคืนหากไม่นอนห่มผ้าก็มีสิทธิที่จะหนาวได้ง่ายๆ
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้แล้ว หร่วนซือซือยื่นมือขึ้น เคาะไปที่ศีรษะของตนเองหนึ่งครั้ง รู้สึกโมโหขึ้นมาเล็กน้อย
เรื่องของเขา มันเกี่ยวข้องอะไรกับเธอล่ะ?
หร่วนซือซือดึงผ้าห่มขึ้นมาห่ม ก่อนจะหมุนกลับไป สะกดให้ตัวเองเข้านอนโดยเร็ว แต่ทว่าในสมองยังคงคิดถึงแต่เรื่องนี้อยู่
ผ่านไปสักพักใหญ่ เธอยังคงนอนไม่หลับ ในท้ายที่สุดแล้ว เธอลุกขึ้นนั่งพลางกัดฟันแน่น ลุกขึ้นจากเตียงนอน เปิดประตูตู้ก่อนจะหยิบผ้าห่มออกมา แล้วเดินออกไป
บนโซฟา อวี้อี่มั่วยังไม่หลับ เมื่อได้ยินเสียง เขาหันศีรษะไปสบมองเธอ
ในอ้อมกอดของหญิงสาวมีผ้าห่มอยู่หนึ่งผืน ดูท่าแล้วคลับคล้ายคลับคลาเหมือนจะไม่ค่อยยินยอมมากนัก เดินเข้ามาไม่พูดไม่จาสักคำ วางผ้าห่มไว้ที่ด้านข้าง แล้วหมุนตัวจะเดินจากไป
เมื่อสบมองแผ่นหลังดื้อรั้นของหญิงสาวแล้ว มุมปากของอวี่อี่มั่วกระตุกยิ้มขึ้นเบาๆ ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มกาย
เมื่อส่งผ้าห่มให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงกลับมายังห้องนอนอีกครั้ง เรื่องราวเดิมทีที่ติดต้างอยู่ในใจของหร่วนซือซือเริ่มค่อยๆคลายลงบ้างแล้ว ในช่วงเวลาที่ไม่รู้ตัวนั้นเอง เธอก็หลับไปแล้ว คืนนั้นนอนหลับไปอย่างปลอดภัยไร้กังวล
ช่วงเช้าของวันที่สอง เธอถูกระบบสั่นของโทรศัพท์มือถือปลุกให้ตื่นขึ้น เธอกดรับด้วยท่าทางสะลึมสะลือ ในวินาทีต่อมา ก็ได้ยินเสียงเรียกจากซ่งอวิ้นอันดังแหลมเข้าที่ใบหู
"ซือซือ รีบไปดูข่าวเร็วเข้า! ครั้งที่แล้วที่ฉันไปบริษัทเป็นเพื่อนเธอ เจอกับยายเฉิงลู่นั่น ข่าวลือถูกเปิดเผยแล้วนะ! เรื่องเกิดคืนเมื่อคืนวานในงานเลี้ยงวันเกิดของท่านผู้นำตระกูลไป๋ เธอรู้หรือยัง!"
หร่วนซือซือยังไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับไป ก็ถูกข่าวใหญ่เข้ามาเล่นงานทันที เธอนวดกระบอกตาไปมา ก่อนที่จะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้งเล็กน้อยกลับไปว่า "อันอัน เธอให้ฉันได้นอนดีๆหน่อยจะได้ไหมเนี่ย?"
"เธอยังมีกระจิตกระใจที่จะนอนอยู่อีกหรือ? ฉันรับประกันได้ว่าถ้าเธอได้เห็นข่าวแล้ว ต้องนอนไม่หลับแน่!"
เมื่อได้ฟังน้ำเสียงโอ้อวดจากปลายสายฝั่งนั้นอย่างซ่งอวิ้นอันแล้ว หร่วนซือซือเบิกตากว้าง ก่อนจะรีบตอบกลับไป กดเปิดเข้าไปในข่าวที่เธอส่งมาให้ดูทันที
แค่ได้อ่านพาดหัวข่าว หร่วนซือซือแทบจะตื่นขึ้นเต็มตา ที่แท้ก็เป็นเรื่องราวเมื่อคืนวานของสวี่เฟิงหมิงกับเฉิงลู่ เธอกุลีกุจอลุกขึ้นนั่ง กดเปิดข่าว แล้วอ่านอย่างรวดเร็ว
เมื่อสายตาสบไปเห็นคำว่า "ชู้" "มือที่สาม" พวกนั้น ภายในใจของหร่วนซือซือก็รู้เนื้อหาสาระของข่าวได้คราวๆแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เธอตกตะลึงจริงๆนั้นคือภาพถ่ายประกอบต่างหาก
ในภาพถ่ายนั่น เป็นภาพถ่ายของเฉิงลู่กับสวี่เฟิงหมิงที่เปลือยเปล่าทั้งตัว ช่วงดวงตากับส่วนสำคัญถูกติดเซ็นเซอร์ไว้ทั้งหมด แต่ก็ยังคงสามารถที่จะเดาออกได้ว่าทั้งสองคนคือใคร
ตามที่พวกเขาวางแผนเอาไว้ เธอผลักเฉิงลู่เข้าไปในห้อง ก็เพียงเพราะว่าปรารถนาที่จะให้คุณเฉินอวี้เข้าใจพวกเขาผิด ที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงเลยนั่นก็คือ ท้ายที่สุดแล้วเฉิงลู่กับสวี่เฟิงหมิงกลับมีความสัมพันธ์ขึ้นจริงๆ
"ซือซือ ว่าไง? ตื่นขึ้นมาได้แล้วหรือไงจ๊ะ?"
เสียงจากโทรศัพท์ฝั่งของซ่งอวิ้นอันดังขึ้นมา หร่วนซือซือจึงหลุดออกจากภวังค์ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเบากลับไปว่า "จริงๆ……"
"ให้ฉันว่านะ สมน้ำหน้ายายผู้หญิงคนนั้น ครั้งที่แล้วยายนั่นรังแกเธอนี่ ครั้งนี้ถือเป็นการเอาคืน!"
เมื่อได้ยินซ่งอวิ้นอันพูดเป็นต่อยหอย หร่วนซือซือกลับไม่มีกระจิตกระใจเลย เธอตอบกลับไปไม่กี่ประโยคว่า "อันอัน ฉันทางนี่มีเรื่องนิดหน่อยน่ะ ขอไม่คุยกับเธอก่อนแล้วกันนะจ๊ะ"
เมื่อพูดจบ เธอก็ตัดสายไป ก่อนจะเดินตรงออกไปจากห้องนอน
อวี้อี่มั่วตื่นขึ้นมาแล้ว บนโต๊ะมีอาหารเช้าง่ายๆอยู่สองสามอย่าง เขานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารทางด้านข้าง ก่อนจะสไลด์มือบนแท็บเล็ตไปมา คล้ายกับว่ากำลังอ่านเอกสารอยู่
หร่วนซือซือสูดอาการเข้าลึกๆหนึ่งครั้ง ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปถามว่า "คุณเห็นข่าวพวกนั้นหรือยังคะ?"
เมื่อได้ยินดังนั้น อวี้อี่มั่วเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาเรียบเฉยสบมองไปที่เธอหนึ่งครั้ง ก่อนจะส่งเสียงอืมกลับมา เป็นอันว่าตอบคำถามเธอกลับไปแล้ว
"รูปภาพในข่าวพวกนั้น เป็นรูปตัดต่อหรือเปล่าคะ?"
เธอรู้ เรื่องนี้ที่สามารถขึ้นพาดหัวข่าวได้ อวี้อี่มั่วคงมีส่วนเอี่ยวร่วมอย่างลับๆกับเรื่องนี้ไม่มากก็น้อยแน่
ท่าทีสไลด์แท็บเล็ตของอวี้อี่มั่วพลันหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง เขาช้อนสายตาขึ้นสบมองเธอ นัยน์ตาทั้งสองติดประกายหงุดหงิดเล็กๆ "เธอคิดว่าฉันเป็นคนแบบนั้นหรือไง?"
เรื่องแบบนี้ เขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกุเรื่องขึ้น
คำพูดที่อยากจะพูดของหร่วนซือซือกลับถูกกลืนกลับลงไป "แต่ว่า……"
สวี่เฟิงหมิงกับเฉิงลู่มีความสัมพันธ์กันเกิดขึ้นได้อย่างไรกันนะ?
MANGA DISCUSSION