ดั่งรักบันดาล - ตอนที่ 142
ใครจะรู้ล่ะว่าเมื่อเดินมาถึงหน้าประตูลิฟต์แล้ว ตู้เยี่ยก็ขึ้นมาจากชั้นล่างอย่างรวดเร็ว ประจวบเหมาะพบเจอกับพวกเขาพอดี
เมื่อสบมองสภาพสะบักสะบอมของหร่วนซือซือที่อยู่ในอ้อมแขนของอวี้อี่มั่วแล้ว ตู้เยี่ยชะงักนิ่งไป ก่อนจะรู้สึกตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว แล้วรีบกุลีกุจอบอกกล่าวกับอวี้อี่มั่วทันทีว่า "ท่านประธานอวี้ครับ ในเวลาแบบนี้ควรจะหาห้องสักห้องเพื่อจัดการก่อนเถอะครับ!"
อวี้อี่มั้วได้ยินดังนั้น คิ้วเข้มขมวดติดกันแน่น เข้าใจความหมายที่แฝงเข้ามาในประโยคของเขา
ในเวลานี้หากเขาอุ้มหร่วนซือซือออกไป คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องผ่านไปทางชั้นสอง ในเวลานั้นเองเขาไม่เพียงแต่ไม่มีทางเลือกที่จะต้องเข้าไปสนทนากับท่านผู้นำของตระกูลไป๋ อีกทั้งยังต้องให้คนอื่นได้เห็นหร่วนซือซือที่อยู่ในสภาพเสื้อเชิ้ตไม่เรียบร้อย เห็นใบหน้าปูดบวม คงต้องเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนอื่นได้ไม่น้อยแน่ๆ
ชะงักนิ่งไปสองวินาที อวี้อี่มั่วพยักหน้าขึ้นลงเบาๆ "คีย์การ์ดอยู่ที่คุณหรือเปล่า?"
ท่านผู้นำตระกูลไป๋จัดเตรียมห้องพักไว้สำหรับแขกคนสำคัญที่มา ก่อนหน้านี้คีย์การ์ดถูกส่งให้กับทุกคนเรียบร้อยแล้ว
ตู้เยี่ยพยักหน้าหงึกหงัก "ใช่ครับ ห้องหมายเลข 306 ครับ"
อวี้อี่มั่วได้ยินดังนั้น ไม่พูดพร่ำทำเพลง อุ้มหร่วนซือซือก่อนจะรีบปรับเปลี่ยนทิศทางกลับไป
เมื่อเข้ามาในตัวห้องแล้ว เขาพาหร่วนซือซือมาวางไว้บนเตียง สบมองไปรอบห้องหนึ่งครั้ง ไม่เห็นกล่องปฐมพยาบาลอะไรเลยสักกล่อง เหลือบไปมองตู้เยี่ยที่ยืนอยู่ด้านข้างหนึ่งครั้ง ก่อนจะออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกว่า "ไปหากล่องปฐมพยาบาลมา เร็วเข้า!"
ตู้เยี่ยเมื่อได้ยินดังนั้น รีบพยักหน้าตอบรับคำสั่ง ก่อนจะหมุนตัวแล้วออกจากห้องไป
อวี้อี่มั่วเดินไปที่หัวเตียง สบมองหญิงสาวที่นอนขดจนตัวเล็กอยู่บนเตียง หัวใจราวกลับว่าถูกของแหลมทิ่งแทงก็ไม่ปาน มันแสบร้อนไปหมด
เขาหมุนตัว ก่อนจะกลับออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนูสะอาด ชุบน้ำจนเปียกชื้นเล็กน้อย ก่อนจะเช็ดเข้าไปที่ใบหน้าที่เปรอะเปื้อนรอยฝุ่นอย่างแผ่วเบา
ความเปียกชื้นของผ้าขนหนูสัมผัสเข้าที่ผิวหนัง หร่วนซือซือจึงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเล็กน้อยในทันที เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆหนึ่งครั้ง ลืมตาขึ้นสบมองชายหนุ่มที่นั่งดูแลอยู่ข้างเตียง จิตใจสับสนวุ่นวาย
เธอขยับตัวไปมาเล็กน้อย ยื่นมืออกไปรับผ้าขนหนูเปียกชื้นในมือเขา ก่อนจะเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งขึ้นว่า "ฉันทำเอง……"
อวี้อี่มั่วยื่นมือออกไป จับเข้าที่ข้อมือของเธอเอาไว้เบาๆ น้ำเสียงหนักแน่นน่าเกรงขามเอ่ยขึ้นมาว่า "อย่าขยับแล้วนอนลงไปซะ"
หร่วนซือซือไม่อาจปฏิเสธได้ ก่อนจะค่อยๆเก็บมือกลับไป ยอมให้เขาช่วยเช็ดใบหน้าของตนเองแต่โดยดี
ผ่านไปไม่นานนัก ประตูห้องถูกเปิดออก เป็นตู้เยี่ยที่เดินถือกระเป๋าปฐมพยาบาลเข้ามา "ท่านประธานอวี้ครับ หามาได้แต่อันนี้ครับ"
อวี้อี่มั่วสบมองครั้งหนึ่ง ไม่พูดอะไรให้มากความก่อนจะรับไปถือ "พอแล้วล่ะ"
พูดไป เขาก็เปิดประเป๋าปฐมพยาบาลไปพลาง หยิบยาน้ำและสำลีออกมาจากด้านใน ต้องเช็ดบาดแผลเพื่อฆ่าเชื้อให้กับร่างกายด้านบนของหร่วนซือซือ ทันใดนั้นเอง ก็หันกลับไปสบมองตู้เยี่ยที่อยู่ทางด้านหลัง
นัยน์ตาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยประกายเย็นยะเยือก ตู้เยี่ยเข้าใจได้ในเวลาต่อมา ก่อนจะรีบเปิดปากเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านประธานครับ ผมจะไปที่ด้านนอกประตู มีอะไรก็เรียกใช้ผมได้ครับ"
พูดจบ เขาก็รีบหมุนตัวแล้วเดินจากไปจากห้องทันที
เมื่อได้ยินเสียงประตูปิดลง อวี้อี่มั่วจึงเริ่มลงมือต่อ เขาสบมองเสื้อเชิ้ตด้านบนของหร่วนซือซือที่ถูกดึงจนฉีกขาด ขมเม้มริมฝีปากไปมา ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำขึ้นว่า "ถอดเสื้อออกสิ ฉันจะดูให้"
หร่วนซือซือเดิมทีอารมณ์ขมุกขมัว เมื่อใบหูได้ยินประโยคนั้นเข้า ทันใดนั้นเองกลับตกใจตื่นทันที เบิกตากว้างอย่างประหลาดใจแล้วสบมองไปทางอวี้อี่มั่ว
สบมองใบหน้าเคร่งขรึมของชายหนุ่ม ไม่มีความหมายแฝงอะไรอื่นนอกเหนือจากนั้น หร่วนซือซือกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาว่า "ฉันทำแผลเองได้ค่ะ……"
ตอนนี้เธอไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับอวี้อี่มั่วแล้ว จะสามารถทำอะไรแบบนี้ได้อย่างไรกัน?
เมื่อจับสังเกตเห็นถึงใบหน้าที่ไม่เป็นธรรมชาติของหญิงสาว อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วแน่น "เธอคิดว่าฉันจะทำอะไรเธอหรือไงกัน? แผลที่อยู่ด้านหลังจัดการเองได้หรือไง?"
สองประโยคนั้นของหร่วนซือซือไม่มีความหมายไปในทันที เธอกัดริมฝีปากแน่น สุดท้ายแล้วก็ค่อยๆปลดกระดุมตรงช่วงกลางลำตัวออกอย่างช้าๆ
ทางด้านอวี้อี่มั่วที่พึ่งจะนำก้านสำลีออกมา เมื่อช้อนสายตาขึ้น ก็เห็นแผ่นหลังขาวนวลของหญิงสาว ที่ไหล่ทางด้านหลังมีรอยแผลถลอกอยู่จำนวนหนึ่ง ดูท่าแล้วคงจะเจ็บน่าดู
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้ว หยิบก้านสำลีที่ทายาน้ำจนชุ่มแล้วขึ้นมาทาฆ่าเชื้อบนบาดแผลเบาๆอย่างช้าๆ
ก้านสำลีพึ่งจะสัมผัสกับบาดแผลของหร่วนซือซือ ร่างทั้งร่างของเธอก็สั่นสะท้าน แผ่นหลังหดเกร็ง หัวไหล่ค่อยๆขดตัวเข้าหากันทันที
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ลำคอของอวี้อี่มั่วรู้สึกตีบตันเล็กน้อย รู้สึกทรมานขึ้นมาเล็กน้อย เส้นบนแผ่นหลังที่ทอดยาวของเธอ ยาวพาดผ่านลงไปทางด้านล่าง ค่อยๆเปลี่ยนเป็นเส้นเล็กๆ ค่อยๆยาวลาดผ่านลงมาอย่างสวยงาม เมื่อได้เห็นวิสัยทัศน์ที่โจมตีเข้ามากระทันหันแบบนี้แล้ว ก็ทำให้เขามีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นในทันที
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ความสามารถในการควบคุมตนเองของเขาถึงได้แย่ลงมากถึงขนาดนี้นะ?
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วแน่น เบนสายตา เคลื่อนไหวมือไม้อย่างตั้งอกตั้งใจ ปิดบาดแผลทุกที่บนร่างของเธอเป็นอย่างดี
เมื่อทั้งหมดเสร็จสิ้นลงแล้ว เขาดึงผ้าห่มผืนบางที่อยู่ทางด้านข้าง มาห่มไว้บนร่างเธออย่างแผ่วเบา
"เธอพักผ่อนไปนะ เดี๋ยวฉันจะกลับมาหา……"
เขาพูดขึ้น พลางจะสาวเท้าก้าวเดินออกไป แต่ทว่ายังไม่ทันที่จะได้พูดจบ หญิงสาวบนเตียงกลับยื่นมือออกมาทันที ดึงเข้าที่ปลายเสื้อของเขาเอาไว้ "ไม่…ไม่ไปก่อนได้ไหมคะ?"
มันคือการกระทำโดยอัตโนมัติ หร่วนซือซือเองก็ตกใจเหมือนกัน เธอเแค่รู้สึกกระวนกระวายใจในนิดหน่อย เมื่อหวนนึกถึงเรื่องราวที่พึ่งเกิดขึ้นที่ทางเดินเมื่อครู่นี้ รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย
เมื่อสบมองสีหน้าระแวดระวังของหญิงสาว ภายในใจของอวี้อี่มั่วบีบรัดกันแน่น เขาหยุดฝีเท้าลงในทันที น้ำเสียงอ่อนโยนขึ้นหลายระดับ "ได้ ฉันจะไม่ไปไหนก่อนก็แล้วกัน"
เดิมที เขาหาข้ออ้างเพื่อจะจากไป แค่อยากหาโอกาสทำให้จิตใจให้สงบเย็นลงเท่านั้น แต่ทว่าตอนนี้ เขาไปไหนไม่ได้เสียแล้วล่ะ
ทันใดนั้นเอง มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงเรียกของตู้เยี่ย "ท่านประธานอวี้ครับ"
"เข้ามา"
ตู้เยี่ยเปิดประตูออก ก่อนจะรีบเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว สีหน้าเคร่งเครียด "ท่านประธานครับ เมื่อครู่นี้คุณเฉินอวี้นำคนมา ท่าทางขึงขังไปจับชู้ที่ห้องหมายเลข 318 ครับ นักข่าวก็มากันด้วย"
อวี้อี่มั่วมีสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะกำชับว่า "คุณคอยตามดูต่อไป อนุญาตให้ทางฝั่งนั้นเริ่มได้เลย"
เมื่อตู้เยี่ยได้ยินดังนั้น ก็รีบตกปากรับคำสั่งทันที "ครับ"
หร่วนซือซือได้ยินดังนั้นแล้ว ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ หลังสบมองตู้เยี่ยที่จากไปแล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นว่า "แผนการสำเร็จแล้ว ใช่ไหมคะ?"
อวี้อี่มั่วหันศีรษะกลับมา สบมองเธอก่อนจะเอ่ยเสียงทุ้มต่ำขึ้นว่า "อืม สำเร็จแล้ว"
เรื่องครั้งนี้ หากไม่ใช่เพราะหร่วนซือซือแล้วล่ะก็ เดิมทีก็ไม่อาจที่จะสำเร็จได้หรอก
หร่วนซือซือกำปลายเสื้อที่อยู่ในมือแน่นขึ้น อดไม่ได้ที่จะถามคำถามที่ค้างคาอยู่ในใจออกไปว่า "ฉันอยากรู้ว่า ทำไมคุณต้องจัดการกับสวี่เฟิงหมิงด้วยคะ?"
อวี้อี่มั่วไม่เคยอธิบายให้เธอฟังมาก่อน ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าเป็นเพราะอำนาจของสวี่เฟิงหมิงกระทบถึงผลประโยชน์ในบริษัทของเขา แต่ดูจากท่าทีที่อวี้อี่มั่วดำเนินการโต้ตอบกลับไปแต่ละอย่างแล้ว เธอคิดว่าเรื่องราวทั้งหมดคงจะไม่ง่ายดายขนาดนั้น
อวี้อี่มั่วช้อนสายตาขึ้น สบมองไปนอกหน้าต่าง น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาว่า "เพราะว่ามือเขาสกปรกน่ะ"
สวี่เฟิงหมิงถูกโยกย้ายไปสาขาเล็กเมื่อหลายปีก่อน ดูท่าแล้วคล้ายกับจะวางมือ แต่จริงๆแล้วกลับมีอำนาจที่แท้จริงอยู่ในมือ บวกกับการหนุนหลังจากตระกูลเฉินของภรรยาของเขาแล้ว เขากลับยิ่งมีอำนาจมากขึ้น ไม่มีใครเทียบเทียมได้
ไม่กี่ปีมานี้ เดิมทีบัญชีของบริษัทสาขาย่อยก็ไม่ได้โปร่งใสอยู่แล้ว ที่สำคัญมากไปกว่านั้นคือ เขาเดิมทีไม่รู้จักพอ ทำเรื่องราวทุจริตลับหลังอวี้กรุ๊ปมากมาย ตอนนี้กลับจะมาโจมตีอวี้กรุ๊ป เขาจะสามารถปล่อยผ่านเขาไปได้อย่างไร?
ถึงแม้อวี้อี่มั่วจะไม่พูดอะไรให้มากความนัก แต่ทว่าหร่วนซือซือกลับรู้สึกได้ถึงความเยือกเย็นที่ห้อมล้อมไปทั่วร่างของชายหนุ่ม เธอสูดหายใจเข้าลึกๆหนึ่งครั้ง ภายในใจก็สามารถที่จะเดาออกได้โดยประมาณแล้ว
ครั้งนี้ ในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของท่านผู้นำแห่งตระกูลไป๋ สวี่เฟิงหมิงมีความสัมพันธ์บางอย่างที่ไม่ชัดเจนกับผู้หญิงคนอื่น โดนคุณเฉินอวี้จับได้ เรื่องแบบนี้คงต้องแพร่กระจายออกไปอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าคุณเฉินอวี้ที่มีความเย่อหยิ่งทรนงอยู่ไม่น้อย คงไม่ยอมอดทนอยู่เฉยต่อไปแน่ๆ มีโอกาสสูงมากที่จะหย่าขาดกับสวี่เฟิงหมิง เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ไม่มีตระกูลเฉินคอยหนุนหลัง สวี่เฟิงหมิงก็คงจะไม่มีท่าทีราวกับกระดี่ได้น้ำแบบเมื่อก่อนอีกแน่
อวี้อี่มั่วพึ่งจะหลุดจากภวังค์ หันศีรษะไปสบมองกับหญิงสาวที่อยู่บนเตียง น้ำเสียงอ่อนลงขึ้นมาก "ไม่ว่าครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่ วิธีการแบบนี้มันอันตรายและมีความเสี่ยงมากเกินไปแล้วนะ"
ไม่ยอมให้มีครั้งต่อไปแล้วแน่ๆ
หร่วนซือซือขยับตัวอย่างยากลำบาก จึงทำให้กระทบกระเทือนกับบาดแผลที่อยู่บนร่าง เจ็บจนต้องขมวดคิ้วแน่น "ถึงแม้จะอันตราย แต่สุดท้ายแล้วก็สำเร็จแล้วนี่คะ ฉันไม่เสียใจหรอกค่ะ"
นัยน์ตาของอวี้อี่มั่ววูบไหวไปมา เธอไม่เสียใจ แต่ว่าเขากลับรู้สึกผิด