ดั่งรักบันดาล - ตอนที่ 141
ทันใดนั้นเองกลับฟาดลงมาอย่างแรง ใบหน้าของเฉิงลู่เจ็บระบมจนใบหน้าบิดเบี้ยวไปหมด
เธอมีท่าทีเยือกเย็นขึ้น สบมองไปทางหร่วนซือซือที่อยู่ข้างกาย โกรธจนกำหมัดแน่น ยกเท้าขึ้นมาก่อนจะถีบเข้าไปที่ท้องของเธอเต็มแรงอย่างไม่ปราณี
เธอที่สวมใส่รองเท้าส้นสูงอยู่ ปลายแหลมของรองเท้าทิ่มเข้าไปที่บริเวณหน้าท้องนุ่มนิ่มของหร่วนซือซือทันที เธอเจ็บจนสั่นสะท้านไปทั่วร่าง ร่างทั่งร่างขดตัวเข้าหากันทันที
"หร่วนซือซือ! แกคิดว่าแกจะสู้ชนะฉันได้หรือไง! แกทำให้ฉันต้องทนทุกข์ทรมานมากขนาดนั้น วันนี้ฉันจะต้องเอาคืนให้กับแกแน่!"
เฉิงลู่พูดไป ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนจากพื้นอย่างทุลักทุเล ยังไม่ทันที่จะได้ยืนทรงตัวได้ดีนัก หร่วนซือซือกัดฟันทนกับความเจ็บก่อนจะยื่นมือออกไปอีกครั้ง ออกแรงดึงข้อเท้าของเฉิงลู่เอาไว้ ไม่ให้เธอยืนขึ้น
เธอรู้อย่างแจ่มแจ้ง ในเวลานี้ หากว่าเฉิงลู่ลุกขึ้นยืนแล้วล่ะก็ คนที่จะโชคร้ายนั้นก็คือตัวเธอเอง ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่การประวิงเวลาออกไป เธอก็จำเป็นที่จะต้องอดทนต่อไปให้ได้
อีกอย่าง คนรับใช้คนนั้นก็ถูกอวี้อี่มั่วซื้อตัวเอาไว้แล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะทำเพื่อขับไล่หยางเย่ออกไปชั่วคราว ใช้เวลาไม่นานก็สมควรที่จะต้องกลับมาได้แล้ว ขอเพียงแค่เธอสามารถประวิงเวลาเอาไว้ สถานการณ์ก็อาจจะสามารถพลิกผันกลับได้!
"หร่วนซือซือ แกปล่อยฉันนะ!"
เฉิงลู่ออกแรงถีบอย่างแรง แต่ทว่าเป็นหร่วนซือซือที่ยังคงจับเอาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยมือ เธอไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ทั้งโกรธทั้งรำคาญ ยื่นมือออกไปจิกผมที่ศีรษะของหร่วนซือซือ ก่อนจะออกแรงดึง
ทันใดนั้นเอง หนังศีรษะของหร่วนซือซือรู้สึกตึงแน่นไปหมด รู้สึกรับกับความเจ็บปวดไม่ได้ไปชั่วขณะ หยาดน้ำตากลิ้งไหลออกมา แต่ทว่าเฉิงลู่กลับยังคงออกแรงกระชากไปทางด้านหลังอยู่
ถูกจิกจนแน่นตึงไปหมด หร่วนซือซือกัดฟันแน่น ก่อนจะออกแรงดึงอีกครั้ง เฉิงลู่ยืนไม่คงที่ ก่อนจะล้มลงไปกองที่พื้นอีกครั้ง
หร่วนซือซือทนกับความเจ็บปวดบนร่างแทบจะไม่ไหวแล้ว พลิกตัวหนึ่งครั้ง ก่อนจะกดเฉิงลู่ไว้ใต้ร่าง เฉิงลู่ไม่ยอมแพ้ ออกแรงผลักให้เธอผละออกไป
ทั้งสองคนต่อสู้ดิ้นรนกันอย่างไม่ยอมใคร บนใบหน้ามีรอยข่วนอยู่หลายจุด
นัยน์ตาทั้งสองข้างของเฉิงลู่แดงก่ำ หยุดพักและจ้องเขม็งไปที่หร่วนซือซือก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า "ปล่อยนะแก!"
หร่วนซือซือได้ยินดังนั้น กัดฟันแน่น ไม่ยอมปล่อยมือ
เธอจะไม่รู้ได้อย่างไร ในเวลาแบบนี้หากปล่อยมือออกก็เท่ากับว่าต้องตายแน่ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เธอก็ต้องรอให้คนรับใช้กลับมาก่อน!
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง อีกทางด้านหนึ่ง สถานการณ์ก็ร้อนระอุไม่แพ้กัน
คนรับใช้คนนั้นถูกฉินเสียนหลี่กดเอาไว้กับพื้น โดนทำร้ายจนใบหน้าบวมช้ำ
ฉินเสียนหลี่ออกแรงชกไปพลาง ด่าทอเสียงต่ำไปพลางว่า "ฉันให้แกลงมือกับเมียฉัน! ให้แกลงมือกับเธอ!"
หยางเย่ที่ยืนอยู่อีกทาง สบมองกับสถานการณ์ด้านข้าง ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นอย่างวางมาด
ใครใช้ให้เจ้าคนรับใช้นี่ขวางทางเธอไว้ไม่ให้ไปคิดบัญชีกับหร่วนซือซือกันล่ะ เมื่อครู่ตอนที่เดินไปถึงที่ระเบียงของโถงชั้นสอง ใครจะไปรู้ว่าจะพบเจอกับฉินเสียนหลี่ที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ที่นั้นพอดี
หยางเย่ยอมปล่อยเจ้าคนรับใช้คนนี้ไปไม่ได้อยู่แล้ว คำพูดที่เปรียบเสมือนราดน้ำมันลงบนกองเพลิงไม่กี่ประโยคก็สามารถจุดไฟโทสะให้กับฉินเสียนหลี่ได้แล้ว ยังไงๆก็หนีไม่พ้นการทำร้ายร่างกายโดยการชกต่อยตามคาด
สบมองเจ้าคนรับใช้นั่นที่ถูกทำร้ายจนมือไม้อ่อนแรง หยางเย่เลิกคิ้วขึ้นอย่างลำพองใจ โทสะที่ถูกกักเก็บเอาไว้อยู่ภายในใจก็สลายหายไปหมดแล้ว เธอโบกไม้โบกมือไปมา ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า "ช่างเถอะ ช่างเถอะ แค่เห็นเขาฉันก็รู้สึกโชคไม่ดีแล้ว พวกเราไปกันเถอะค่ะ!"
ฉินเสียนหลี่หอบหายใจอย่างรุนแรง เมื่อได้ยินดังนั้นจึงหยุดการกระทำลง ก่อนจะจ้องเขม็งไปที่คนรับใช้หนึ่งครั้ง ลุกขึ้นยืนตัวตรง หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดไม้เช็ดมือ หลังจากนั้นจึงเดินตามหยางเย่ออกไป "คุณภรรยาครับ เราไปกันเถอะ"
คนรับใช้นอนแผ่หลาอยู่บนพื้น ดวงตาโดนชกต่อยจนบวมเป่งจนแทบจะลืมตาไม่ขึ้น เขาอยากร้องไห้แต่ทว่ากลับไม่มีน้ำตา หวนนึกถึงสถานการณ์อีกด้านหนึ่ง ก่อนจะกัดฟันข่มความเจ็บปวดแล้วนำโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วส่งข้อความหาอวี้อี่มั่วทันที
ในเวลานี้ เขาไม่คิดเรื่องทำเงินใดๆทั้งสิ้นแล้ว คิดเพียงแต่ว่าขออยู่อย่างสงบ หากรู้ก่อนว่าการที่จะมาทำเรื่องแทนคนอื่นจะต้องมาประสบพบเจอกับสถานการณ์ย่ำแย่แบบนี้แล้วล่ะก็ เขารับรองได้เลยว่าไม่ว่าเงินของใครเขาก็จะไม่รับทั้งสิ้น!
อวี้อี่มั่วคำนับเหล้าหนึ่งจอกให้กับนายท่านแห่งตระกูลไป๋ ก่อนจะกลับลงมานั่งที่เดิม แล้วพบว่าโทรศัพท์มือถือมีข้อความเข้ามาหนึ่งข้อความ
เป็นข้อความที่ถูกส่งมาจากคนรับใช้ที่พึ่งซื้อตัวมา "สถานการณ์พลิกผัน ขอความช่วยเหลือที่ชั้นสามด่วน"
เมื่อมองเห็นตัวอักษรไม่กี่ตัวดังนั้น อวี้อี่มั่วมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาในทันที เขากระชับกำโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือแน่น ก่อนจะลุกพรวดพราดขึ้นอย่างไม่ลังเล สาวเท้ายาวก้าวออกไปทันที
เถ้าแก่อีกคนที่อยู่ทางด้านข้างกำลังจะคำนับเหล้ากับเขากลับตกตะลึง ก่อนจะเรียกเขาให้หยุดเอาไว้ด้วยความตกอกตกใจว่า "ท่านประธานอวี้ คุณจะไปไหนหรือครับ?"
ไม่ทันที่จะตอบคำถามของคนคนนั้น อวี้อี่มั่วสาวเท้ายาวไปทางหน้าประตูลิฟต์ทันที ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่ทว่าเมื่อเห็นข้อความดังนั้นแล้ว ภายในใจของเขากลับมีการคาดการณ์โดยรวมเอาไว้แล้วเรียบร้อย
เดิมที่ก่อนที่จะเริ่มแผนการ เขาก็บอกกับหร่วนซือซือเอาไว้แล้ว การเคลื่อนไหวในครั้งนี้นั้นค่อนข้างอันตรายพอสมควร นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะตอบตกลงทันที ก็ว่าทำไมเรื่องราวทั้งหมดถึงบังเอิญประจวบเหมาะกันขนาดนี้ ตอนนี้กลับเกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ!
ไม่ได้การแล้ว เขาจะไม่ยอมให้หร่วนซือซือได้รับบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว!
เมื่อคิดได้ดังนั้น ฝีเท้าของเขาก็เพิ่มความเร็วมากขึ้น
หน้าประตูห้อง 318 ชั้นสาม หร่วนซือซือกับเฉิงลู่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอมกันทั้งสองคน ไม่มีใครปล่อยมือ
หร่วนซือซือสบมองไม้เบสบอลที่อยู่ที่พื้นด้านข้าง นัยน์ตาเคร่งขรึมทันที เมื่อคิดได้ว่าในตอนแรกที่เฉิงลู่ทุบเข้าที่ศีรษะของเธอเมื่อครู่นี่แล้ว ทันใดนั้นเองร่างทั้งร่างกลับสะดุ้งโหยงขึ้นทันที
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เอื้อมมือออกไปข้างหนึ่ง คว้าไม้เบสบอลนั่นเอาไว้ด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะฟาดมันไปทางเฉิงลู่ทันที
เมื่อเฉิงลู่เห็นไม้เบสบอล ตกใจจนต้องยกมือขึ้นมากันเอาไว้ เธอตกตะลึง จนปล่อยมือทั้งสองข้างออกด้วยไม่รู้ตัว
เมื่อสบโอกาสนี้แล้ว หร่วนซือซือปล่อยมือออกจากไม้เบสบอลทันที ก่อนจะรีบลุกขึ้นยืน แล้ววิ่งหนีไปทางด้านข้าง
เมื่อเฉิงลู่เงยหน้าขึ้น เห็นหร่วนซือซือกำลังจะวิ่งหนี ในช่วงเวลาคับขันนั้นเอง เธอก็รีบลุกยืนขึ้นตาม ก่อนจะสาวเท้าวิ่งตามไป แต่ใครจะรู้ล่ะว่าในสถานการณ์คับขันแบบนี้ ยังไม่ทันที่จะได้ระมัดระวังฝีเท้า ก็หยีบเข้ากับไม้เบสบอล ก่อนที่จะล้มลงไป ร่างทั้งร่างของเธอล้มพุ่งไปทางด้านข้างทันที
เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นดัง "ปัง" ศีรษะของเฉิงลู่กระแทกเข้ากับกำแพงด้านข้าง กระแทกกระทั้นด้วยความแรงพอตัว
หร่วนซือซือได้ยินดังนั้น หันศีรษะกลับไปมองเฉิงลู่ที่กำลังซบเข้ากับกำแพงอยู่ ร่างทั้งร่างไถลลงไปช้าๆ เห็นได้ชัดเจนเลยว่าสลบไปแล้ว……
นี่คือโอกาสทองที่ดีที่สุดแล้ว!
หร่วนซือซือกัดฟันแน่น จิตใจสับสนวุ่นวาย หมุนตัวก้มลงไปหยิบคีย์การ์ดห้องบนพื้น ก่อนจะเปิดประตูห้อง 318 ออก แล้วผลักเฉิงลู่ให้เข้าไปด้านใน
ประตูห้องถูกปิดในเวลาต่อมา มือสั่นเทาของหร่วนซือซือยังคงจับเข้าที่ประตูอยู่
เรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ หากจะให้เธอพูด ราวกับว่าเป็นฝันร้ายก็ไม่ปาน เธอกับเฉิงลู่อยู่ในความสัมพันธ์แบบที่ว่าเธอต้องตายฉันถึงจะรอด หากว่าเธอผ่อนแรงลงมาสักครึ่งหนึ่งล่ะก็ คนที่จะถูกนำเข้าไปในห้องนั้นก็ต้องเป็นเธอแทน
ความเย็นยะเยือกไล่ตามขึ้นมาบนแผ่นหลังของเธอ หร่วนซือซือมีบาดแผลทั่วทั้งตัว ไม่มีแรงที่จะก้าวเดินต่อไปอีกแล้ว
เธอก็ไม่ได้อยากทำถึงขนาดนี้หรอก แต่ทว่าเธอกับโดนไล่ต้อนจนไร้ทางเลือกอื่นแล้ว หากเธอไม่ลงมือทำ คนที่จะเผชิญหน้ากับหายนะก็คือเธอ
เมื่อเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เท้าของเธอกลับอ่อนแรง ร่างทั้งร่างกวัดแกว่งไปมา เมื่อมองดูแล้วว่าจะต้องล้มแน่ๆ เธอจึงรีบยื่นมือออกไปด้านหน้า จับเข้ากับกำแพงที่อยู่ทางด้านข้าง
ทันใดนั้นเอง เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นไม่ไกลจากหน้าประตูลิฟต์ทันที ในเวลานั้นเอง น้ำเสียงนุ่มทุ้มของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นมาว่า "หร่วนซือซือ!"
หลังจากนั้น ลมหายใจของชายหนุ่มก็เข้ามาใกล้ ไม่รอให้เธอต้องเงยหน้าขึ้น ร่างทั้งร่างของเธอก็ถูกสวมกอดเข้าไปอยู่ในอ้อมอกอุ่นทันที
เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เธอสบมองกับนัยน์ตาสุขุมนุ่มลึกคู่นั้นของอวี้อี่มั่ว นัยน์ตาคู่นั้นของเขาแทบจะฉายความกังวลออกมาทั้งหมด
เธอมองผิดไปหรือเปล่านะ? ทำไมอวี้อี่มั่วถึงดูเป็นห่วงเป็นใยเธอขนาดนี้กันนะ?
เมื่อสบมองผมเผ้ายุ่งเหยิงและใบหน้าบวมแดงของหญิงสาว ร่างกายตกอยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้ แสดงให้เห็นว่าได้ประสบพบพานกับความเลวร้ายมาก่อนหน้านี้ อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วแน่น ความรู้สึกอับอายเกิดขึ้นในจิตใจจนไม่สามารถที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
เขารู้สึกผิดเล็กน้อย ว่าทำไมตอนแรกถึงไม่ส่งคนให้มาอยู่กับเธอให้มากกว่านี้นะ!
สบมองร่างกายสะบักสะบอมที่ดูอ่อนล้าของหญิงสาว นัยน์ตาของอวี้อี่มั่วฉายประกายติดโทสะออกมาทันที เขาไม่พูดอะไรออกมาสักคำ ถอดสูทออก ก่อนจะนำไปห่มบนตัวของหร่วนซือซือ ย่อตัวลงก่อนจะอุ้มเธอขึ้นมา แล้วเอ่ยเสียงทุ่มต่ำขึ้นว่า "เราไปกันเถอะ"
เขาต้องพาเธอออกไป พาเธอออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!