เธอไม่คิดอะไรให้มากความ รีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ก่อนจะกดเข้าไปเปิดอ่านข้อความ
"วันนี้ตอนหกโมงเย็น รอฉันที่ลานจอดรถใต้ดิน มีเรื่องจะคุยด้วย"
ประโยคง่ายๆหนึ่งประโยค เป็นคำสั่งที่กระชับและชัดเจน
ภายในใจของหร่วนซือซือรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย เขาบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย อาจจะเป็นเรื่องวันเกิดของนายท่านของตระกูลไป๋ในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ หรืออาจจะเป็นอวี้อี่มั่วที่มีแผนการเอาไว้รับมือกับสวี่เฟิงหมิงแล้วกันนะ
ปลายนิ้วของเธอพิมพ์ตอบกลับไปอย่างรวดเร็วไปสองคำว่า "ได้ค่ะ"
วางโทรศัพท์ลงแล้ว หร่วนซือซืออยู่ๆก็รู้สึกผ่อนคลายลงไปมาก ขอเพียงแค่เริ่มดำเนินการ ระยะห่างนั้นเธอยังคงบริสุทธิ์ใจอยู่ วันเวลาที่เธอจะเป็นอิสระก็ใกล้เข้ามามากทุกทีแล้ว
เมื่อได้พักเที่ยงไปหน่อยหนึ่งแล้วเมื่อตอนกลางวัน ก็ถึงช่วงเวลาที่จะต้องเข้าทำงานในตอนช่วงบ่ายแล้ว หร่วนซือซือรู้สึกง่วงเล็กน้อย หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเลื่อนอ่านข้อความไปเรื่อยๆ ก็เห็นข้อความจากในกลุ่มของแผนกเด้งขึ้นมาไม่หยุด
"พวกเธอรู้ไหม วันนี้แฟนของท่านประธานอวี้มาน่ะ! เธอดูสวยมากเลยนะ!"
"จริงหรือ! มีรูปถ่ายไหม? ขอดูด้วยสิ!"
"……"
เดิมทีผู้หญิงในแผนกมีค่อนข้างมาก มาวันนี้เมื่อสบโอกาสได้เม้าท์มอยพูดคุยกัน บรรยากาศก็เริ่มคึกคักขึ้นมาทันที ผ่านไปไม่นานนัก มีคนส่งภาพถ่ายเข้ามาจริงๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ชัดมากนัก แต่ก็ยังคงสามารถที่จะมองออกได้ว่าในภาพถ่ายนั้นเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวย ดูเหมาะสมกันดี
สบมองทั้งสองคนที่อยู่ในภาพถ่าย ไม่รู้ว่าทำไม หัวใจของหร่วนซือซือคล้ายกับว่ามีอะไรมาจุกอยู่กลางใจ รู้สึกอึดอัดคลุมเครือ
นึกไม่ถึงเลย เย่หว่านเอ๋อที่ทำการผ่าตัดเสร็จแล้ว พึ่งจะผ่านไปได้ไม่กี่วันเอง เธอก็อดไม่ได้ที่จะรีบร้อนมาหาอวี้อี่มั่วเสียแล้ว
หร่วนซือซือวางโทรศัพท์มือถือทิ้งไป หยิบแก้วขึ้นมาก่อนจะเดินไปที่ห้องชงชาเพื่อจะเติมน้ำ ประจวบเหมาะกับที่มีเพื่อร่วมงานสาวสองคนกำลังยืนพูดคุยกันอยู่ทางนั้นพอดี
เมื่อทักทายกับพวกเธอเล็กๆน้อยๆแล้ว หร่วนซือซือก็เริ่มจัดการต้มชาของตนเองทันที
"เป็นเรื่องที่ยากจะได้เห็นจริงๆเลยนะเนี่ย เรื่องของท่านประธานอวี้น่ะ เคยเห็นว่าข้างกายของเขาเคยมีผู้หญิงที่ไหนกันล่ะเนอะ!"
"ก็ใช่น่ะสิ ฉันได้ยินมาว่าตอนนี้คุณเย่คนนั้นตอนนี้ก็อยู่ที่ห้องทำงานนะ ดูท่าแล้วความสัมพันธ์ของทั้งสองคนคงจะดีมากแน่ๆ……"
บทสนทนาเล็กๆน้อยๆดังลอยเข้าไปในหู หร่วนซือซือกัดฟันแน่น มีความรู้สึกหงุดหงิดอย่างน่าประหลาดบางอย่าง
เมื่อเธอต้มชาเสร็จ ก็หมุนตัวแล้วเดินจากไปจากห้องชงชาทันที ก่อนจะตรงดิ่งกลับไปยังห้องทำงาน
"ผู้ช่วยหร่วนจ๊ะ มาทางนี้หน่อยสิ"
ยังไม่ทันที่จะเดินถึงประตู หร่วนซือซือกลับถูกผู้ช่วยหลานเรียกหยุดเอาไว้
"ค่ะ"
หร่วนซือซือวางแก้ว ก่อนจะเดินตามคุณหลานเข้าไปในห้องทำงาน
"คุณหลานมีงานอะไรให้ทำหรือเปล่าคะ?"
คุณหลานยื่นเอกสารแผ่นหนึ่งในมือส่งมาตรงหน้า "เอกสารฉบับนี้ ถือไปที่ห้องทำงานของท่านประธาน ให้ท่านประธานอวี้เซ็นชื่อหน่อยจ้ะ"
มือของหร่วนซือซือที่ยื่นไปชะงักค้างไปพักหนึ่ง ใบหน้ามีสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก
คุณหลานกลับไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติของเธอเลย ก่อนจะกำชับว่า "รีบนำไปส่งเร็ว เซ็นชื่อแล้วค่อยกลับมาหาฉันนะ"
หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าลึกๆ "ได้ค่ะ"
เมื่อหมุนตัวออกจากห้องทำงานของผู้จัดการแล้ว หร่วนซือซือรู้สึกว่าของในมือราวกับว่าเป็นเรื่องยุ่งยากที่ไม่น่าจัดการก็ไม่ปาน จะทิ้งก็ทิ้งไม่ได้ ดูยุ่งยากไปหมด
ในเวลานี้ถ้าหากว่าเธอเข้าไปส่งเอกสารฉบับนี้ให้อวี้อี่มั่วล่ะก็ จะต้องพบเจอกับเขาและเย่หว่านเอ๋อแน่ๆ ถ้าหากว่าเธอไม่ไป คุณหลานก็กำลังรออยู่
ช้อนสายตาสบมองไปรอบๆหนึ่งรอบ เดิมทีคิดที่จะหาใครสักคนไปส่งแทน แต่ทว่าในแผนกตอนนี้ คนที่จะสามารถไปส่งแทนเธอได้ก็มีเพียงแค่เมิ่งจื่อหันแล้ว แต่ว่าเมิ่งจื่อหันกับเฉิงลู่สนิทกันมากขนาดนั้น จะมาช่วยเหลือเธอได้อย่างไร?
คิดไปคิดมา ก็คิดไม่ถึงวิธีอื่นแล้ว หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าลึกๆ ทำได้เพียงแค่ถือเอกสารในมือแล้วมุ่งตรงไปที่ห้องทำงานของท่านประธาน
ณ ตอนนี้ เธอก็คงทำได้เพียงต้องกัดฟันสู้ต่อไป
เมื่อถึงห้องทำงานของท่านประธาน หร่วนซือซือก็มองเห็นเฉิงลู่ที่ยืนอยู่หน้าประตูไกลๆ เธอกับอันหร่านยืนอยู่ด้วยกัน ทั้งสองคนกำลังพูดคุยอะไรกันสักอย่างเสียงเบา
เดิมทีเฉิงลู่กำลังหัวเราะอยู่ เมื่อเงยหน้าสบมองเห็นหร่วนซือซือเข้า สีหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นขึงขังขึ้นมาในทันที
สบมองไปยังเอกสารที่หร่วนซือซือถืออยู่ในมือครั้งหนึ่ง เธอไม่ได้พูดอะไรสักคำ เชิดหน้าขึ้นอย่างทะนงตน แต่ก็ไม่ได้ขวางทางเธอ
ณ ตอนนี้ หร่วนซือซือกลับหวังว่าเธอจะเข้ามาขว้างเธอเอาไว้แทน แต่ใครจะรู้ล่ะ…ว่าไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย
สูดหายใจเข้าลึกๆหนึ่งครั้ง หร่วนซือซือขบเม้มริมฝีปากแน่น สาวเท้าก้าวยาวตรงเข้าไปด้านหน้า ก่อนจะยื่นมือออกไปเคาะประตู
"เข้ามาสิ"
เมื่อได้ยินเสียงจากทางด้านใน หร่วนซือซือรวบรวมความกล้า ก่อนจะผลักประตูแล้วเดินเข้าไป
เมื่อเปิดประตูออก เธอก็เห็นอวี้อี่มั่วที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน ส่วนเย่หว่านเอ๋อก็นั่งที่เก้าอี้ตัวเล็กอยู่ตัวหนึ่ง รักษาความเงียบอยู่ทางด้านข้าง
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ เดินตรงไปยื่นเอกสาร หลุบสายตาลงต่ำก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า "ท่านประธานอวี้คะ เอกสารฉบับนี้ต้องการให้คุณเซ็นชื่อค่ะ"
สายตาเรียบเฉยของอวี้อี่มั่วสบมองไปทางเธอ ใบหน้าไม่ได้ประดับความรู้สึกอะไรมากนัก ยื่นมือมารับเอกสารไปก่อนจะเริ่มกวาดสายตาอ่าน แต่ทว่าเย่หว่านเอ๋อที่อยู่ทางด้านข้างกลับดูสนอกสนใจหร่วนซือซือเป็นอย่างมาก
เย่หว่านเอ๋อในตอนนี้ มีสีหน้าดูดีมากกว่าตอนที่อยู่โรงพยาบาลจิงหวาเยอะกว่าเดิมมาก ใบหน้ามีสีเลือดฝาด สวมใส่เดรสมีสีสัน มีเสน่ห์เตะตาคนอื่น ถึงแม้ว่าหน้าตาน่าเอ็นดูนั่นจะทำให้คนอื่นรู้สึกใกล้ชิดสนิทสนม แต่นัยน์ตากลับมีความเย่อหยิ่ง ไม่ยอมคน แต่ทว่ากลับเต็มไปด้วยความมั่นใจ
เป็นเศรษฐีผู้พรั่งพร้อม เป็นหญิงสาวที่มีเงินมีทอง คำเรียกเหล่านี้หมายถึงเย่หว่านเอ๋อ ถึงจะเหมาะสมที่สุดแล้ว
หร่วนซือซือรู้สึกถึงสายตาของเธอที่มาไปมองมาบนร่างกาย เธอหลุบตาลงต่ำ ภายในใจหวังให้อวี้อี่มั่วรีบๆเซ็นชื่อให้เสร็จเรียบร้อยเร็วๆ เธอจะได้รีบออกไปสักที
เย่หว่านเอ๋อพินิจพิเคราะห์เธอไปหนึ่งรอบ ก่อนที่สายตาจะไปหยุดอยู่ตรงที่ป้ายชื่อตรงอกของเธอ เมื่อเห็นคำว่า "หร่วนซือซือ" สามคำนั่น ทันใดนั้นเองสายตากลับแข็งกร้าวขึ้นทันที สีหน้าบนใบหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย
ที่แท้คือเธอนี่เอง!
เย่หว่านเอ๋อกัดฟันแน่น ก่อนจะปรับสีหน้าเป็นปกติ ริมฝีปากบางฉีกยิ้มราบเรียบ น้ำเสียงสดใสเอ่ยเรียกชื่อของเธอขึ้นว่า "หร่วนซือซือ"
เมื่อได้ยินดังนั้น แผ่นหลังของหร่วนซือซือแข็งเกร็งขึ้นมาทันที เมื่อรอให้เธอเงยหน้าขึ้น เย่หว่านเอ๋อก็หันไปยิ้มแล้วสบมองไปทางอวี้อี่มั่วที่อยู่ด้านข้างเสียแล้ว
"พี่มั่วคะ ที่แท้เป็นเธอเองหรือคะ?"
อวี้อี่มั่วได้ยินดังนั้น มือที่ถือเอกสารอยู่ขยับไปมาอย่างเชื่องช้า ก่อนจะหันไปสบมองเย่หว่านเอ๋อ "อะไรนะ?"
หร่วนซือซือตื่นตระหนกตกใจ เมื่อได้ยินความหมายที่แฝงมากับประโยคของเย่หว่านเอ๋อ หรือว่าอวี้อี่มั่วจะเคยพูดเรื่องของเธอกันนะ? หรือว่า เย่หว่านเอ๋อจะรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับอวี้อี่มั่ว?
จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?
เย่หว่านเอ๋อยิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะหันไปจ้องสบมองกับอวี้อี่มั่วแล้วเอ่ยขึ้นว่า "ก็ในสายโทรศัพท์ในครั้งที่แล้ว ฉันได้ยินเสียงของเธอ ครั้งที่แล้วที่เข้าใจพวกพี่ผิดน่ะค่ะ"
เมื่อฟังเธอพูดแบบนี้แล้ว หร่วนซือซือถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่แท้เธอก็พูดถึงเรื่องครั้งนั้นนี่เอง
นัยน์ตาของอวี้อี่มั่วสั่นไหวเล็กน้อย แต่สุดท้ายแล้วกลับเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบตอบกลับไปแค่ว่า "อืม เป็นเธอเอง"
เย่หว่านเอ๋อหัวเราะ หันไปสบมองที่หร่วนซือซือ ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาว่า "เรื่องครั้งที่แล้วคุณไม่ต้องตกอกตกใจไปหรอกนะคะ พี่มั่วได้อธิบายให้ฉันฟังแล้วล่ะค่ะ เป็นฉันที่เข้าใจผิดพวกคุณเอง"
หร่วนซือซือมึนงงไปชั่วขณะหนึ่ง ทำได้เพียงแค่ตอบกลับไปอย่างงุนงง พยักหน้าหงึกๆหงักๆให้กับเธอ
ในตอนที่เธอไม่มีสตินั้นเอง อวี้อี่มั่วก็ส่งเอกสารกลับคืนมาให้ "เซ็นชื่อเสร็จแล้ว"
หร่วนซือซือพึ่งจะได้สติกลับคืนมา กุลีกุจอรับคืน หมุนตัวก่อนที่จะก้าวเดินออกไป
ยังเดินไม่ถึงสองก้าว เธอก็ได้ยินเสียงของเย่หว่านเอ๋อดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
"พี่มั่วคะ บ่ายวันนี้ฉันอยู่เป็นเพื่อนพี่ทำงานดีกว่า ฉันไม่กวนหรอกนะคะ……"
"ไม่ได้ครับ เธอยังคงต้องพักฟื้นอยู่นะ ต้องพักผ่อนให้เยอะๆ"
"ไม่ค่ะ ฉันก็แค่อยากจะอยู่เป็นเพื่อนพี่แค่นั้นเอง!"
"……"
เมื่ออกมาจากห้องทำงาน หร่วนซือซือปิดประตู ตัดขาดจากการรับรู้จากเสียงภายในตัวห้อง เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ภายในใจกลับรู้สึกว้าวุ่นเล็กน้อย
เธอคิดมาโดยตลอดเลยว่าอวี้อี่มั่วคือคนประเภทที่คนธรรมดาไม่สามารถแตะต้องได้ราวกับเป็นเทพเซียน แต่ทว่าคิดไม่ถึงว่าเขาที่ต่อหน้าเย่หว่านเอ๋อแล้วนั้น ก็ไม่ได้ต่างอะไรไปกับคู่รักทั่วไปเลยแม้แต่น้อย
เขาอ่อนโยน มีน้ำอดน้ำทน ใส่ใจ……เพียงแต่ว่าเป็นแบบนี้กับเย่หว่านเอ๋อคนเดียวเท่านั้นเอง
ในคราแรก ตอนที่เธออยู่กับเขาที่คฤหาสน์ตระกูลอวี้ ถึงแม้ว่าเขาจะดีต่อเธอ แค่ทว่านั้นคือการใส่ใจที่เย็นชาเหลือเกิน เป็นการไถ่ถามพอเป็นพิธีเท่านั้น
มุมปากยกยิ้มออกมาอย่างขมขื่น หร่วนซือซือกระชับเอกสารแน่น ก่อนที่จะเพิ่มความเร็วของฝีเท้าก้าวเดินจากไป
ภาพของอวี้อี่มั่วกับเย่ว่านเอ๋อที่อยู่ด้วยกันเมื่อสักครู่นี้ยังคงติดตา ทั้งสองคนเหมาะสมราวกับกิ่งทองใบหยก เหมาะสมกันมากจริงๆ ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะไม่ได้สบมองหรือพูดคุยกัน เพียงแค่นั่งอยู่ข้างๆกัน ก็คล้ายราวกับว่ามีอะไรบางอย่างที่เป็นเคมีดึงดูดเข้าหากันแล้วล่ะ
พวกเขาคือรักแท้ ส่วนเธอที่เข้ามาในช่วงเวลาหนึ่งในช่วงชีวิตของอวี้อี่มั่วนั้น ถือว่าเป็นเรื่องประหลาดเป็นอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นก็เท่านั้น
MANGA DISCUSSION