ดั่งรักบันดาล - ตอนที่ 118
หร่วนซือซือรู้ดีอยู่แก่ใจ เธอในตอนนี้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เสียงซุบซิบนินทาของทุกคนก็ต้องตามไปที่นั่นด้วย เธอเองก็ไม่อยากทำให้เสี่ยวหานต้องลำบากไปด้วย จะได้ไม่ถูกเพื่อนร่วมงานทิ้งให้โดดเดี่ยว
เธอยื่นมือไปตบที่ไหล่เธอเบาๆ " ฉันมีเหตุผลของฉัน รอให้เรื่องนี้จบก่อนแล้วเราค่อยมากินข้าวด้วยกันนะ "
พอได้ยินเธอพูดแบบนี้ เสี่ยวหานก็เข้าใจและไม่ได้ถามอะไรมาก เธอพยักหน้าอย่างลังเล และตอบรับแต่โดยดี
จนกระทั่งถึงเวลาเลิกงานในตอนเที่ยง เพื่อนร่วมงานในแผนกต่างๆก็พากันไปกินข้าว ในเวลานี้โรงอาหารพนักงานและในบริษัทเป็นช่วงเวลาที่คนเดินไปเดินมามากที่สุก หร่วนซือซือตั้งใจที่จะไม่ไปกินข้าว เธอคิดว่ารอให้คนน้อยลงก่อนค่อยไป
ผ่านไปสักพักจนกระทั่งเสียงวุ่นวายข้างนอกเริ่มเบาลง หร่วนซือซือถึงลุกออกจากห้องทำงานไป
เดินไปถึงหน้าประตูบริษัท เธอวางแผนว่าจะไปที่ร้านอาหารเล็กๆใกล้ๆแถวนี้เพื่อสั่งอาหารใส่กล่องแล้วเอากลับมานั่งกินที่ห้องทำงาน อย่างนี้ทั้งสะดวกและประหยัดเวลาด้วย และยังเลี่ยงไม่เผชิญหน้ากับเพื่อนร่วมงานได้อีกด้วย
เธอเดินลงใบหน้ามา เธอก้มหน้าตลอดทางจนได้เห็นกับรองเท้าหนังมันวาวคู่หนึ่ง เธอยังไม่ทันตั้งตัวก็มีเสียงของชายขี้เกียจคนหนึ่งดังขึ้นเหนือศีรษะเธอ " รอเธอที่หน้าประตูมาครึ่งค่อนวันแล้ว ถ้าเธอยังไม่ลงมาอีกฉันกำลังจะขึ้นไปหาเธอแล้วนะ "
หร่วนซือซือตะลึง ทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้นเธอก็เห็นเฉิงจื่อเซียวที่กำลังยิ้มให้เธออยู่
"คุณ……คุณมาได้ยังไง? "
เฉิงจื่อเซียวยิ้มกว้างไปอีก ก้าวเข้าไปใกล้เธออีกหนึ่งก้าว " แล้วทำไมฉันจะมาไม่ได้? "
" คุณ……"
หร่วนซือซืออึกอึกอักอักพูดไม่ออกสักที เธอเองก็แค่ตกใจมากไปหน่อย เพราะเธอก็ไม่ได้เจอเขามาช่างหนึ่งแล้ว
พอเห็นสีหน้าที่หร่วนซือซือแสดงออกมา เฉิงจื่อเซียวก็ยิ้มอย่างลึกซึ้งขึ้นไปอีก " เพราะว่าคิดถึงฉันทั้งวันทั้งคืนใช่ไหม พอเจอหน้าฉันเลยดีใจใหญ่เลย? "
" ไม่ใช่สักหน่อย " หร่วนซือซือมองค้อนใส่เขาหนึ่งที ก้าวเดินอ้อมเหมือนจะเดินหนีเขา
" นี่ เธอจะไปไหน? " เฉิงจื่อเซียวรีบเดินตามไป " ฉันตั้งใจมาหาเธอโดยเฉพาะเลยนะ! "
หร่วนซือซือในตอนนี้ไม่มีอารมณ์ที่จะมาล้อเล่นกับเขา " มีธุระอะไร? "
เฉิงจื่อเสี่ยวเดินตามเธอไปอย่างใจเย็น " ช่วงนี้ฉันออกไปทำงานต่างจังหวัดแล้วพึ่งกลับมาก็รีบมาหาเธอเลย ผู้ช่วยหร่วนไม่อยากทานข้าวด้วยกันสักมื้อหรอ? "
หร่วนซือซือปฏิเสธไปอย่างเยือกเย็น " ฉันไม่มีเวลา "
เธอกับเฉิงจื่อเซียวไม่ใช่คนที่อยู่ในโลกเดียวกันและก็ไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องเสียเวลากับเขา
เฉิงจื่อเซียวเดินขึ้นไปข้างหน้าเธอ เขาเดินถอยหลังและยิ้มให้เธอ " ตอนนี้เธอกำลังจะไปกินข้าวไม่ใช่หรอ? "
หร่วนซือซือจู่ๆก็เป็นใบ้ " ฉัน….."
พอเฉิงจื่อเซียวเห็นเธอลังเล เขาก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ เขายื่นมือไปจับข้อแขนของเธอไว้จากนั้นก็ดึงเธอให้วิ่งไปข้างๆ " ในเมื่อเธอก็ไปกินข้าว ฉันก็ไปกินข้าว อย่างนั้นมากินด้วยกันดีกว่า "
หร่วนซือซือขมวดคิ้วและพูดขึ้นว่า " กินข้าวด้วยกันกินได้ แต่ว่าคุณปล่อยฉันก่อน "
ถึงแม้ว่าเวลาที่รู้จักกับเฉิงจื่อเซียวจะไม่นานมาก แต่ว่านิสัยของเขาเธอก็ก็เรียนรู้พอสมควรแล้ว ขอแค่เรื่องที่เขาตัดสินใจแล้วเขาก็จะไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ
ตอนนี้แทนที่จะเสียงเวลาพร่ำเพ้อกับเขา ตอบตกลงไปเลยดีกว่า รีบกินข้าวจะได้รีบจบไวไว
เฉิงจื่อเซียวพอเห็นว่าเธอตอบตกลง ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก พาเธอเดินเข้าไปที่ร้านอาหารข้างๆทันที
พอได้ที่นั่งแล้ว พนักงานก็เสิร์ฟชาและเอาเมนูมาให้พวกเขาดู เฉิงจื่อเซียวส่งสัญญาณให้หร่วนซือซือเป็นคนสั่งอาหาร
หร่วนซือซือพลิกเมนูไปมา และหลังจากสั่งอาหารไปสองอย่างแล้ว ก็ยื่นใบเมนูให้เฉิงจื่อเซียว
ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆสีหน้าของเฉิงจื่อเซียวก็เคร่งขรึมขึ้นมาสะอย่างนั้น สีหน้าที่เดิมทีทั้งสุภาพอ่อนโยนของเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย สายตาราวกับนกฟีนิกซ์ของเขาจับจ้องมาที่หร่วนซือซือ
หร่วนซือซือไม่ทันสังเกตเห็น หลังจากที่ยื่นเมนูให้เขาแล้ว เธอก็ยกน้ำขึ้นมาดื่ม
เฉิงจื่อเซียวสั่งอาหารอย่างลวกๆไปสองสามอย่าง เพื่อให้พนักงานออกไป และรีบมองไปที่หร่วนซือซือ เหมือนจะยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็มัวแต่อ้ำอึ้ง
" มีอะไร? " หร่วนซือซือที่มองดูท่าทีของเฉิงจื่อเซียว ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
โดยปกติแล้วเฉิงจื่อเซียวเป็นคนที่สบายๆ แต่ว่าวันนี้เขาเอาแต่จ้องเธออย่างเคร่งขรึม ทันใดนั้นทำให้เธอรู้สึกขนหัวลุกนิดหน่อย
หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า " ทำไมคุณถึงได้มองฉันแบบนี้? "
เฉิงจื่อเซียวขมวดคิ้ว " เธอกับอวี้อี่มั่วหย่ากันแล้วหรอ? "
หร่วนซือซือจับแก้วน้ำอย่างมือสั่น " คุณ……คุณรู้ได้ยังไง? "
เฉิงจื่อเซียวเหลือบมองมือที่ขาวเนียนของหญิงสาวแวบหนึ่ง " ที่นิ้วของเธอไม่ได้สวมแหวน "
เมื่อก่อนตอนที่เขาเข้ามายุ่งกับเธอ หร่วนซือซือมักจะชูนิ้วที่สวมแหวนและพูดกับเขาว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้ว แต่วันนี้ไม่เพียงแค่ไม่ได้พูดแบบนั้น อีกทั้งแหวนในมือเธอก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยอีก
หร่วนซือซือก้มหน้ามองมือซ้ายที่ว่างเปล่า เธอก็รู้สึกเศร้าและยิ้มอย่างขมขื่น
ครั้งที่แล้วอวี้อี่มั่วบอกให้เธอเก็บแหวนเอาไว้ก่อน เพื่อที่จะได้รับมือกับคุณย่าได้สะดวก เธอเองก็รับไว้แต่ในวันปกติทั่วไปเธอก็คงไม่ใส่ เพราะว่าทุกครั้งที่เธอเห็นแหวนนั้นบนมือก็จะทำให้เธอคิดถึงการแต่งงานที่รีบร้อนและน่าตลกครั้งนั้น
สีหน้าของเฉิงจื่อเซียวที่นั่งอยู่ตรงข้ามไม่ค่อนดีนัก " พวกเธอหย่ากันแล้วจริงหรอ? "
หร่วนซือซือก้มหน้าลงและตอบกลับเบาๆว่า " อือ "
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เธอเองก็ไม่มีอะไรต้องปิดบัง
เฉิงจื่อเซียวได้ยินแบบนั้น เขากำหมัดแน่น และเขาก็ทุบลงบนโต๊ะ
" ปั๊ง! " เสียงดังขึ้น ทำให้คนรอบข้างต่างก็หันมามอง
เขาไม่ได้สนใจสายตาคนรอบข้างเลยสักนิด เขาพูดขึ้นอย่างโมโห " ไอ้อวี้อี่มั่ว! กูต้องหาตัวมึงมาคิดบัญชีให้ได้ ! "
หร่วนซือซือมองเขาอย่างตกใจ เป็นเรื่องของเธอแท้ๆ แต่ทำไมดูเหมือนเฉิงจื่อเซียวจะโกรธมากกว่าตัวเธออีก? "
"…ทำไมคุณต้องโกรธขนาดนี้ด้วย? "
เฉิงจื่อเซียวกัดฟันพูด " ฉันโกรธที่เขาตาบอด! "
เห็นท่าทีของเขาที่ไม่พอใจแทนเธอ หร่วนซือซือกลับรู้สึกอยากหัวเราะ
พนักงานเอาอาหารมาเสิร์ฟพอดี เฉิงจื่อเซียวขมวดคิ้ว และยื่นตะเกียบให้หร่วนซือซือคู่หนึ่ง และพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า " กินข้าว รีบกินเร็วเข้า กินเสร็จเราไปคิดบัญชีกับอวี้อี่มั่วกัน "
" หะ? " หร่วนซือซือรู้สึกงุนงงและไม่ค่อยเข้าใจ พอลังเลเสร็จเธอก็ถามขึ้นเบาๆ " จริงๆแล้ว……ฉันเป็นคนขอหย่าเอง "
เฉิงจื่อเซียวขมวดคิ้ว แววตาของเขาดูเศร้าๆ " เขารังแกเธอหรอ? "
หร่วนซือซือไม่รู้ว่าควรจะตอบไปว่าอะไร "……ก็ไม่ใช่……"
สีหน้าเฉิงจื่อเซียวเย็นชามากๆ " ถ้าไม่ใช่แล้วทำไมต้องหย่า? หร่วนซือซือเธอเห็นว่าฉันเป็นคนโง่หรือไง! "
หร่วนซือซือพูดไม่ออกชั่วขณะ
ครั้งที่แล้วเขายังบอกว่าต้องการที่จะให้พวกเขาหย่ากันอยู่เลยไม่ใช่หรอ ทำไมมาวันนี้การกระทำของเขาถึงได้เปลี่ยนไปเร็วขนาดนี้?
พอเห็นสีหน้าท่าทีของเฉิงจื่อเซียวที่โกรธแบบนั้น หร่วนซือซือก็ทั้งโมโหและทั้งขำ เธอค่อยๆวางตะเกียบลงแล้วถามขึ้นว่า " ครั้งที่แล้วคุณบอกว่าจะจีบฉันไม่ใช่หรอ? ฉันกับอวี้อี่มั่วหย่ากันแล้ว คุณควรจะดีใจไม่ใช่หรอ? "
เฉิงจื่อเซียวได้ยินแบบนั้น ก็ส่งเสียง " หึ " ออกมา ยกมือขึ้นแล้วเอาแต่แคะโต๊ะ จากนั้นก็พูดอย่างเคร่งขรึมว่า " กินข้าว "
เขารู้สึกดีกับหร่วนซือซือจริง ตอนแรกเขารู้สึกว่าหร่วนซือซือไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่น อยากจะสนิทกับเธออย่างไม่มีเหตุผล ช่วงที่ผ่านมาเขาไปทำงานต่างจังหวัดก็เอาแต่คิดถึงเธอ แต่มันกลับไม่ใช่ความรู้สึกแบบชายหญิง มันเป็นความรู้สึกอีกแบบหนึ่ง เขาเองก็ไม่รู้จะพูดหรืออธิบายยังไงให้ชัดเจนเหมือนกัน
หร่วนซือซือยิ้มและไม่ได้ถามอะไรต่อ เธอหยิบตะเกียบขึ้นมากินข้าวต่อ
หลังจากกินข้าวเสร็จที่นอกร้านอาหาร หร่วนซือซือมองเฉิงจื่อเซียวและรู้สึกว่าเขาน่ามองขึ้นมาเฉยเลย " เฉิงจื่อเซียว ฉันจะไปทำงานแล้วนะ คุณเองก็กลับไปได้แล้ว "
เฉิงจื่อเซียวเดินเข้าไปข้างเธอ และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง " ฉันจะไปกับเธอ "
หร่วนซือซืออึ้ง เขาคงไม่ได้จะไปที่บริษัทพร้อมกับเธอจริงๆใช่ไหม?
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง " เฉิงจื่อเซียว ฉันรู้ว่าคุณเห็นฉันเป็นเพื่อนแล้ว ฉันขอบคุณมากสำหรับความเป็นห่วงของคุณ แต่ว่าเรื่องหย่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน……"
พอเฉิงจื่อเซียวได้ยินแบบนั้นเขาก็ยักคิ้ว " ใครบอกว่าที่ฉันไปหาอวี้อี่มั่วจะไม่มีเรื่องอื่น? ไปด้วยกัน "
ในขณะที่พูด เขาก็ก้าวขาเดินไปข้างหน้าทันที
เมื่อมองไปที่หลังของชายที่มุ่งมั่นคนนั้น หร่วนซือซือก็ถอนหายใจและส่ายหน้าไปมาอย่างหมดหนทาง
หวังเพียงแค่ว่าในเวลานี้อวี้อี่มั่วจะไม่อยู่บริษัท ไม่อย่างนั้นเธอเองก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น