ดั่งรักบันดาล - ตอนที่ 104
ความเจ็บปวดที่จินตนาการไว้กลับไม่ได้ประทับลงมาบนใบหน้า ใบหูกลับได้ยินเสียงทุ่มต่ำดังลอยขึ้นมาแทน "ทำไมครับ? แค่ฝ่ามือเดียวยังไม่พอหรือครับ?"
หร่วนซือซือลืมตาขึ้นด้วยความงุนงง ก่อนที่จะมีเงาสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งปรากฏขึ้นในสายตา อวี้อี่มั่วยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ท่อนแขนแข็งแรงบีบจับเข้าที่ข้อมือของหญิงสาวคนนั้น
หญิงสาวคนดั่งกล่าวมีสีหน้างุนงง ก่อนจะนึกออกมาได้ว่าเป็นอวี้อี่มั่ว หยุดชะงักไปพักหนึ่ง เธอดึงมือของตนกลับออกมาจากการจับกุมของเขาด้วยโทสะ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างใจดำว่า "ท่านประธานอวี้ ถึงแม้ว่าคุณจะมาก็ตามที แต่เรื่องที่ฉันควรจะจัดการก็ต้องจัดการนะคะ!"
อวี้อี่มั่วไม่รู้สึกรู้สาอะไร ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกกลับไปว่า "คุณนายสวี่ คุณเสียงดังเอะอะโวยวายในเวลาทำงานแบบนี้ มันเหมาะสมแล้วจริงๆหรือครับ?"
คุณนายสวี่มีสีหน้าหวาดหวั่น ก่อนจะส่งเสียงเหอะออกมาแล้วเตรียมตัวที่จะโต้แย้งกลับไป แต่ทว่าอวี้อี่มั่วกลับสาวเท้าเข้าหาไปทางด้านหน้า ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำกลับไปว่า "เกิอเรื่องแบบนี้ขึ้น คุณนายสวี่ควรที่จะไปถามท่านรองประธานสวี่ก่อนไม่ใช่หรือครับ?"
เมื่อหนึ่งประโยคที่ตอกหน้ากลับไปทำให้คุณนายสวี่พูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่งเลยทีเดียว เธอกรอกตามองบนหนึ่งครั้ง ก่อนที่จะส่งสายตาเยือกเย็นไปทางหร่วนซือซือ "ภาพถ่ายก็มีแล้วนี่ ยังเป็นหลังฐานไม่พออีกหรือไงคะ!"
นัยน์ตาของอวี้อี่มั่วเย็นยะเยือกขึ้นเป็นเท่าตัว "แต่หากว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันจริงๆล่ะครับ? ที่ตบไปฝ่ามือหนึ่งเมื่อสักครู่นี้ คุณคิดจะรับผิดชอบอย่างไรครับ?"
"ฉัน……"
คุณนายสวี่มีสีหน้าซีดเผือกไปพักใหญ่
เมื่อเห็นเธอพูดอะไรไม่ออกแล้ว อวี้อี่มั่วจึงถามต่อด้วยน้ำเสียงเย็นๆ "ผมจะตรวจสอบเรื่องนี้แน่ครับ หากสถานการณ์เป็นไปตามความจริง ผมรับประกันได้ว่าจะหาคำตอบที่คุณนายสวี่พึงพอใจมาให้ได้แน่นอนครับ ทว่าหากมันคือเรื่องเข้าใจผิดกันจริงๆแล้วล่ะก็ เมื่อถึงเวลานั้นก็ขอให้คุณนายสวี่เตรียมใจเอาไว้ให้ดีเลยครับ คุณจำเป็นที่จะต้องให้คำตอบกับเธอ"
พูดแบบนี้ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ ไม่ได้ตำหนิอะไรเธอเลยสักนิด อวี้อี่มั่วไว้หน้าของคุณนายสวี่อย่างเต็มที่พอแล้ว หากเธอยังคงที่จะโวยวายต่อไปคงจะไม่เป็นการดีแน่ๆ หลังจากนั้นก็กรอกตามองบนด้วยโทสะ ก่อนจะตอบรับคำกลับไป "ในเมื่อท่านประธานอวี้พูดมาขนาดนี้แล้ว ถ้าเป็นแบบนี้แล้วฉันไม่มีอะไรจะพูดต่อแล้วล่ะค่ะ"
"แต่ว่า"เธอมองไปทางหร่วนซือซือหนึ่งครั้ง สีหน้าแปรเปลี่ยนไปจากเดิม ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกว่า "หากสถานการณ์เป็นความจริง ท่านประธานอวี้พูดแล้วไม่สามารถทำได้ล่ะก็ อย่ามาโทษว่าฉันไร้เมตตาก็แล้วกันนะคะ!"
เมื่อพูดจบ เธอส่งเสียงเหอะก่อนจะหมุนตัวแล้วสาวเท้ายาวก้าวออกไปจากกลุ่มคน
หร่วนซือซือที่ยืนอยู่ทางด้านหลังของอวี้อี่มั่ว ใบหน้าและแก้มยังคงเจ็บแสบ ภายในใจกลับรู้สึกได้ว่ามีหินก้อนใหญ่ทับลงมาทำให้หายใจไม่ทั่วท้อง
อวี้อี่มั่วสบมองไปยังกลุ่มคนจำนวนมากที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ แต่ทว่านัยน์ตาเย็นยะเยือกเต็มไปด้วยอำนาจ
ผู้คนรอบข้างที่เห็นสถานการณ์ดังนั้นแล้ว ก็เข้าใจขึ้นมาทันที ก่อนจะค่อยๆหันมาสบมองกันอย่างเลิ่กลั่ก แล้วก็กุลีกุจอสลายตัว
เมื่อเห็นกลุ่มคนค่อยๆสลายตัวไปแล้ว หร่วนซือซือกัดริมฝีปากแน่น หมุนตัวอย่างไร้เสียง ก่อนจะเดินก้าวออกไปในทิศทางตรงกันข้าม
วันนี้ที่คุณนายสวี่มาเอะอะโวยวาย คนทุกแผนกก็รับรู้กันหมดแล้ว รู้กันทั้งบริษัทก็มีเพียงเวลาไม่ช้าก็เร็วเท่านั้นแหละที่เป็นปัญหา ครั้งนี้เธอเหมือนราวกับว่ากระโดดลงไปตายในแม่น้ำเหลืองก็ไม่ปาน
ศีรษะรู้สึกปวดจนแทบจะระเบิด หร่วนซือซือหลุบตามองต่ำ น้ำตาไหลออกมาเป็นสาย แก้มและใบหน้ายังคงปวดร้าวระบมไปหมด
ทุกที่คือเพื่อนร่วมงานในบริษัทกันทั้งหมด หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าลึกๆ รู้สึกว่ากำลังจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว ก่อนจะเห็นทางหนีไฟตรงด้านข้าง เธอแทบไม่คิดในทันที ก้าวเท้ายาวๆสาวเดินเข้าไปอย่างรวดเร็วก่อนจะตรงขึ้นไปยังดาดฟ้าทันที
"หร่วนซือซือ!"
มีเสียงของอวี้อี่มั่วดังลอยขึ้นมาจากทางด้านหลัง หร่วนซือซือร่างทั้งร่างสั่นสะท้าน ไม่รู้ว่าทำไม่ทั้งถึงไม่ยอมหยุดลง กลับกันกลับเร่งควมเร็วของฝีเท้ามากยิ่งขึ้นไปอีก
เมื่อวานเป็นอวี้อี่มั่วที่เป็นคนไปส่งเธอกลับบ้าน ถ้าเป็นแบบนี้แล้วเขาสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของเธอได้ทั้งหมด แต่ทว่าเมื่อสักครู่นี้เขากลับทำเป็นไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานไปเลย คือกลัวว่าคนอื่นจะเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาผิดไปงั้นหรือ?
หัวใจเจ็บปวดรวดร้าวไปหมด หร่วนซือซือเพิ่มความเร็วของฝีเท้ามากขึ้น อยากที่จะบินหนีจากไป
ทันใดนั้นเอง ข้อมือถูกกำจนแน่น ตรงบริเวณหัวโค้งของบันไดหนีไฟ เธอถูกคนดึงให้หยุดลง ก่อนที่จะมีแรงดันให้เธอชนเข้ากับมุมของกำแพงในทันที
ลมหายใจของฝ่ายชายดังขึ้น ก่อนที่จะโอบล้อมเธอเอาไว้ใบหน้าของเธอถูกอวี้อี่มั่วประคองให้เงยขึ้น ระยะห่างของทั้งสองคนเล็กลงทันที นัยน์ตาของทั้งคู่สบมองกัน มีเสียงลมหายใจที่ดังขึ้นให้ได้ยิน
เขาเปล่งเสียงแหบแห้งที่ติดโทสะเล็กๆถามขึ้นมาว่า "เธอวิ่งหนีทำไม?"
เพียงแค่วิ่งหนี ก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาทั้งหมดได้หรอกนะ!
หร่วนซือซือแสบจมูก น้ำสีใสพรั่งพรูออกมาจากเบ้าตา เธอกัดฟันแน่น ก่อนจะบังคับตนเองไม่ให้ร้องไห้ออกมา
ทั้งสองคนสบมองกันไปมา หร่วนซือซือแทบจะรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่ออกมาจากจมูกของเขา "ทำไมคุณไม่พิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้ฉันล่ะคะ?"
สบมองข้างใบหน้าของหญิงสาวที่บวมขึ้น อวี้อี่มั่วหัวใจแตกเป็นสองเสี่ยงอย่างรวดเร็ว คำพูดมากมายติดอยู่ที่ริมฝีปาก แต่ทว่าเขากลับไม่สามารถพูดมันออกไปได้
สบมองนัยน์ตาใสบริสุทธิ์ไร้มลทินคู่นั้นของเธอ อวี้อี่มั่วกลับรู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจแปลกๆ "ต้องมีสักวันไม่ช้าก็เร็ว ฉันจะคืนความบริสุทธิ์ของเธอให้หมด"
ยังไม่ใช่จังหวะในตอนนี้
ได้ยินดังนั้นแล้ว หัวใจของหร่วนซือซือบีบเล็กลงกว่าเดิม ยื่นมือออกไปดันอวี้อี่มั่วให้ถอยออกไป "ทำไมถึงไม่ใช่วันนี้ล่ะคะ?"
เธอรู้ซึ้งถึงคำของประโยคที่ว่าคำพูดของคนนั้นช่างแน่กลัวอย่างถ่องแท้แล้ว คำนินทาและข่าวโคมลอยทั้งหมดคล้ายราวกับเป็นเขาหนักๆลูกหนึ่ง ที่ยังไม่ถูกเปิดเผยและกดทับเธอเอาไว้ทำให้หายใจไม่ออก
นัยน์ตาของอวี้อี่มั่วฉายแววสับสนวุ่นวาย จนในที่สุดแล้วก็เอ่ยปากขึ้นว่า "วันนี้…ไม่ได้"
เขาไม่สามารถเป็นเพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในวันนี้ ให้มาทำลายความอดทนและความพยายามที่เขาสั่งสมมาก่อนหน้านี้จนสูญเปล่า
ประโยคนี้ ทำให้ความหวังทั้งหมดของหร่วนซือซือมลายหายไปจนหมดสิ้น เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ถอยไปด้านหลังสองก้าว มุมปากยกยิ้มด้วยความเจ็บปวด "ช่างเถอะค่ะ……"
จากนี้ต่อไป เธอจะไม่ตั้งความหวังเอาไว้ที่เขาอีกต่อไปแล้ว สิ้นหวังมามากพอแล้ว หลังจากนี้จะไม่มีการรอคอยอะไรอีกต่อไปแล้ว
เมื่อเห็นนัยน์ตาดุดันเย็นชาของเธอ หัวใจของอวี้อี่มั่วสับสนวุ่นวาย ก่อนจะเม้มปากจนเป็นเส้นตรง แล้วพูดออกมาเสียงเบาว่า "เธอกลับไปพักที่บ้านสักวันสองวัน ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง"
หร่วนซือซือกลับไปพักผ่อนที่บ้านวันสองวัน ก็สามารถหลบซ่อนจากสวี่เฟิงหมิงได้พอดี
หร่วนซือซือหลุบตามองต่ำ ขนตากระพริบเบาๆ หลังจากนั้นไม่กี่วินาที คล้ายกับว่าตัดสินใจได้แล้ว ยื่นมือเข้าไปในกระเป๋าสัมผัสกับกระเป๋าผ้าสีแดงแล้วนำมันยัดคืนให้กับอวี้อี่มั่ว "อันนี้คืนให้คุณค่ะ"
"หลังจากวันนี้เป็นต้นไป พวกเราก็ไม่ต้องมีอะไรที่จะพัวพันกันแล้วนะคะ"
เมื่อพูดจบประโยค ไม่รอให้อวี้อี่มั่วได้เอ่ยปากขึ้น เธอก็หมุนตัวแล้วเดินจากไปในทันที
นับตั้งแต่ที่จดทะเบียนสมรสกับเขา ชีวิตที่แต่เดิมเป็นปกติและเรียบง่ายของเธอกลับถูกรบกวน แต่ตอนนี้เธอไม่อยากที่จะมีเรื่องพัวพันอะไรกับเขาอีกต่อไปแล้วล่ะ
เมื่อสบมองแผ่นหลังของหร่วนซือซือที่ค่อยๆจากไป อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วแน่น ก้มลงสบมองกระเป๋าผ้าสีแดงในมือ ก่อนที่คิ้วจะขมวดแน่นขึ้นไปมากกว่าเดิม
เมื่อกลับมาถึงแผนก หร่วนซือซือก็รู้สึกว่าสายตาของทุกคนที่มองเธอไม่ค่อยจะดีนัก เสี่ยวห่านลุกจากที่นั่งทำงาน เดินตรงมาทางเธอ ก่อนจะเอ่ยบอกเสียงเบาว่า "ซือซือ ผู้จัดการบอกว่าถ้าเธอกลับมาแล้วให้ไปหาเธอหน่อยน่ะ"
หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าลึกๆ จัดแจงท่าทางให้ปกติดั่งเดิม ก่อนจะพยักหน้าให้เธอ แล้วสาวเท้าก้าวเข้าไปในห้องทำงานของผู้จัดการ
เปิดประตูเข้ามา ผู้จัดการหลันที่ได้ยินเสียงก็เงยหน้าขึ้นมองไปทางเธอ ก่อนจะถอนหายใจหนึ่งครั้งแล้วพูดว่า "สองวันนี้เธอกลับไปพักผ่อนที่บ้านก่อนนะ ประกาศออกไปแล้วล่ะ อนุมัติให้เธอลาหยุดแล้วจ้ะ"
หร่วนซือซือพยักหน้าหงึก ไม่ได้พูดอะไรออกไปมากนัก "ขอบคุณค่ะพี่หลัน"
เมื่อออกมาจากห้อง เธอก็ตรงไปยังห้องทำงานของตัวเอง ก่อนจะจักเก็บสัมภาระให้เรียบร้อย ต่อหน้าสายตาทุกคู่ของทุกคน หลังจากนั้นก็เดินตรงออกจากห้องทำงานไป
จ้องมองไปยังใบหน้าที่ปูดบวม ไม่ว่าหร่วนซือซือจะไปที่ไหน ก็สามารถดึงดูสายตาของคนรอบข้างได้ทั้งหมด จนสุดท้ายแล้วเธอจึงต้องสวมใส่แมสอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อปกปิดความจริง
ในระว่างทางกลับบ้าน จู่ๆเธอก็ลังเลขึ้นมาทันที ถ้าหากว่าเธอกลับบ้านทั้งๆที่ใบหน้าปูดบวมแบบนี้ คุณนายหลิวและศาสตราจารย์หร่วนต้องบ่นไม่หยุดแน่ เมื่อถึงตอนนั้นแล้วก็กลัวว่าเธอจะไม่มีทางอธิบายอะไรได้
ลมหายใจถูกสูดเข้าลึกๆแรงๆหนึ่งที หร่วนซือซือแวะร้านขายยาข้างทางก่อนจะซื้อยาน้ำและสำลีก้าน ก่อนจะแวะเข้าร้านค้าเพื่อซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แล้วตรงเข้าไปเปิดห้องที่โรงแรมว่านเมิ้งทันที
เมื่อหาข้ออ้างลวกๆอย่างขอไปทีให้กับคุณนายหลิวได้แล้ว หร่วนซือซือถึงได้มีเวลาว่าง ต้มน้ำร้อนใส่บะหมี่ถ้วย
สามนาทีต่อมา เธอหยิบส้อมที่ใช้ได้แค่ครั้งเดียวขึ้นมา ใบหน้าบวมแดง ประคองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ทั้งน่าสงสารและดูจนตรอก
หร่วนซือซือแสบร้อนไปทั่วจมูก ก่อนที่น้ำตาจะไหลหยดลงมาดังติ๋งติ๋ง
ทำไมเธอถึงดูน่าเวทนาถึงเพียงนี้นะ?