ณ หมู่บ้านจิ้นนอกเมืองที่ห่างไกลออกไป
ตระกูลจิ้นตั้งอยู่บริเวณตีนเขา ซึ่งเป็นที่ห่างไกลออกไปอีก
ด้านในลานตรงรั้วนั้นเต็มไปด้วยกล้วยไม้ที่นางขุดมาจากภูเขา
จิ้นเฟิงเหนียนรออยู่ที่บ้านแต่เช้าตรู่เพื่อต้อนรับฟู่จิ่วชิงอย่างมีความสุข เพียงแต่ขาของเขายังคงเดินกะเผลกๆ เห็นได้ชัดว่าเขายังมิหายดี
ฟู่จิ่วชิงเดินเข้าไปด้านในบ้านโดยมิได้เอ่ยอันใดออกมา กลับเป็นจิ้นเยว่ที่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น
ซวงจือรู้ดีว่าควรทำอย่างไร นางเดินถือกาต้มน้ำที่วางอยู่บนเตาในลานบ้าน และเข้าไปชงชาอย่างรวดเร็ว
อีกฟากหนึ่งของรั้ว เสิ่นเย่เซิงยืนโบกมือให้นางอยู่
เมื่อตอนที่นางออกเรือนเป็นเพราะชีวิตของบิดาตกอยู่ในอันตราย นางจึงจัดการอย่างเร่งรีบ "เจ้ามาได้อย่างไรกัน?"
เสิ่นเย่เซิงมิได้เอ่ยอันใดออกมา ทั้งสองเดินไปที่ลำธารที่อยู่ข้างเรือนด้วยกันอย่างเงียบๆ
"ให้เจ้า!" เสิ่นเย่เซิงยื่นสร้อยข้อมือไม้ให้นาง "เจ้ารู้ดีว่าข้ามิมีของมีค่าใด และมิมีเงินพอที่จะซื้อของขวัญใดๆให้แก่เจ้า ข้าทำเองกับมือ มันอาจไร้ค่าราคา แต่ก็นับว่าเป็นน้ำใจจากข้า ตระกูลฟู่มิขาดแคลนสิ่งใด ถือว่าเป็นของที่ระลึกจากข้าแล้วกัน อย่าได้รังเกียจไปเลย"
เสิ่นเย่เซิงเป็นบุตรชายของป้าเสิ่น ตระกูลเสิ่นนั้นมาจากต่างถิ่น นับว่าเป็นคนนอกตระกูล อย่างไรก็ตาม ตระกูลเสิ่นมีผู้สอบติดซิ่วฉายอยู่สองคน นับว่ามีชื่อเสียงมากแล้วในสถานที่เล็กๆเช่นนี้ ดังนั้นคนในหมู่บ้านจิ้นจึงปฏิบัติต่อตระกูลเสิ่นอย่างค่อนข้างเกรงอกเกรงใจ
เมื่อมาถึงรุ่นนี้ ตระกูลเสิ่นก็เหลือเพียงแค่เสิ่นเย่เซิงคนเดียวเท่านั้น
ทว่าเสิ่นเย่เซิงมิชอบศึกษาตำรา เขามักจะไปยังถ้ำที่เชิงเขาเพื่อทำสิ่งที่เขาชื่นชอบนั่นคือประดิษฐ์สิ่งของจากไม้ จิ้นเยว่ได้นำไม้ดีๆมาให้เขาหลายครั้งหลายครา เวลาผ่านไปไม่นานทั้งสองก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
"ระหว่างเจ้าและข้า จะต้องกล่าวเช่นนี้ด้วยหรือ?" จิ้นเยว่สวมมันเข้าที่ข้อมือของตนโดยมิพูดอะไรเลย "โอ้โห! ช่างพอดีเหลือเกิน! แท้จริงแล้วข้าเองก็อยากได้สร้อยข้อมือมาโดยตลอด แต่เจ้าก็รู้ว่าข้ามีกำลังมาก พวกเครื่องหยกเหล่านั้นมิทนทานเอาเสียเลย! ที่เจ้าให้ข้ามานี้ช่างถูกใจข้าเหลือเกิน!"
"จริงหรือ?" ดวงตาของเสิ่นเย่เซิงเป็นประกาย
"จริงสิ!" จิ้นเยว่พยักหน้า ทันใดนั้นใบหน้าของนางก็นิ่งลง "เอ่อคือ……หากว่าเจ้ามิมีธุระอันใดแล้ว เจ้าจงกลับไปก่อนเถิด!"
เสิ่นเย่เซิงผงะไปครู่หนึ่งแล้วมองตามสายตาของนางไป พบว่าฟู่จิ่วชิงแต่งกายด้วยชุดสีขาวยืนอยู่อย่างเงียบๆตรงลานบ้าน เขาดูเหมือนจะมองมายังที่นี่ มิรู้ว่าเขายืนอยู่ที่นั่นตั้งแต่เมื่อไร
"อืม ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ!" เสิ่นเย่เซิงรีบวิ่งหนีไปทันที
จิ้นเยว่สะบัดแขนเสื้อของนางแล้วจงใจรูดสิ่งของบนข้อมือขึ้นมาให้สูงจากนั้นเดินกลับไปช้าๆ
เมื่อนางไปถึงประตูลานบ้าน นางก็หยุดฝีเท้าลงมิกล้าเดินต่อไปอีก
เมื่อพบว่าสีหน้าของฟู่จิ่วชิงไร้ซึ่งอารมณ์ ดวงตาของเขามืดมน แม้ว่าในวันนี้แดดจะแรงยิ่งแต่เมื่อกระทบมายังเขา กลับกลายเป็นความเยือกเย็นชวนหวาดกลัว
จิ้นเยว่รู้สึกเพียงว่าขนทั่วร่างกายของนางลุกขึ้น ราวกับว่านางทำอะไรที่น่าละอายลงไปจึงมิกล้าสบตากับเขาโดยตรง
"มานี่!" ฟู่จิ่วชิงพูดด้วยเสียงต่ำหนักแน่น
จิ้นเยว่ซ่อนมือของนางไว้ข้างหลังนาง และก้าวไปข้างหน้าสองก้าว
ฟู่จิ่วชิงเหล่ตามองนาง น้ำเสียงของเขาหนักแน่นขึ้นเล็กน้อย "มานี่!"
"ข้ารู้แล้ว จะทำดุข้าเช่นนั้นทำไม?" นางมิทำอะไรผิดแท้ๆ แต่มิรู้ว่าเหตุใดนางจึงต้องกลัวเขา? ก็แค่คนขี้โรค จะกัดกินนางได้หรืออย่างไร?
จิ้นเยว่ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวและในที่สุดก็ยืนอยู่ตรงหน้าเขา "มีอะไรงั้นหรือ?"
ลมในฤดูใบไม้ร่วงพัดใบไม้สีเหลืองสองสามใบจากที่ไหนสักแห่ง โบยบินอยู่ด้านบนและมาติดอยู่ที่โคนกำแพง
นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ฟู่จิ่วชิงท่ามกลางแสงแดดอย่างดื้อรั้น
ชายหนุ่มผู้ยืนหันหลังให้แสงแดดทำให้ผิวของเขาขาวผ่องมากขึ้น ขนตาอันยาวหนาของเขาปิดบังดวงตาไว้ครึ่งหนึ่ง รูม่านตาของเขามืดลึกมิแวววาว ดูเหมือนสามารถกลืนคนเข้าไปทั้งตัวได้ แต่กลับมีเสน่ห์ดึงดูดอย่างน่าแปลกประหลาด
เขาก้มลงเล็กน้อย ปลายจมูกของเขาเกือบแตะปลายจมูกของนาง น้ำเสียงเย็นชาของเขาฟังแล้วช่างน่ากลัว "จะให้ข้าถอดให้หรือไม่?"
MANGA DISCUSSION