เมื่อเห็นว่าสวี่โมโม่กำลังถูกหามออกไปจิ้นเยว่ก็เปิดประตูออกไปอย่างระมัดระวัง
ซวงจือกำลังสั่งคนให้ไปเปิดประตูบ้าน ทันใดนั้นก็พบว่าคุณหญิงเดินออกมา จึงรีบเข้าไปทำความเคารพว่า "คุณหญิง มิมีอันใดแล้วเจ้าค่ะ มิมีแล้ว!"
จิ้นเยว่ขมวดคิ้ว "นี่เป็นความคิดของเจ้ารึ?"
ซวงจือรีบส่ายหัว นางมิกล้ายอมรับหรือปฏิเสธ เพียงแค่เหลือบไปมองจวินซานซึ่งยืนอยู่ที่ประตู
เมื่อเห็นเช่นนั้น จิ้นเยว่ก็เข้าใจทันที
"วันนี้จงสงบเสงี่ยมหน่อย วันพรุ่งนี้จะเดินทางกลับไปยังบ้านบิดามารดาเจ้า อย่าได้เป็นอะไรไปเสียก่อน!"ฟู่จิ่วชิงก้าวขาเดินออกไปราวกับว่ามิมีสิ่งใดเกิดขึ้น
จิ้นเยว่ได้แต่ตกตะลึง นางเห็นร่างสีขาวผ่องดุจดวงจันทร์ค่อยๆหายไปตรงมุมทางเลี้ยว
"คุณหญิงเจ้าคะ บ่าวจะไปจัดเตรียมสิ่งของให้เจ้าค่ะ" ซวงจือโค้งทำความเคารพ
จวินซานเดิมตามหลังคุณชายอย่างเงียบๆ
"เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วหรือ?"ฟู่จิ่วชิงกล่าวอย่างเย็นชา
จวินซานพยักหน้า "มิต้องกังวลขอรับคุณชาย ของกำนัลทุกอย่างได้จัดเตรียมอย่างดี คุณหญิงจะมิเสียหน้าแน่ขอรับ"
"นั่นเป็นศักดิ์ศรีของตระกูลฟูเช่นกัน" เขาเอามือไขว้หลังแล้วหยุดฝีเท้าลง
เมื่อมองไปยังตะเกียงตรงทางเดินซึ่งถูกลมพัดแกว่งไปมา ดูเหมือนจะมีบางอย่างพลุ่งพล่านขึ้นในดวงตาของเขา แต่มันกลับถูกระงับไว้อย่างรวดเร็ว
เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง คลื่นนั้นก็จางหายไป
"คุณชายขอรับ บ่าวมีบางสิ่งที่มิรู้ว่าควรจะเอ่ยออกมาดีหรือไม่?" จวินซานก้มศีรษะลงเล็กน้อย
"เช่นนั้นก็ไม่ต้องเอ่ย" ฟู่จิ่วชิงเดินตรงออกไป
จวินซานอ้าปากค้าง ในใจเขาสะดุ้งเล็กน้อยจากนั้นก็ปรากฏรอยยิ้มเยาะเย้ยตน คนฉลาดอย่างคุณชายจะไม่เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะถามได้อย่างไร คงจะเป็นเรื่องใดมิได้นอกจากสวี่โมโม่
หากว่าทำให้ฮูหยินใหญ่โมโหขึ้นมาจริงๆ คาดว่านางคงจะไปฟ้องนายท่านแน่
อย่างไรเสียฮูหยินใหญ่ก็เป็นผู้อาวุโส และสวี่โมโม่ก็เป็นบ่าวรับใช้นับแต่เข้าเรือนของฮูหยินใหญ่!
ในค่ำคืนนี้ ฟู่จิ่วชิงมิได้เดินทางมา
ที่เรือนซ่างอี๋มีห้องมากมาย
เมื่อนั่งอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง จิ้นเยว่ก็ล้างแป้งหนาเตอะบนใบหน้าของนางออก
เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวผู้อยู่ในกระจกงดงามยิ่ง แต่เนื่องจากมีสิ่งแปลกปลอมเหล่านั้นบนใบหน้า ทำให้มองมิเห็นความงามของนางอย่างแท้จริง
"อืม เช่นนี้ค่อยสบายตาขึ้นมาหน่อย!" จิ้นเยว่ยิ้มให้กับกระจก "นับแต่นี้อย่าทาของเหล่านี้ให้ข้าอีกล่ะ ข้ามิชอบมัน!"
"คุณหญิงเจ้าคะ นี่คือกฎในบ้าน" ซวงจือหวีผมของจิ้นเยว่แต่มิกล้ามองหน้านาง บรรยากาศการสนทนาเปลี่ยนไปอย่างเงียบ ๆ "บ่าวได้ยินมาว่าสวี่โมโม่เรียกหมอมา!"
จิ้นเยว่ผงะ "ร้ายแรงหรือไม่?"
"มีหมออยู่ในจวนคอยดูแลนาง คุณหญิงมิต้องกังวลไปเจ้าค่ะ!" ซวงจือถอดที่ติดผมแล้วนำไปใส่ในกล่องด้วยท่าทางนอบน้อม "อีกอย่าง สวี่โมโม่ยังเป็นบ่าวรับใช้ยามออกเรือนของฮูหยินใหญ่ ฮูหยินใหญ่คงมิกล้าปฏิบัติต่อนางไม่ดีแน่"
"ต่อให้เป็นเช่นนั้น ฮูหยินใหญ่ก็คงมิปล่อยข้าไปง่ายๆมิใช่หรือ?" จิ้นเยว่คาดเดาออกมา
ซวงจือตกตะลึง อืม มองแล้วคงจะเป็นเช่นนั้น……
จิ้นเยว่ลุกขึ้นและเดินไปที่อ่างอาบน้ำอย่างช้าๆ "จิ้งจอก!"
"คุณหญิงต้องการจะเลี้ยงจิ้งจอกหรือเจ้าคะ?" ซวงจือมิเข้าใจความหมายของจิ้นเยว่
"ข้าเคยถูกจิ้งจอกกัด จะให้ข้าเลี้ยงมันอีกงั้นหรือ ข้ามิรักชีวิตหรือไร?" จิ้นเยว่กลอกตามองนางแล้วก้าวลงไปในอ่างอาบน้ำ
หมอกควันลอยอบอวล หญิงงามผิวขาวราวหยก
เพียงแต่ว่า……
"คุณหญิงเจ้าคะ เหตุใด……" ซวงจือตกอกตกใจ "เหตุใดคุณหญิงจึงมีรอยแผลเป็นบนร่างกายมากมายเช่นนี้?"
เป็นจริงดังนั้น
มีรอยแผลเป็นเก่าๆ ที่หลัง ไหล่ และแม้แต่หน้าอก
แม้ว่าอาจจะเทียบมิได้กับร่างกายอันมีเสน่ห์ของฟู่จิ่วชิง แต่ผิวพรรณของจิ้นเยว่ยังคงขาวกว่าคนทั่วไป ดังนั้นรอยแผลเป็นบนร่างกายของนางมองไปจึงดูน่ากลัวเล็กน้อย
"ตอนที่ข้ายังเด็ก ข้ามักเล่นซนจนเกิดแผล"จิ้นเยว่กล่าวออกมาลอยๆ
นางจำมิได้จริงๆว่ารอยแผลเป็นเหล่านี้มาจากไหน?
บิดาของนางบอกว่านางมีนิสัยซนในตอนเด็ก และมักล้มอยู่เสมอ!
แน่นอนว่าจิ้นเยว่มิเชื่อเลย โดยเฉพาะบริเวณหน้าอกของนาง เห็นได้ชัดว่าเป็นรอยจากลูกธนู จะเกิดจากการหกล้มได้อย่างไร? แต่ในเมื่อบิดาของนางมิยอมเล่า นางเองก็มิอยากซักถาม เรื่องบางเรื่องอาจถูกลิขิตให้ลืมก็เป็นได้!
อย่างไรเสียสิ่งที่ลืมได้ก็คงมิมีความสำคัญอีกต่อไป!
เช้าวันรุ่งขึ้น ก่อนรุ่งสาง จิ้นเยว่ถูกปลุกขึ้นมาประแป้งหนาเตอะลงบนใบหน้าของนาง
ซวงจือเชี่ยวชาญด้านนี้มากขึ้นเรื่อยๆ นางถือแปรงไว้ในมือ ท่าทางของนางดูคล่องแคล่ว ราวกับว่านางกำลังลงสีกำแพงอย่างไรอย่างนั้น หาได้เงอะงะแต่อย่างใด
ฟู่จิ่วชิงรออยู่ที่ประตูจวน เมื่อเห็นร่างของนางเดินออกมา คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย สื่อให้เห็นถึงความรังเกียจ
ใบหน้าอันถูกโบกด้วยแป้งหนาเตอะของนางนั้น จิ้นเยว่เองก็เบื่อหน่ายเช่นกัน จากนั้นจับชายกระโปรงแล้วเดินตามฟู่จิ่วชิงเข้าไปในรถม้า
นางยังมิทันจะนั่งลงแต่อย่างใด ใครบางคนก็นำมือขึ้นปิดจมูกและปากกระแอมและกล่าวว่า "ไปนั่งด้านหลัง!"
จิ้นเยว่ "……"
"ไปนั่งด้านหลัง!" เขาเอ่ยย้ำอีกครั้งด้วยใบหน้าอันเย็นชา และจ้องมาที่นางอย่างเยือกเย็น
จิ้นเยว่กัดฟันกรอดๆ "ไปก็ไปสิ!"
เรื่องเหล่านี้พวกเจ้าเป็นคนตั้งกฎขึ้นมาเอง บัดนี้กลับมารังเกียจข้างั้นหรือ!
หากมิเพราะในวันนี้ต้องเดินทางกลับไปยังบ้านบิดามารดา และนางมิต้องการให้ผู้ใดมาหัวเราะเยาะบิดาของนางละก็ นางคงจะ……
เจ้าขี้โรคนี่ช่างมีปัญหามากมายเสียจริง!
MANGA DISCUSSION