จิ้นเยว่หดคอของนางลงและปิดบาดแผลเอาไว้ นางกล่าวออกมาเบาๆว่า "ข้าเจ็บ……"
ฟู่จิ่วชิงขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
หลังจากกลับมาที่เรือนซ่างอี๋ จิ้นเยว่ยังคงรู้สึกเหมือนฝัน
นางเอ่ยลับหลังว่าฟู่จิ่วชิงเป็นสุนัข แต่คราวนี้เขามิได้คิดบัญชีกับนาง?
เมื่อเข้าไปในห้องแล้ว ฟู่จิ่วชิงก็นั่งลงตรงหน้าโต๊ะ "จวินซาน ไปเอาตลับยาสีฟ้าในลิ้นชักของข้ามา!"
จวินซานชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ก็รีบคารวะแล้วเดินออกไป
"นั่งนี่สิ!" ฟู่จิ่วชิงเอ่ยด้วยใบหน้าเย็นชา
จิ้นเยว่นั่งลงอย่างบูดบึ้ง ทั้งๆที่เขาเป็นผู้ทำผิดมากัดนางก่อน และตอนนี้มองดูราวกับว่านางทำอะไรผิดเสียอย่างนั้น
เขาลูบแขนของนาง รอยฟันสีแดงช่างเด่นชัดยิ่ง
"คุณชายขอรับ!" จวินซานวางตลับยาลงด้วยความนอบน้อม จากนั้นขยิบตาให้ซวงจือที่อยู่ด้านข้างก่อนที่ทั้งสองออกจากห้องไปพร้อมกัน
"โอ๊ย……" จิ้นเยว่อุทานออกมาด้วยความเจ็บปวด "เบาๆหน่อย!"
ฟู่จิ่วชิงมองไปที่แขนอันขาวเหมือนหยกของนาง ดวงตาของเขามืดลงเล็กน้อย แต่ก็มิได้เอ่ยอันใดออกมา เขาทายาเบามือลงกว่าเดิมเล็กน้อย
"นี่คือยาอะไรกัน?" เนื่องจากในห้องเงียบสงบจนทำให้จิ้นเยว่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ดังนั้นนางจึงเอนตัวไปข้างหน้าและเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา "อืม กลิ่นหอมอ่อนๆ น่าดม"
ฟู่จิ่วชิงเผยอริมฝีปากขึ้น เขาจุ่มสำลีลงไปแต่มิได้ตอบสนอง จากนั้นใช้ผ้าพันแผลพันรอบแขนของนางด้วยท่าทางอ่อนโยนอย่างยิ่ง
แต่จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงดังขึ้น
จวินซานก้าวเข้าไปในประตูอย่างรวดเร็ว "คุณชายขอรับ คุณชายรองมาขอพบขอรับ!"
คงจะเป็นเพราะเรื่องที่โรงหมอเป็นแน่
แน่นอนว่าจวินซานมิกล้าเอ่ยถึงการคาดเดานี้ออกมา
ฟู่จิ่วชิงมิได้เอ่ยอันใด เขาเพียงลูบข้อมือของจิ้นเยว่เบา ๆ
มีลมพัดเข้ามาจากด้านนอกประตู และฟู่หยุนเจี๋ยก็ก้าวมาอย่างรวดเร็ว "ฟู่จิ่วชิง เจ้าหมายความว่าอย่างไร?กันแน่"
เมื่อจ้าวฝูฮุ่ยกลับเรือน นางก็เอาแต่ร้องไห้ร้องห่ม และใส่สีตีไข่กล่าวถึงเรื่องในโรงหมอออกมา อย่างไรก็ตามเป็นความจริงที่นางมีรอยฟกช้ำบนร่างกาย ดังนั้นต่อให้เป็นความจริงเพียงครึ่งก็น่าเชื่อถือ
"จงระมัดระวังอย่าให้ถูกน้ำ" ฟู่จิ่วฉิงเอ่ยเตือน
ประโยคนี้เขากำชับกับจิ้นเยว่
ฟู่หยุนเจี๋ยขมวดคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ดูเหมือนว่า……ภรรยาของน้องห้าก็ได้รับบาดเจ็บด้วย?
"เหตุใดจึงต้องกลั่นแกล้งภรรยาของข้าด้วย?" ฟู่หยุนเจี๋ยถามขึ้นอย่างจริงจัง "เจ้าผลักนางลงไปที่พื้นและทำร้ายนางจนสาหัส แต่กลับมิแม้แต่จะเอ่ยคำขอโทษ! เป็นเพียงสตรีบ้านนอกที่แต่งเข้ามาในตระกูลฟู่ทั้งยังมิเข้าใจกฎของตระกูลแม้แต่น้อย ในวันนี้หากเจ้ามิให้คำอธิบายแก่ข้า ข้าจะนำเรื่องไปฟ้องท่านพ่อท่านแม่แน่นอน"
ฟู่จิ่วชิงยืนขึ้นและเอ่ยลอยๆ สีหน้าไร้ความรู้สึกว่า "เชิญไปฟ้องเถอะ"
"ฟู่จิ่วชิง!" ฟู่หยุนเจี๋ยอุทานออกมาด้วยความโมโห
สตรีนางนี้มีดีอะไรกัน? ดูซีแป้งบนใบหน้าก็เลอะเทอะเปรอะเปื้อน เว้นแต่รูปร่างที่นับว่าดี ผิวขาว แต่พฤติกรรมหยาบคายกว่าสตรีในหอเหลียนฮวาอีกเสียด้วยซ้ำ มิรู้ว่าเหตุใดท่านพ่อจึงได้ตาบอดและปล่อยให้คนเยี่ยงนี้ก้าวเข้ามาในประตูตระกูลฟู่ได้ มีแต่จะทำให้ตระกูลฟู่ต้องเสื่อมเสีย!
"เสียงดังจริง!" ฟู่จิ่วชิงกระแอมออกมาเบาๆ ใบหน้าของเขาซีดอย่างน่าประหลาด
"ดูสิว่าเจ้าจะแต่งงานกับอะไร นางช่างหยาบคายเสียจริงๆ ลงไม้ลงมือทุบตีผู้อื่น คิดว่าตระกูลฟู่มิมีกฎเกณฑ์จริงๆงั้นหรือ?" ฟู่หยุนเจี๋ยชี้ไปที่จิ้นเยว่
"ข้ามิได้……" จิ้นเยว่กำลังจะเอ่ยแย้งบางสิ่ง แต่ถูกสายตาของฟู่จิ่วชิงจ้องมา
ประโยคนั้นยังมิทันกล่าวจบ นางก็กลืนน้ำลายลงคอไป
หากมิใช่เพราะความคิดอันมิบริสุทธิ์ของจ้าวฝูฮุ่ย นางจะล้มได้อย่างไรเล่า?
"ดี! ดียิ่ง!" ฟู่หยุนเจี๋ยส่งเสียงหึๆในลำคอ "ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปบอกกับท่านพ่อ เจ้ารอถูกลงโทษตามกฎของตระกูลเถอะ!"
กฎของตระกูล?
เมื่อฟู่หยุนเจี๋ยเดินออกไป จิ้นเยว่ก็เอ่ยถามอย่างกล้าๆกลัวว่า "กฎของตระกูลคืออันใดงั้นหรือ?"
"มิได้ใช่คลื่นลูกใหญ่ใดๆ" ฟู่จิ่วฉิงดูเหมือนอยากจะเอ่ยอะไรบางอย่างออกมา แต่ในท้ายที่สุดเขาก็มิได้เอ่ยมัน กลับเดินช้าๆ ออกไปด้านนอก
จิ้นเยว่ยืนงงอยู่ตรงนั้นสักพัก นางยังคงมิเข้าใจ รอยแผลนั้นมีอาการคันเล็กน้อย แต่ผ้าพันแผลก็หนาเหลือเกิน แม้นางอยากจะเกา……แต่ก็เกามิได้ ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงใช้มือจับมันไว้
"ซวงจือ บอกข้าเกี่ยวกับกฎของตระกูลฟู่ได้หรือไม่?" จิ้นเยว่บีบแขนของตนเอาไว้
ซวงจือพยักหน้าอย่างงงงวย "คะ ได้เจ้าค่ะคุณหญิง!"
ค่ำคืนนั้น ฟู่จิ่วชิงมิได้มาร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วย
และจิ้นเยว่หวังว่าเขาจะมิมาทำลายความเงียบสงบนี้
ฟ้ายังมิทันสาง ซวงจือก็รีบมาปลุกนางที่เตียงและกล่าวว่าฟู่จิ่วชิงอาการป่วยหนัก ดังนั้นจึงให้นางรีบไปดูแลเขา
"เมื่อวานนี้ยังดีๆอยู่มิใช่หรือ?" จิ้นเยว่ถูกลากขึ้นมาจากเตียง นางรีบสวมใส่เสื้อผ้าแล้วเดินออกไป
ช่างขี้โรคเสียจริง!
MANGA DISCUSSION