ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 662
บทที่ 662
“เพียะ!”
เสียงที่กังวานก้องอยู่ในห้องประชุม
ไป๋เจียวยิ่งเพราะว่าตบหนึ่งทีนี้นั่งลงอยู่กับพื้นโดยตรง
หลี่จู้จ้องมองไป๋เจียวอย่างโหดร้าย “ไป๋เจียว คุณเห็นผมไม่เข้าตา ผมไม่แคร์ แต่นี่เกี่ยวอะไรกับภรรยาของผมหรือ?”
พูดจบ หลี่จู้ยกเท้าขึ้นเตะไปหนึ่งที เตะอยู่ที่น่องของไป๋เจียว สีหน้าที่อยู่บนใบหน้ากลายเป็นโหดเหี้ยมขึ้นมา “ภรรยาผมทำผิดอะไรหรือ? ลูกชายผมทำผิดอะไรอีกหรือ? แม่มึงเอ่ยคุณรู้หรือไม่ นั่นคือลูกชายแท้ๆของผม! อายุเขาไม่ถึงสิบปี คุณหญิงงูพิษคนนี้!” พูดทุกหนึ่งคำ หลี่จู้ก็จะเตะไป๋เจียวหนึ่งที
“พวกคุณตระกูลไป๋เก่งมากจริงๆ ผมหลี่จู้ไม่คู่ควรกับคนที่ฐานะเดิมสูงส่งขนาดนี้อย่างคุณจริงๆ ผมเชื่อฟังคุณอย่างนอบน้อมถ่อมตนทุกอย่าง คุณพูดอะไรผมล้วนให้คุณพึงพอใจ คุณอยากได้ที่ดินผืนนี้ ผมให้คุณก็ได้ แต่เงื่อนไขข้อแรกคือห้ามเหยียบเส้นตายของผม!”
“กูเป็นคน แม่มึงเอ่ยกูก็มีเส้นตายเช่นกัน!”
ไป๋เจียวถูกหลี่จู้เตะจนสั่นระริกทั้งตัว เจ็บปวดเหลือเกิน นัยน์ตาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัวเช่นกัน แต่เธอไม่ได้ขอร้องให้ยกโทษให้เลย น้ำเสียงแข็งกระด้างเหมือนเดิม “หลี่จู้! คุณกล้าตีฉัน! คุณรู้ผลลัพธ์ที่ทำเช่นนี้หรือไม่ล่ะ? คุณสวะไอ้ขยะคนนี้ ทุกคนจะไม่ปล่อยคุณไป!”
หลี่จู้หัวเราะเย็นชา “ใช่หรือ?”
พูดอยู่ เขานั่งยองๆลงไป มือหนึ่งจับคางของไป๋เจียวไว้ โหดเหี้ยมพูดว่า “พวกคุณล้วนถูกไฟรุนแรงเหตุสุดวิสัยเผาจนตายแล้ว ตระกูลไป๋จะไม่ปล่อยผมได้ยังไง พวกคุณจะเป็นยังไงเกี่ยวอะไรกับผมล่ะ?”
ไป๋เจียวยิ่งเพิ่มความหวาดกลัวแล้ว “ตกลงว่าคุณอยากจะทำอะไรกันแน่?”
“คุณไม่กลัวพวกเราตระกูลไป๋แล้วหรือ? คุณไม่ใช่แม้แต่ลูกชายของตนเองล้วนไม่เอาแล้วหรือ? คุณ……” ไป๋เจียวดูเหมือนไม่ยอมเชื่อหลี่จู้ถึงขนาดกล้าแตะต้องเธอ
หลี่จู้ตบไปอีกหนึ่งที “แม่มึงเอ่ยงั้นเป็นกูไม่อยากจะเอาหรือ? นั่นคือลูกชายแท้ๆของกู ถ้ากูเก็บเขาไว้อยู่ข้างกาย แม่มึงเอ่ยมึงก็จะตีเขาตายทั้งเป็น!”
“ก่อนหน้านั้นกูหวาดกลัวตระกูลไป๋ แต่ว่าเมื่อกี้กูพูดอย่างชัดเจนแล้ว พวกมึงคนทั้งหลาย วันนี้ล้วนต้องตายอยู่ในไฟ แม่มึงเอ่ยใครจะรู้ว่าเป็นกูทำล่ะ?”
ไป๋เจียวในยามนี้แข็งกระด้างขึ้นมาอีกไม่ได้แล้ว เธอเหลือเพียงแค่ความหวาดกลัวที่ไร้ขอบเขต
คำพูดของหลี่จู้ทำให้คนทั้งหลายที่อยู่ในนั้นล้วนหวาดกลัวแล้ว
พวกเขาอยากจะหนีออกจากที่นี่ แต่ว่า พวกเขาพบเห็นว่าทั้งตัวล้วนไม่มีเรี่ยวแรง แม้แต่ลุกก็ลุกไม่ขึ้น
ไป๋ยี่เฟยก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาเช่นกัน เนื่องเพราะคำพูดของหลี่จู้เมื่อกี้ สายตาของเขามองเห็นกระถางดอกไม้อันนั้นที่อยู่ตรงกลางห้องประชุม ยังมีกลิ่นหอมดอกไม้บางๆที่อยู่ในกลางอากาศ
“ดอกไม้นี้มีพิษ!” ไป๋ยี่เฟยร้องตะโกนเสียงหนึ่ง
ฉีฉีเห็นสภาพทันทีนั้นอาศัยว่าตนเองยังมีเรี่ยวแรงเล็กน้อย กระโดดลอยขึ้นเตะกระถางดอกไม้อันนั้นหนึ่งทีจนล้ม จากนั้นดึงดอกไม้ทั้งหมดออก
หลี่จู้ ฮ่าฮ่า หัวเราะเสียงดัง “ฮ่าฮ่า……ไม่มีประโยชน์ สายเกินไปแล้ว”
พวกเขาใครๆล้วนนึกไม่ถึงว่าจะพัฒนามาเป็นเช่นนี้
ไป๋ยี่เฟยพวกเขาคิดว่าจะพลิกกลับ ผลสุดท้ายเป้าหมายที่ฝั่งตรงข้ามจะพุ่งไปจริงๆไม่ใช่ตนเองเลย
อยู่ดีๆ ไป๋ยี่เฟยตื่นกระจ่างขึ้นมา
เขานึกถึงซาเฟยหยางบอกเป็นนัยกับเขาอยู่ในตลาดของโบราณ เป้าหมายเริ่มแรกของเขาเป็นกระบี่สั้นด้ามนั้น แต่เป้าหมายที่แท้จริงที่จริงแล้วเป็นของเล่นน้อยๆชิ้นนั้น
ไป๋ยี่เฟยคิดว่า หรือว่าอยู่ก่อนหน้านี้ ซาเฟยหยางก็สังเกตถึงอะไรแล้วหรือ?
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คนคนนี้เป็นไปได้มากก็คือซาเฟยหยาง แต่ถ้าหากว่าเป็นเขาจริงงั้นคนที่อยู่ในหลุมฝังศพคนนั้นเป็นใครอีกล่ะ?
แต่ว่าตอนนี้ไม่มีเวลาไปคิดสิ่งเหล่านี้ ตอนนี้รักษาชีวิตไว้สำคัญกว่า
ไป๋ยี่เฟยร้องบอกกับคนของตนเองเสียงหนึ่ง “ไป!”
หลี่จู้พูดแล้ว พวกเขาจะถูกไฟรุนแรงเหตุสุดวิสัยเผาตาย ก็พูดได้ว่าหลี่จู้จะวางเพลิง งั้นพวกเขาจำเป็นต้องออกจากที่นี่
แต่ว่า ไป๋ยี่เฟยลุกขึ้น วินาทีถัดมาก็ล้มนั่งอยู่บนเก้าอี้ใหม่อีกครั้ง ทั้งตัวไร้เรี่ยวแรง เวียนหัวตาลาย
มองคนอื่นๆอีก คนที่เคยฝึกวรยุทธมา ร่างกายแข็งแกร่งกว่า ฝืนใจดีขึ้นหน่อย คนที่ไม่เคยฝึกฝนมาก่อน เหมือนดั่งสวี่ชางกับเย่ฮวน ล้มสลบไปโดยตรง
สีหน้าของฉีฉีดูแย่มาก เหงื่อเต็มบนหน้าผาก เห็นได้ชัดว่าโดนยาพิษแล้วเช่นกัน
แต่พลังความสามารถของเธอเก่งกว่าไป๋ยี่เฟยหน่อยหนึ่ง ดังนั้นรู้สึกดีกว่าไป๋ยี่เฟยหน่อยหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่ เธอยื่นมือพยุงไป๋ยี่เฟยหนึ่งที “คุณเป็นยังไงแล้วล่ะ?”
ไป๋ยี่เฟยนวดหัวต่อๆกัน ไม่กล้าคิดมาก หยิบยาเม็ดเม็ดหนึ่งออกมาให้กับฉีฉีพูดว่า “รีบกินมันเข้าไป!”
ในเวลาเดียวกัน หลี่จู้ลุกขึ้นมาแล้ว เขาจ้องมองทุกคนล้มลงไปอย่างโหดเหี้ยม จากนั้น ยิ้มหยิบไฟแช็กออกมา
จากนั้นอยู่ดีๆมีคนพุ่งเข้ามา ไม่เอ่ยอะไรเลยก็เริ่มสาดน้ำมันไปยังในห้อง พวกเขาไม่เพียงแค่สาดอยู่บนผ้าม่าน ยังสาดไปยังบนกายของคน
มีคนมากมายล้วนสลบไปแล้ว ไม่สามารถต่อต้านเลยสักนิด
หลี่จู้เอ้อระเหยอิสระเล่นไฟแช็กอยู่ ฮึ ยิ้มพูดว่า “ตระกูลไป๋ ตระกูลเย่ พวกคุณไม่ใช่โอหังมากหรือ? ไม่ใช่คิดว่าอยู่เป่ยไห่ไม่มีคนกล้าเตะต้องพวกคุณหรือ? ตอนนี้โอหังต่ออีกสิ!”
“แม่มึงเอ่ย พวกมึงวันนี้ล้วนต้องตายอยู่ที่นี่ จากนั้นเผาจนกลายเป็นขี้เถ้าหมดเลย!”
พูดจบ หลี่จู้แสยะหัวเราะเสียงหนึ่ง จากนั้นทิ้งไฟแช็กที่จุดแล้วออกไป “ล้วนไปตายเถอะ!”
ก็อยู่ในเวลานี้
ฉีฉีพุ่งออกไปอย่างกะทันหัน จับไฟแช็กที่อยู่กลางอากาศไว้ทันที ดับไฟไปเลย
ฉากนี้ก็เกิดขึ้นในพริบตาเดียวเช่นกัน หลี่จู้กับคนของเขาล้วนยังไม่ทันมีปฏิกิริยาขึ้นมา
ทำไมยังมีคนคนหนึ่งไม่เป็นอะไรหรือ?
แต่ว่าไม่เป็นไร หลี่จู้พูดเบาๆว่า “นายจิง รบกวนคุณแล้ว”
พูดจบคำนี้ จิงหลัวเดินออกจากข้างหลังของหลี่จู้
ฉีฉีจ้องมองจิงหลัว เสียงเย็นชาถามว่า “นี่เป็นความคิดของไป๋เซี่ยวหรือ?”
จิงหลัวหยุดการย่างก้าว มีความแปลกใจเล็กน้อยคิดไม่ถึงว่าฉีฉีจะรู้จักไป๋เซี่ยว แต่ว่าอีกไม่นานก็ไม่ได้ประหลาดใจมากขนาดนั้นแล้ว เพียงแค่พูดเบาๆว่า “ไม่ใช่เลย นี่เป็นความคิดของผมส่วนตัว”
“อีกทั้ง คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผมเลยสักนิด หลอกคำพูดของผมก็ไม่มีประโยชน์ เพราะว่าวันนี้จะไม่มีสักคนมีชีวิตออกไป!”
พูดจบ รูปร่างจิงหลัวขยับๆหนึ่งที ก็พุ่งไปยังฉีฉีเลย
ฉีฉีตื่นตะลึงทันที: ความเร็วเร็วมาก!
เธอย่อมเคยได้ยินจิงหลัวบอดี้การ์ดข้างกายไป๋เซี่ยวมาก่อนอยู่แล้ว แต่ว่าไม่เคยเจอมาก่อน ดังนั้นไม่รู้ว่าพลังความสามารถที่แท้จริงของเขาอยู่ในระดับไหนเลย
แต่ตอนนี้มองเห็นความเร็วกับความรุนแรงที่อยู่บนกายของเขาก็รู้เลยว่า พลังความสามารถของเขาแข็งแกร่งมาก นี่ทำให้ฉีฉีตื่นตะลึงหนึ่งที
ดังนั้นเธอเกร็งตัวเองไว้ อย่างมีสมาธิจดจ่อไปโต้ตอบ
จิงหลัวมาถึงข้างหน้าแล้ว มือก็กำลังอยู่ข้างหูของฉีฉี ฉีฉีหันข้างหลบพ้น รู้สึกถึงลมหนาวที่เห็นได้ชัด
การเคลื่อนไหวของฉีฉีดูเหมือนช้าลงเล็กน้อย อาจจะเนื่องเพราะยาถอนพิษยังไม่ได้ออกฤทธิ์ทั้งหมด สภาพยังไม่ถึงจุดสุดยอด
หลังจากหลบพ้นมือของเขา ฉีฉีก็เห็นในมือของจิงหลัวอยู่ดีๆโผล่มีดสั้นออกมาด้ามหนึ่ง จิงหลัวถือมีดสั้นหมุนตัวกลับก็จะแทงไป
ฉีฉีตื่นตะลึงฉับพลันในทันที ยกเท้าก็คือเตะหนึ่งที
จิงหลัวเห็นสภาพร่างกายเงยไปข้างหลังทันที ยกเท้าขึ้นมาเช่นกัน พริบตาเดียวขาทั้งสองชนกัน
“ปั้ง!”
คนทั้งสองถอยหลังพร้อมกัน
ฉีฉียังไม่ทันประคองร่างกายของตนเองไว้ อยู่ดีๆจิงหลัวก็พุ่งเข้ามาแล้ว หลบไม่ทันเลยสักนิด ท้องน้อยรับเท้าเขาหนึ่งทีอย่างฝืนๆ
“ปั้ง!”
ฉีฉีตีลังกาลอยออกไปโดยตรง จากนั้นชนอยู่บนกำแพงอีก สุดท้ายตกอยู่บนพื้น
ในมือจิงหลัวถือมีดสั้นของตนเองไว้ หัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่ง “ฝีมือยังไม่เลว แต่ว่าโดนยาพิษแล้ว ท่าทีโต้ตอบช้าไปมากเลย ไม่อย่างนั้นล่ะก็ จะสามารถสู้กับคุณอีกสักรอบ”
“น่าเสียดายแล้ว นี่ก็ส่งคุณเดินทางเถอะ”
พูดคำนี้จบ จิงหลัวยกมีดสั้นที่อยู่ในมือขึ้น
ตอนที่มีดสั้นจะตกลงมา อยู่ดีๆมีเสียงอ่อนแอเสียงหนึ่งดังขึ้น
จิงหลัวตื่นตกใจอย่างมาก จากนั้นก็รู้สึกถึงว่าขาของตนเองถูกคนเกาะไว้แล้ว ต่อจากนั้นพลังทุ่มขนาดดั่งยักษ์โจมตีมา
“ปั้ง!”
ไป๋ยี่เฟยตื่นขึ้นมาแล้ว เขาค่อยๆกระชั้นชิดกับจิงหลัวเกาะขาทั้งคู่ของเขาไว้ พลิกคนไปเลย
จากนั้นก่อนที่จิงหลัวจะมีปฏิกิริยา ก็กอดขาอีกครั้งหนึ่งของเขาไว้อีก คดงอพับซ้อนกันตนเองค่อยถือโอกาสขึ้นไปทับ กลายเป็นทักษะการล็อคอย่างหนึ่ง
อยู่บนพลังความสามารถ ไป๋ยี่เฟยแม้แต่ฉีฉีก็สู้ไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจิงหลัวเลย แต่ว่าเพียงแค่ประชิดตัว ไป๋ยี่เฟยก็จะมีช่องว่างแสดงความสามารถออกมา
บนกายไป๋ยี่เฟยพกยาถอนพิษที่เฝิงจั๋วศึกษาค้นคว้าผลิตออกมา ดังนั้นหลังจากรู้ว่าโดนยาพิษแล้วหยิบเม็ดหนึ่งออกมาให้ฉีฉีก่อน เพราะว่าค่ากำลังการต่อสู้ของเธอมากที่สุดในนี้ ดังนั้นให้ยาถอนพิษแก่เธอก่อน
ครั้งนี้ฉีฉีไม่ได้ลังเล ดังนั้นกลืนยาถอนพิษลงไปโดยตรง จากนั้นเอายาถอนพิษที่เหลืออยู่บนกายไป๋ยี่เฟยป้อนให้ไป๋ยี่เฟยกับเฉินอ้าวเจียว
ยาถอนพิษยังมีประโยชน์เล็กน้อย อย่างน้อยตอนนี้ไป๋ยี่เฟยตื่นแล้ว