ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 502
บทที่502
พอฟังคำของหลี่เฉียงตงเสร็จ สายตาไป๋ยี่เฟยก็มองหลี่เฉียงตงด้วยความซับซ้อน “ผมอยากรู้ ว่าทำไมคุณต้องช่วยงานไป๋หยุนเผิง? ถึงขั้นสังเวยหลอกใช้ลูกสาวตัวเองอย่างไม่เสียดาย?”
หลี่เฉียงตงมองดูเขา แล้วตอบอย่างราบเรียบว่า: “เพราะเขาเคยช่วยชีวิตฉัน”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้คิดถึงจุดนี้เลย แต่หลังจากประหลาดใจแล้ว ก็ยังไม่สามารถเข้าใจได้ แม้จะเคยช่วยชีวิตตัวเองไว้ แต่ก็ไม่เห็นต้องขายลูกสาวตัวเองเลยนี่นา?
อยู่ๆ ไป๋ยี่เฟยก็คิดอะไรขึ้นมาได้ “ฉะนั้น เสว่เอ๋อถึงได้แต่งกับผม?”
หลี่เฉียงตงพยักหน้า
ไป๋ยี่เฟยจึงหัวเราะตามขึ้นมา “ถ้าผมไม่ชอบเสว่เอ๋อ แล้วเสว่เอ๋อก็ไม่ชอบผม คุณจะให้เขาผู้หญิงตัวคนเดียวทำอย่างไร?”
วิธีอย่างนี้ไม่ต่างอะไรกับพ่อแม่สมัยโบราณ เพื่อตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตก็ยกลูกสาวให้แต่งานกับลูกชายของผู้มีพระคุณ ไม่สนแม้แต่น้อยว่าลูกสาวตัวเองจะมีความสุข หรือชีวิตจะสบายหรือไม่
“ความจริงได้พิสูจน์ว่า พวกนายรักกัน” หลี่เฉียงตงตอบอย่างราบเรียบ
ไป๋ยี่เฟยสะอึก ไม่สามารถโต้แย้ง
หลี่เฉียงตงพูดต่อว่า: “นายลงสมัครเลือกตั้ง ล่อให้ผู้ร้ายที่อยู่เบื้องหลังออกมา เรื่องราวก็จะจบลง เสว่เอ๋อก็จะปลอดภัย ไม่ใช่เหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยยิ้มอย่างเยือกเย็น “ปลอดภัยจริงเหรอ?”
แม้จะจัดการคนที่อยู่เบื้องหลังแล้ว ก็ไม่เห็นว่าจะปลอดภัย อย่างไรก็ยังมีเสือที่คอยจ้องขย้ำอย่างไป๋เซี่ยวอยู่ แล้วยังมีตระกูลฉุงที่คอยจะแก้แค้นให้ฉุงโยวเวย
พวกเขาไม่ปล่อยให้ไป๋ยี่เฟยรอดไปได้แน่ หลีเสว่ก็ต้องถูกคุกคามด้วยโดยปริยาย
แต่ว่า……ถ้าไม่ทำอย่างนั้น เรื่องราวก็ไม่จบ
“ผมไปแน่นอน”
จบประโยค ไป๋ยี่เฟยก็เดินจากไปอย่างไม่เหลียวกลับมามอง……
ที่ห้องทำงานประธานกรรมการโหวจวี๋กรุ๊ป
“ท่านประธานคะ มีคุณผู้หญิงชื่อเย่อ้ายมาขอพบครับ” เลขาฯ สาวสวยมาใหม่สวมชุดเดรสสีดำ พูดกับหลิ่วจาวเฟิงอย่างเคารพ
ใบหน้าของหลิ่วจาวเฟิงยังมีรอยแดงบวมอยู่ บนลำตัวที่มองไม่เห็นก็มีรอยฟกช้ำ เป็นรอยที่ถูกเฉินอ้าวเจียวต่อยเมื่อคราวก่อน
เดิมทีเขาต้องตายแล้ว ตอนที่มีดของเฉินอ้าวเจียวกำลังจะแทงลงมา ไม่รู้ว่าคนของใครมาได้ทันเวลา ช่วยเขาไว้ได้ทัน ทำให้เขารอดมาได้
“อืม เชิญเข้ามา” หลิ่วจาวเฟิงพยักหน้า คิดในใจว่า:เย่อ้ายมาหาเขาทำไม?
ไม่นานเท่าไหร่ เลขาฯ สาวสวยก็เชิญเย่อ้ายที่สวมกระโปรงยาวสีแดงเข้ามา
หลิ่วจาวเฟิงนั่งอยู่กับที่ไม่ลุกขึ้น “วันนี้ลมอะไรพัดคุณหนูใหญ่เย่มาที่นี่?”
อ้ายเย่ก็ไม่ถือสาท่าทีของหลิ่วจาวเฟิง แต่มองไปยังเลขาฯ สาวสวยที่อยู่ข้างเขา
หลิ่วจาวเฟิงเลิกคิ้วขึ้น พูดกับเลขาฯ ว่า: “คุณออกไปก่อน!”
“ค่ะ ท่านประธาน”
เลขาฯ เดินออกไป อ้ายเย่ก็นั่งลงตรงโซฟาใช้พักผ่อน พูดอย่างช้าๆ ว่า: “ที่ฉันมาก็เพื่อส่งของให้คุณ”
“ของอะไร?” หลิ่วจาวเฟิงยังคงไม่ลุกขึ้น สาเหตุหลักเพราะรอยช้ำบนตัวเขายังเยอะอยู่ ขยับตัวนิดเดียวก็รู้สึกเจ็บ
เย่อ้ายเห็นแล้วก็คิ้วขมวดเล็กน้อย เลยเดินเข้าไปเอง หยิบบัตรเชิญจากซองขาวที่อยู่ในกระเป๋าถือออกมา วางไว้บนโต๊ะทำงาน “การเลือกตั้งสหพันธ์ธุรกิจเป่ยไห่”
หลิ่วจาวเฟิงเลิกคิ้วขึ้น “ให้ผมเหรอ?”
พูดเสร็จ หลิ่วจาวเฟิงก็หยิบบัตรเชิญใบหนึ่งขึ้นมา เป็นบัตรเชิญจริงๆ ด้านบนเขียนชื่อเขาเอาไว้ด้วย แล้วยังหมายเหตุว่าเป็นโหวจวี๋กรุ๊ป
“ตอนนี้โหวจวี๋กรุ๊ปเป็นสมบัติของตระกูลเย่ แต่ว่า สำหรับพวกเราแล้วจะมีหรือไม่ก็ได้ ฉะนั้นคุณไปลงเลือกตั้งซะ ส่วนข้อดี ฉันว่าคงไม่ต้องพูด” เย่อ้ายยิ้มมุมปาก
หลิ่วจาวเฟิงวางบัตรเชิญลง เอนตัวพิงพำนัก “คุณหนูใหญ่เย่ ไป๋ยี่เฟยยังอยากฆ่าผมอยู่เลย คุณว่าถ้าผมไป แล้วจะรอดกลับมาเหรอ?”
เขาไม่อยากไปตาย มีชีวิตอยู่ อะไรก็ง่าย หากตายขึ้นมา ต่อให้ผลประโยชน์มากแค่ไหน สิ่งล่อใจมากแค่ไหนก็เปล่าประโยชน์
อ้ายเย่หัวเราะขึ้นมา พูดขึ้นมาเบาๆ ว่า: “คุณกลัวไป๋ยี่เฟยเหรอ?”
“เหลวไหล!” หลิ่วจาวเฟิงตบโต๊ะ อยู่ๆ เสียงก็ดังขึ้น “ผมเหรอจะกลัวเขา? คนกระจอกพรรค์นั้น ผมจะไปกลัวเขาทำไม?”
ประโยคนี้เห็นได้ชัดว่ายิ่งปกปิดยิ่งเห็นได้ชัด
อ้ายเย่ยักไหล่หัวเราะ “แล้วคุณจะไปหรือไม่ไป?”
“ผม……” หลิ่วจาวเฟิงชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นก็กัดฟัน “ผมไป!”
เย่อ้ายเผยยิ้มอีกครั้ง ฉับพลันก็ถอนใจขึ้นมา “คนเรา ต่างกันจริงๆ ด้วย!”
“คุณหมายความว่าอะไร?” หลิ่วจาวเฟิงฟังออกว่าเธอมีความนัย อยู่สีหน้าก็ทะมึนตึงขึ้นมา “คุณว่าผมสู้ไป๋ยี่เฟยไม่ได้?”
เย่อ้ายหันตัวกลับมาที่โซฟา นั่งไขว้ขา เผยให้เห็นขาอ่อนที่ขาวเนียน “ไม่พูดไม่ได้ว่า ไป๋ยี่เฟยเขาเจ๋งกว่านายจริงๆ ไม่อย่างนั้น หลิ่วซื่อกรุ๊ปคงไม่ล้มละลายไม่ใช่เหรอ?”
หลิ่วจาวเฟิงสำลัก สีหน้ายิ่งทะมึนตึงขึ้น กัดฟันกรอดๆ พูดว่า: “นี่เป็นความจริง แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่าง ตอนนี้ผมเป็นผู้ชนะ ถึงได้เป็นประธานกรรมการของโหวจวี๋กรุ๊ป เจ้าไป๋ยี่เฟยเป็นแค่กระจอก!”
เย่อ้ายหัวเราะขึ้นมา “ฉะนั้นน่ะ เที่ยวนี้ไป๋ยี่เฟยถึงไม่ไปลงเลือกตั้งไง”
หลิ่วจาวเฟิงชะงัก แล้วก็ยิ้มว่า “เฮอะ ก็เขาไม่มีคุณสมบัติ ก็ต้องไม่ไปอยู่แล้ว!”
หลิ่วจาวเฟิงยิ้มอย่างมั่นใจ เจ้าหมาบ้าไป๋ยี่เฟยไม่ไป ชีวิตของเขาก็ไม่ต้องเจอกับการข่มขู่ ไหนจะยังตระกูลเย่ที่คอยช่วยเหลือ บวกกับสถานะในโหวจวี๋กรุ๊ป อย่างนั้นเขาต้องประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งแน่
ถึงเวลานั้น เขาก็จะกลายเป็นประธานสหพันธ์การค้าแห่งเป่ยไห่ ซึ่งเท่ากับเหนือกว่าองค์กรทั่วมณฑลเป่ยไห่ทั้งหมด!
ไป๋ยี่เฟยก็จะเทียบเขาไม่ได้ เช่นนั้นหลี่เสว่……
“แล้วที่เกินมาอีกใบให้ใครเหรอ?” เมื่อครู่หลิ่วจาวเฟิงหยิบขึ้นมาดู ข้างบนที่ไม่ได้เขียนชื่อให้ใครเหรอ ชื่อกับองค์กรยังว่างอยู่เลย
อ้ายเย่พูดอย่างไม่แยแส: “เมืองเทียนเป่ยทั่วทั้งเมืองนอกจากโหวจวี๋กรุ๊ป คริสตัลกรุ๊ปแล้ว คุณหาองค์กรไหนที่เหมาะก็ได้”
หลิ่วจาวเฟิงได้ยินก็หลี่ตาเล็กน้อย “ให้ใครก็ได้เหรอ?”
“แล้วแต่คุณ” เย่อ้ายไม่สนแม้แต่นิดเดียว อย่างไรก็อยู่ในเมืองเทียนเป่ย นอกจากโหวจวี๋กรุ๊ปกับคริสตัลกรุ๊ปแล้ว ก็แทบจะไม่มีองค์กรไหนที่ขึ้นชื่อ และไม่มีศักยภาพในการแข่งขันเลย จะให้ใครก็ไม่ต่างกัน
หลิ่วจ้าวเฟิงยิ้มอย่างมีความหมาย “ผมรู้แล้ว”
เย่อ้าย “อืม” ขึ้นมาคำหนึ่ง แล้วก็ไป
หลิ่วจาวเฟิงมองดูบัตรเชิญที่เกินมาหนึ่งใบตรงหน้า ยิ้ม “หึ” พูดว่า: “โอกาสดีอย่างนี้ จะให้เสียเปล่าได้อย่างไร!”
จบประโยค หลิ่วจาวเฟิงก็โทรหาเลขาฯ ทันที “เข้ามาหน่อย”
ไม่นาน เลขาฯ คนสวยก็เข้ามา “ท่านประธาน”
“เอาบัตรเชิญนี่ไป ส่งไปที่ฝูรุ่ยจิวเวลรี่ มอบให้ผู้จัดการใหญ่ของพวกเขา จำไว้ล่ะ ต้องส่งให้ผู้จัดการใหญ่ของพวกเขา อีกอย่าง อย่าบอกว่ามาจากใคร” หลิ่วจาวเฟิงกำชับ
……
ณ ฝูรุ่ยจิวเวลรี่ จางหรงถือบัตรเชิญฉบับหนึ่งเข้ามา “ผู้จัดการหลี่ มีบัตรเชิญใบหนึ่งถึงคุณ”