ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 26
บทที่26
“ผมทำงานอยู่ที่นี่” ไป๋ยี่เฟยตอบกลับ
เหอหยวนหยวนตกใจขึ้นมาเล็กน้อย “คุณทำงานที่นี่?”
ทำงานที่ โหวจวี๋กรุ๊ปได้ ถ้าไม่ใช้เส้น งั้นก็คงมีความสามารถจริงๆ!
แต่ เหอหยวนหยวนคิดว่า ไป๋ยี่เฟยทั้งไม่มีเส้นสายทั้งไม่มีความสามารถ ทำงานที่นี่ได้ยังไงนะ? เชอะ! คิดว่าก็คงเป็นพนักงานตำแหน่งเล็กๆ!
ไป๋ยี่เฟยยกไหล่ขึ้น ไม่เชื่อก็ช่าง เขาไม่ได้สนใจ
แต่ว่า “ใช่สิ คุณมาหาประธานพูดคุยธุรกิจอะไร?”
เหอหยวนหยวนโบกมือแล้วพูดว่า “พูดไปคุณก็ไม่เข้าใจ ฉันไปหาประธานแล้วนะคะ ลาก่อน”
พูดจบ เหอหยวนหยวนก็กำลังจะเข้าไป แต่ว่าพอเดินเข้าไปสองก้าว ก็หยุดลงและพูดว่า “ใช่สิ อาทิตย์นี้เพื่อนๆ นัดรวมตัวกัน คุณก็มาด้วยกันสิ!”
ไป๋ยี่เฟยคิดว่าถึงเวลาไม่มีเรื่องอะไร ก็ตกปากรับคำ
หลังจากรอเขาขึ้นตึกไป ไป๋ยี่เฟยก็บอก หลงหลิงหลิง ให้เธอไปต้อนรับ เหอหยวนหยวนหน่อย
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง หลงหลิงหลิงมาถึงห้องทำงาน
“ท่านประธานคะ คุณเหอมาหานักลงทุน”
ไป๋ยี่เฟยตอบรับ “เอามาให้ผมดู”
หลงหลิงหลิงเอาเอกสารในมือส่งให้ ไป๋ยี่เฟย
หลังจากที่ ไป๋ยี่เฟยเปิดดูอย่างละเอียดก็พูดว่า” เซ็นต์ได้ เธอต้องการเท่าไหร่?”
หลงหลิงหลิงตกใจสักพัก ก็พูดว่า “หนึ่งพันล้าน แต่ว่าถูกฉันปฏิเสธไปแล้ว”
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้ว “โทรไปหาเธอ บอกว่าเซ็นต์สัญญาได้ แต่ว่าเปลี่ยนเป็นสองพันล้าน แต่ว่าผมต้องการหุ้นร้อยละนี่สิบเปอร์เซ็นต์”
หลงหลิงหลิงเห็นแบบนี้ก็เบิกตาโพลง “ท่านประธาน นี่……”
สองพันล้าน คุณแน่ใจว่าไม่ได้ล้อเล่น?
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้วมองเธอ “เป็นไร? ฟังไม่ชัด?”
หลงหลิงหลิงมอง ไป๋ยี่เฟยก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก แต่สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะเปิดปากพูดออกมา “ท่านประธาน สองพันล้านไม่ใช่ตัวเลขน้อยๆ นะคะ ตอนแรกลงทุน กิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ปก็ถือว่าแล้วไป ตอนนี้ธุรกิจท่อเหล็กพวกนี้ กำลังจะล้มละลายแล้ว ลงทุนสองพันล้านเข้าไปเหมือนกับคว้าน้ำเหลว คุณทำแบบนี้ เหมือนกับกำลังผลัก โหวจวี๋กรุ๊ปเข้าไปในนรก!”
“หรือว่าท่านประธานทำเพื่อผู้หญิงคนนั้น? แต่ยังไงเธอก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง! โหวจวี๋กรุ๊ปไม่ควรล้มละลายในมือผู้หญิงคนเดียว นายท่านให้ฉันมาช่วยคุณพัฒนา โหวจวี๋กรุ๊ป ไม่ใช่ให้มาเล่นสนุก!”
หลงหลิงหลิงอดไม่อยู่จริงๆ เมื่อก่อนหนึ่งพันล้านก็ช่างมันเถอะ ตอนนี้ยังสองพันล้านอีก ถึง โหวจวี๋กรุ๊ปจะมีเงินแต่ก็คงไม่พอให้เขาใช้อีกแล้ว!
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปจริงๆ โหวจวี๋กรุ๊ปไม่ช้าไม่นานก็คงจบ!
ไป๋ยี่เฟยตะลึงเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่ หลงหลิงหลิงพูดกับเขาเยอะขนาดนี้ แถมน้ำเสียงยังดุอีก!
หลังจากที่ ไป๋ยี่เฟยเอนหลังพิงเก้าอี้ พูดเบาๆ ว่า “งั้นดี คุณมาเป็นประธาน?”
หลงหลิงหลิงฟังจบก็ส่ายหน้าทันที “ขอโทษค่ะ ท่านประธาน”
แค่เธอโกรธก็ลืมสถานะตัวเองไปชั่วครู่
ไป๋ยี่เฟยเหลือบมองเธอ เอาเอกสารโยนลงบนโต๊ะและพูดว่า “รีบไปจัดการ!”
“ค่ะ” หลงหลิงหลิงตอบรับและหมุนตัวจากไป
ไป๋ยี่เฟยมอง หลงหลิงหลิงที่กำลังออกไป และขมวดคิ้วขึ้น เขา ไป๋ยี่เฟยจะทำเพื่อผู้หญิงคนเดียวและไม่ทำเพื่อพนักงานทั้งบริษัทได้ยังไง? แต่ถ้าทำผู้หญิงคนนั้นต้องเป็น หลี่เสว่!ผู้หญิงคนอื่นเป็นไปไม่ได้!
ที่เขาเลือกลงทุน ก็เพราะเหตุผลอื่น แต่เขาไม่จำเป็นต้องอธิบายกับ หลงหลิงหลิง
……
ไม่นานก็มาถึงวันหยุด ไป๋ยี่เฟยมาตามสถานที่ที่ เหอหยวนหยวนให้เธอ มาถึงโรงแรม โรงแรมจิ่วโจว
ตามที่บอกกันมางานรวมตัวเพื่อนๆ ครั้งนี้ เซียวหรงเทาเป็นคนจัดขึ้น แต่ เซียวหรงเทาเป็นลูกคนรวย ที่บ้านมีบริษัทของตัวเอง และความสัมพันธ์กับ ไป๋ยี่เฟยก็ธรรมดา ไม่เชิญ ไป๋ยี่เฟยมาเป็นเรื่องปกติ
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจงานพวกนี้ และก็ไม่อยากมา แต่ว่าคำพูดของ เหอหยวนหยวน ทำให้เขาคิดถึงบางคน คือเพื่อนสนิทของเขาสมัยมหาลัย หวังโหลว
หลังจากจบมหาลัยก็ไม่ค่อยได้ติดต่อเขา ดังนั้นถือโอกาสนี้ พอดีที่จะติดต่อเขาได้ ดังนั้นเขาจึงมา
หลังจากมาถึงโรงแรม ก็ถามพนักงานว่า “ขอโทษนะครับงานเลี้ยงเพื่อนนักเรียนอยู่ที่ห้องไหนครับ?”
“ชั้นสอง 216 ครับ” พนักงานตอบกลับ
ไป๋ยี่เฟยเดินขึ้นไปชั้นสอง มาถึงหน้าห้อง ก็ได้ยินเสียงทุกคนคุยกัน
“หวังโหลว แกกำลังหางานทำอยู่ใช่ไหมวะ?”
“ที่ไหนล่ะ? มันเพิ่งตกงานอีกแล้ว! แต่ว่าพูดไปก็ไม่ผิด!”
“เฮ้อ ไม่งั้นแกก็ไปทำงานที่บริษัท พี่เซียวสิ! มีงานที่เหมาะกับแกแน่นอน!”
เซียวหรงเทายิ้มพูด “ได้มันก็ได้ แต่ว่าตอนนี้บริษัทรับแค่พนักงานทำความสะอาด ถ้าแกยินยอม พรุ่งนี้ฉันจะช่วยแกพูดให้ ถึงตอนนั้นก็มาทำงานเลย”
“โถ่ พนักงานทำความสะอาดไม่ค่อยดีเท่าไหร่มั้ง?”
“ไม่อะไรไม่ดีกัน? เป็นพนักงานทำความสะอาดบริษัทนี้ เงินเดือนดีกว่าพนักงานธรรมดาบางที่อีก!”
“ฮ่าฮ่า….พูดไปก็ถูก!”
หวังโหลวสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงยีนสีฟ้า ใบหน้าสะอาดสะอ้านไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา
เขาอารมณ์ดีมาโดยตลอด ถึงแม้คนพวกนี้จะหัวเราะเยาะเย้ย หวังโหลวก็ไม่เคยโกรธเลย
พอ ไป๋ยี่เฟยมาถึงก็เห็นสถานการณ์แบบนี้ ก็ยิ้มอย่างเงียบๆ “ขอโทษนะ มาช้าเลย”
ทุกคนเห็นแบบนี้ ก็ถามสารทุกข์สุกดิบไม่กี่ประโยค
มีแค่ จ้าวเผิงที่สีหน้าไม่ค่อยดี และไม่ได้ทักทาย ไป๋ยี่เฟย
หวังโหลวเห็น ไป๋ยี่เฟยมาถึงแล้ว ก็ให้เขานั่งข้างตัวเอง
หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยนั่งลงแล้ว เขายิ้มและพูดว่า “หวังโหลว แกยังเหมือนเดิมเลยว่ะ! เปิดบริษัทไม่เห็นบอกพวกเราเลยสักนิด!”
พูดจบ ทุกคนก็นิ่งไป
หวังโหลวก็นิ่งเหมือนกัน “แกพูดบ้าอะไร?”
ไป๋ยี่เฟยกะพริบตาให้ หวังโหลว “แกดูแกสิ เปิดบริษัทเองเป็นเรื่องที่ดี ยังมาเขินอีก ปิดไว้ทำไม?”
หวังโหลวเห็นแบบนี้ก็เข้าใจความหมาย และยิ้มออกมาอย่างอึดอัด
ทุกคนเห็นแบบนี้ก็เงียบลงทันที
เมื่อกี้ยังมีคนว่าเขา สุดท้ายล่ะ เขาเปิดบริษัทของตัวเอง เป็นประธานบริษัทเชียวนะ!
จู่ๆ คนที่พูดเมื่อกี้ก็รู้สึกใบหน้าของตัวเองร้อนจนปวด
ผู้หญิงบางคนพอได้ยินก็เริ่มเข้ามาพูดคุยกับ หวังโหลว คิดถึงตอนนั้นที่ หวังโหลวเรียนเก่งเหมือนกับเครื่องสู้รบ!
วันนี้เปิดบริษัทเอง คงจะเพราะความสามารถของเบส คงไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์หรอก และแน่นอนผู้หญิงพวกนั้นกำลังคิดว่าจะพูดคุยกับ หวังโหลวยังไง
“ฉันบอกไปแล้ว ว่า หวังโหลวไม่ได้แย่ขนาดนั้น!”
“ไม่เสียแรงที่เรียนเก่ง สุดยอดจริงๆ!”
“……”
ไป๋ยี่เฟยเหลือบมองเพื่อนๆ ที่อยู่ในสังคมมาสองปี คำพูดที่ทำให้งูตื่นมีเต็มไปหมด
แต่เพราะว่าคำพูดของ ไป๋ยี่เฟยไม่กี่ประโยค ทำให้ เซียวหรงเทาถูกเพื่อนค่อยๆ ลอบด่า ทำให้เขารู้สึกอึดอัด
“ฉันจำได้ว่าฉันไม่ได้เชิญแก? ไป๋ยี่เฟย”
เหอหยวนหยวนที่นั่งอยู่ข้างๆ เซียวหรงเทารีบพูดขึ้นว่า “เออ วันนั้นฉันไปหาท่านประธาน โหวจวี๋กรุ๊ป พูดคุยเรื่องธุรกิจเลยเจอเขา เลยถือโอกาสชวนเขามา”
ทุกคนเข้าใจ
เซียวหรงเทายิ้มเยาะออกมา “จะว่าไป ไป๋ยี่เฟยมาโรงแรมหรูแบบนี้ได้ยังไง?”
จ้าวเผิงก็พูดตาม” ถ้าไม่ใช่เพราะงานเลี้ยงครั้งนี้ เขาคงไม่เคยมา! แบบนี้ต้องขอบคุณ พี่เซียวจริงๆ!”
เมื่อก่อนหลังจากที่ จ้าวเผิงถูก ไป๋ยี่เฟยชกหน้า เขาก็เลยหาคนสะกดรอยตาม ไป๋ยี่เฟยสักพัก ไป๋ยี่เฟยไม่เคยขับรถมาเซราติเลย!
นี่บอกได้ว่า ไป๋ยี่เฟยแค่โกหก คิดว่าคงซื้อรถแทนคนอื่น ตัวเขาเองเอามาโกหก!
อีกจากด้านหนึ่ง เขาคิดก็ไม่ผิด ไป๋ยี่เฟยซื้อรถให้คนอื่นจริงๆ
เหอหยวนหยวนฟังแล้วก็พูดว่า “ไม่หรอกมั้ง? วันนั้นฉันเจอเขาที่ โหวจวี๋กรุ๊ป เขาบอกว่าทำงานที่ โหวจวี๋กรุ๊ป”
“แกล้อเล่นรึเปล่า? หยวนหยวน แกเข้าใจผิดรึเปล่า? ไป๋ยี่เฟยจะทำงานที่ โหวจวี๋กรุ๊ปได้ยังไง?” เซียวหรงเทาเหมือนกับกำลังได้ยินเรื่องน่าขำ
เหอหยวนหยวนพอได้ยินคำพูดพวกนี้ ก็มอง ไป๋ยี่เฟยอย่างสงสัย จำได้ว่าตอนนั้น ไป๋ยี่เฟยใส่ชุดสูท แต่ตอนนี้ใส่ชุดแผงลอย
ตอนนี้ คนอื่นก็เยาะเย้ย “ตอนนี้ ไป๋ยี่เฟยคงยังไม่มีงานทำสินะ?”